ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 174
ตอนที่ 174 กริชถึงมานา
เจสันรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าเฉิงกําลังพิจารณาการเซ็นสัญญาวิญญาณกับเขา ซึ่งเขาไม่เคยคิดมาก่อน
เขาสนใจการทํางานของฉันจริงๆงั้นหรอ หรือสิ่งอื่นที่ดึงดูดความสนใจของเขา
เจสันครุ่นคิด เป็นวินาทีที่เขาครุ่นคิดว่าการเอ่ยถึงสัญญาวิญญาณอาจทําให้เฉิงอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นรึเปล่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาพูดไปแล้ว การกลับคําพูดอาจจะทําให้เกิดปัญหาตามมาที่หลัง
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เจสันก็พูดถึงบางสิ่งที่เขาเห็นว่าสําคัญ
ถ้าคุณต้องการสังเกตกระบวนการตีเหล็กของผม คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้บอกใครเกี่ยวกับมัน ซึ่งรวมถึงการเขียนลงไปทุกที่
การบันทึกและวิธีการอื่นใดในการแบ่งปันสิ่งที่คุณเห็นให้กับผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ ถ้าใครถาม คุณต้องกล่าวว่าคุณไม่เคยสังเกตฉันทําอะไรเลยภายในหอคอยช่างฝีมือ
ถ้าพนักงานต้อนรับบอกใครเกี่ยวกับผมที่พยายามหาห้องตีเหล็ก คุณต้องบอกพวกเขาว่าคุณรู้จักผมผ่านทางลูกสาวของคุณ และบอกว่าคุณพาผมไปที่ห้องตีเหล็ก เพราะคุณชื่นชอบในตัวของผม ตกลงไหม
นอกจากนั้น คุณไม่ควรพยายามค้นหาว่าใครเป็นอาจารย์ของผม หรือผมเรียนรู้สิ่งที่ในสิ่งที่ผมสามารถทําได้จากที่ใด ตกลงไหม
อา… และยิ่งกว่านั้น ทุกสิ่งที่เรากําลังพูดถึงในวันนี้จะถูกเก็บเป็นความลับตลอดไป!
เมื่อพูดอย่างนั้น เจสันก็ปล่อยด้ายแห่งจิตวิญญาณของเขาซึ่งมีรูปร่างเป็นแผ่นกระดาษ ขณะที่เขาจดเงื่อนไขที่เขาเคยระบุไว้ก่อนหน้านี้อย่างเป็นระเบียบ
หากคุณตกลงตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ โปรดลงนามในสัญญา แล้วเราจะดําเนินการต่อ
เจสันกล่าวพร้อมยิ้มอย่างสดใสเพื่อบรรเทาความตึงเครียดที่ก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งคู่
ตอนนี้เขาอาจจะเอาแต่ใจเกินไป แต่มันสําคัญมากสําหรับเขาที่ไม่ควรเปิดเผยเปลวไฟต้นกําเนิดสีดําของเขาในขณะนี้ เพราะเขายังไม่สามารถป้องกันตัวเองได้
เมื่อเห็นเจสันยิ้ม คลายความตึงเครียดของเฉิงเล็กน้อย แต่ข้อเท็จจริงที่ระบุมีรายละเอียดมากกว่าที่เขาคิด ขณะที่เขาอ่านสัญญาวิญญาณที่เกือบจะโปร่งใสต่อหน้าเขา
มันแตกต่างจากที่เจสันพูดเล็กน้อย แต่เนื้อหาก็ใกล้เคียงกัน
ทุกอย่างที่ระบุไว้ในสัญญาป้องกันไม่ให้เขาเผลอรั่วไหลข้อมูลใดๆที่เขาจะได้เห็นและได้ยิน จากเจสันโดยไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าทัน
ยิ่งไปกว่านั้น มันเหมือนราวกับว่าเขาไม่เคยขอให้เด็กที่อยู่ข้างหน้าเขาตีเหล็กให้ดู ดังนั้น ทุกอย่างจะถูกเก็บเป็นความลับเพื่อไม่ให้ใครรู้
