ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 118
ก่อนที่ราชาก็อบบลินจะตาย ลงมันฟันขวานของมันลงไปที่ไหล่ขวาของทิลล์ จนเกือบขาด เลือดไหล่ออกมาอย่างมาก และเจสันกังวลว่าทิลล์อาจจะตายได้หากเขาไม่รีบรักษาบาดแผลนั้น แต่ดูจากแกนมานาของทิลล์ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะใช้มานาจนหมด
หลังจากนั้น ทิลล์ได้หยิบขวดสีแดงออกมา และดื่นมันเข้าไป เจสันสัมผัสได้ว่าแกนมานาของทิลล์นั้นฟื้นฟูขึ้น และร่างกายของเขาก็ค่อยๆ ฟื้นฟู
ผลของยานี้ สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บต่างๆ ได้ ไม่ว่าบาดแผลนั้นจะรุนแรงมากแค่ไหน มันก็สามารถฟื้นฟูให้ลับมาคงสภาพเดิมได้
โดมมานาเริ่มค่อยๆ จางหายไป และเชนได้เดินเข้าไปและมองดูร่างของราชาก็อบบลินและตรวจสอบอย่างละเอียด มองจากภายนอกมันก็ดูปกติไม่มีอะไรพิเศษ แต่เห็นได้ชัดว่าราชาก็อบบลินต้องกลายพันธุ์และมีเมล็ดพันธุ์ธาตุไฟเติมโตอยู่ในแกนมานาของมัน
เปลวไฟสีน้ำเงินเป็นธาตุที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ขั้นสูงของธาตุไฟ มันมีความรุนแรงมากกว่าเปลวไฟปกติเป็นอย่างมาก เนื่อจากเนื้อไฟมีความหนาแน่นและมีอุณหภูมิที่สูงกว่าหลายร้อยเท่า
เหล่าออร์คและก็อบบลินได้มองนายที่ตายไปแล้วด้วยความตกใจ และตอนนี้พวกมันรู้แล้วว่าชัยชนะของพวกมันได้จบสิ้น
พวกมันใช้เวลาหลายปีในการสร้างกองทัพและอาวุธด้วยอักษรรูน แต่ทุกอย่างนั้นพังทลายลง
เชนและเจสันได้ตรวจดูร่างกายของราชาก็อบบลินอย่างละเอียด อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้พบอะไรเพิ่มเติมยกเว้นเมล็ดพันธุ์เพลิงนรก
สิ่งของของราชาก็อบบลินทั้งหมด จะกลายเป็นของทิลล์ ทิลล์ใช้เวงลาสักพักกว่าจะฟื้นฟูร่างกายเสร็จ เขาเดินมาทางร่างของราชาก็อบบลิน และยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
การเอาชนะสัตว์ร้ายระดับลอร์ดได้ถือว่าเป็นความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ และแม้ว่าราชาก็อบบลินจะเป็นลอดร์ดระดับต่ำ แต่มันก็ถือว่าเป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยม
ทั้งเชนและเจสันต่างยินดีกับทิลล์ ทิลล์เก็บร่างของราชาก็อบบลินเอาไว้ และหวังว่าจะนำส่วนต่างๆ ของมันไปเล่นแร่แปรธาตุได้
ทิลล์ตรวจดูอาวุธของราชาก็อบบลิน และเขาก็อุทานด้วยความตกใจ
“มันเหมือนกับอาวุธมานาเกรด 3 !!”
สิ่งนี้ทำให้แม้แต่เชนก็มองขวานด้วยความประหลาดใจ
เจสันไม่แน่ใจว่าหมายความว่าอย่างไร แต่เขารู้ว่าอาวุธมานาเกรด 3 ถือเป็นสุดยอดอาวุธของพวกมนุษย์ ในขณะที่ทิลล์เคยบอกไว้ว่า อาวุธมานาเกรด 2 สามารถเจาะทะลุการป้องกันของสัตว์ร้ายระดับผู้พิทักษ์ได้
สายตาของเชนยังคงเพ่งเล็งไปที่ไฮออร์คที่เขาจับมา และเจสันคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไป
“ออร์คนี้สามารถสร้างอาวุธมานาเหล่านี้ได้โดยปราศจากความรู้เกี่ยวกับอาวุธมานาได้งั้นหรอ หรือพวกมันทดลองสร้างขึ้นมาเรื่อยๆ จนประสลความสำเร็จ”
มันอาจจะเป็นเช่นนั้น เพราะขวานนี้มีน้ำหนักมากเกินที่มนุษย์จะสามารถใช้ได้ เห็นได้ชัดว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อราชาก็อบบลินโดยเฉพาะ
เจสันสังเกตเห็นเชนและการจ้องมองของเขา แม้เป็นเวลาเสี้ยววินาที เจสันก็เห็นความโลถในดวงตาของเชน ขณะที่เชนถามทิลล์
“เจ้าหนูทิลล์ เจ้าเสร็จภารกิจแล้วใช่ไหม จะกลับเมืองตอนนี้เลยไหม”
ทิลล์นึกขึ้นได้ เชนเองก็กังวลเกี่ยวกับเมืองและชาวเมือง
ดังนั้นทิลลืจึงได้บอกเชนให้กลับไปด้วยกันที่เมือง ใแต่เชนปฏิเสธในขณะที่เขาลากเจสันและไฮออร์คเข้ามาใกล้ตัวและพวกเขาก็ได้หายวับไป
ทิลล์ยืนงงและสับสน
“อะไรกันน”
เขาสงสัยก่อนที่จะกางปีกออกและบินไปยังเมืองด้วยความรวดเร็ว
หลังจากที่เชนวาร์ปมาอยู่เหนือป่าทึบที่มีต้นไม้ยักษ์สูง 1000 เมตร การจ้องมองของเจสันนั้นพร่ามัวแต่เจสันก็พยายามที่จะใช้ดวงตามานาตลอดเวลา
ด้วยสายตาของเจสัน เขาสามารถมองเห็นกระแสมานาชนิดต่างๆ ได้มากมายออกมาจากต้นไม้ต่างๆ รอบตัว และเขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมต้นไม้ยักา์ถึงปลดปล่อยมานาบริสุทธิ์ออกมา
สำหรับเจสัน ต้นไม้ยักษ์นี้ดูเหมือนกันเป็นศูนย์กลางของป่า โดยต้นไม้ต้นเดียวแต่ใบและกิ่งก้านสาขาของมันแร่ออกไปปกคลุมรอบพื้นที่ป่า
‘หืม นั่นคืออะไร สัตว์ร้ายหรือสมบัติวิเศษ’
เจสันคิดขณะที่เห็นอ่อร่าสีม่วงแผ่ออกมาจากบริเวณใดบริเวณหนึ่งของป่า
“ที่นี่มีก็อบบลินอยู่อีกงั้นหรอ “
เจสันพึมพัมขณะที่เชนได้ยิน
“เปล่าหรอก ด้านหลังต้นไม้นั้นไม่มีเหล่าก็อบบลิน “
เชนกล่าวขณะที่ปลดปล่อยมานาออกมาเพื่อให้เหล่าต้นไม้ได้แยกตัวเปิดทางให้เขา
เชนนั้นยอมรับว่าราชาก็อบบลินนั้นเจ้าเล่ห์และแข็งแกร่ง ขณะที่เขามองไปที่เจสันอย่างสงสัย
สิ่งที่เข้ามาในสายตาของเขาคือเมืองในยุคกลาง ที่มีกระท่อมเล็กๆ นับพันที่ทำจากหินและต้นไม้ อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิ่งน่าประหลาดใจ ป่าไม้ที่ล้อมรอบเป็นเหมือนกำแพง ในขณะที่มีสิ่งปลูกสร้างอยู่ภายใน
เมื่อมองไปรอบๆ เจสันสงสัยว่าต้องใช้เวลานานขนาดไหนถึงจะสามารถสร้างเมืองแบบนี้ขึ้นมาได้ และเมืองเหล่านี้ยังตั้งอยู่ทั้งบนต้นไม้และบนพื้นดิน ทุกส่วนเชื่อมต่อกันด้วยสะพานโยง
ที่นี่คือแหล่งหมู่บ้านของพวกก็อบบลิน ในขณะที่เจสันนั้นไม่สามารถมองเห็นขอบเขตของหมู่บ้านนี้ได้
เมืองเขาจะเดินดูรอบๆ เจสันก็สังเหตเห็นว่าตัวเขายังลอยอยู่บนอากาศ เขาขอให้เชนปล่อยเขาลงและเขาอยากจจะตรวจสอบรอบๆ เชนไม่สนใจคำขอของเจสัน ซึ่งมันทำให้เจสันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
แต่เวลาผ่านไปสักพักก็มีลูกธนูพุ่งตรงมาที่เจสัน แต่ดีที่ร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มด้วยมานาของเชน
เจสันตกตะลึงและเริ่มเหงื่ออกอย่างมาก เขาก้มหน้าลงและพบว่ามีทหารก็อบบลินกว่า 100 ตัว และก็อบบลินระดับสูง 2-3 ตัว กำลังร้องด้วยความโกรธแค้น เนื่องจากพวกมันไม่ชอบให้ใครมาบุกรุกพื้นที่ของพวกมัน
เชนโบกมือในแนวนอนและปลดปล่อยมานาปีศาจออกมา มันกระจายครอบคลุมไปทั่วพื้นที่ เหล่าก็อบบลินตกตะลึงกับพลังนี้
และก็มีใบมีดคล้ายบูมเมอแรงสีดำ ลอยและปัดกวาดทุกสิ่งที่ขวางมัน พวกมันถูกฆ่าโดยไม่ได้ตั้งตัว หลังจากที่พวกก็อบบลินตาย เชนได้ยิ้มให้กับเจสันก่อนที่เขาจะพูดว่า
“เราออกล่าพวกก็อบบลินกันเถอะ”
และเมื่อกล่าวเสร็จก็เกิดวงแหวนเวทย์สำดำปรากฏขึ้น และมีหมาป่าสีดำขนาดใหญ่ออกมา
มันเป็นสัตว์ร้ายระดับผู้พักษ์ชั้นสูงสุด มันมีดวงตาสีแดงที่อยู่ด้านหลังและขนสีดำสนิท คล้ายหมานรก เจสันตกตะลึงและหวาดกลัว
และดวงตาก็เริ่มปรากฏทั่วร่างกายของหมาป่าสำดำ ทำให้มันสามารถมองเห็นได้รอบทิศทาง
ร่างกายของเจสันเกร็งขึ้นเมื่อได้เห็นหมาป่าที่น่าเกียจตัวนี้ เชนยิ้มและพูดขึ้น
“ฟุกุ ถึงเวลาล่าของเจ้าแล้ว จัดการพวกมันให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่ตัวเดียว ไปได้”
ดวงตาทั้งหมดของหมาป่าเบิกกว้าง ก่อนที่เจสันจะสัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่ไม่คุ้นเคย และเขาเริ่มสั่นเทาอย่างไม่ตั้งใจ
“เจ้าหนู นี่คือหมาป่าแห่งความสิ้นหวัง เมื่อใครก็ตามได้จองเข้าไปในดวงตาของมัน คนคนนั้นจะูกสลายวิญญาณและตายไป มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่หายากจากนรก “
เชนกล่าว และพื้นป่าอันเชียวชอุ่มก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องอัน่าหวาดกลัวของพวกก็อบบลิน จากนั้นผ่านไปไม่นาน เสียงทั้งหมดก็ได้เงียบหายไป