สิ่งเดียวที่ทําให้เขารําคาญเล็กน้อยก็คือมันเป็นสัญญาวิญญาณด้านเดียวโดยไม่มีการผูกมัดใดๆกับเจสัน
เจสันสามารถยกเลิกสัญญาวิญญาณได้หากต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
อากาศลึกลับรอบๆของเจสัน ทําให้ความอยากรู้อยากเห็นของเฉิงยิ่งสูงขึ้น ในขณะที่เขาตระหนักว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น ถ้าเจสันพยายามที่จะเก็บทุกอย่างเป็นความลับ
และความอยากรู้อยากเห็นของเขาก็เพิ่มจนถึงขีดสุด และเขาได้ลงนามในสัญญาวิญญาณ
ซึ่งมันทําให้เจสันถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาทําแบบนั้น
เจสันเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาที่ขมับของเขา เขายิ้มให้เฉิงอีกครั้งขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังห้องเหล็กส่วนตัวของเฉิงที่ชั้นบนสุด
เมื่อเดินไปที่ห้องตีเหล็ก เจสันสังเกตเห็นว่าไม่มีใครเห็นพวกเขาเลย ซึ่งทําให้เขาประหลาดใจไม่น้อย
เฉิงสังเกตเห็นเจสันมองไปรอบๆ ขณะที่เขาอธิบายให้เขาฟัง
จะไม่มีใครเห็นคุณเพราะฉันเป็นคนเดียวที่ใช้เส้นทางไปยังห้องตีเหล็กของฉัน ฉันชอบทํางานคนเดียวและสิ่งที่กวนใจและรบกวนการทํางานของฉันจึงถูกกั้นไว้
บางครั้งมีความคิดผุดขึ้นมาในหัว และฉันต้องลองทํามันทันที
ฉันจะฟุ้งซ่านเมื่อมีผู้คนใกล้ๆ เพราะฉะนั้นฉันจึงสั่งให้ทุกคนที่อยู่ระหว่างทางไปห้องตีเหล็กของฉันให้ถอยออกจาเส้นทาง
เจสันพบว่าสิ่งนี้แปลก แต่เขาเพียงพยักหน้าราวกับว่าเห็นด้วยกับวิธีคิดของเฉิง เมื่อเข้าไปในห้องตีเหล็ก เจสันสังเกตเห็นว่ามันใหญ่กว่าที่เชนมีอยู่ด้วยซ้ํา
แต่เมื่อสแกนทุกสิ่งด้วยดวงตามานา เขารู้สึกผิดหวัง
เครื่องมือทั้งหมด แรง โรงตีเหล็ก และอื่นๆ ฉายแสงสีอ่อนกว่าในห้องตีเหล็กขนาดเล็กแต่สะดวกสบายของเชน
เจสันถอนหายใจลึกๆ มองเฉิงด้วยสายตาที่แหลมคมขณะที่เขาถาม
เริ่มตอนนี้เลยได้ไหม
เมื่อเห็นเจสันไม่ตื่นเต้นกับอุปกรณ์คุณภาพสูงที่เขาสะสมมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีทําให้เฉิงรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรและทําได้แต่คิดว่าอาจารย์ของเจสันต้องเป็นช่างตีเหล็กที่มีระดับสูงกว่าเขา
คุณสามารถเริ่มต้นได้ทุกเมื่อที่ต้องการ และสามารถใช้อุปกรณ์ทุกอย่างได้ราวกับว่ามันเป็นของคุณ
เฉิงกล่าว ขณะที่เขาเห็นเจสันหยิบแร่เหล็กหยกขนาดเท่าบาสเก็ตบอลออกมา
มันดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่เมื่อเห็นเปลวไฟสีดําลุกไหม้ในมือของเจสัน เปลวไฟต้นกําเนิดภายในตัวของเฉิงก็ได้มีความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ก่อนที่มันพยายามจะไปให้ไกลที่สุดจากเปลวเพลิงสีดําของเจสันภายในโลกวิญญาณของเฉิน
เกิดอะไรขึ้น!?!
เฉิงไม่เคยรู้สึกถึงอารมณ์ใดๆที่ส่งมาจากเปลวไฟต้นกําเนิดแรงค์ D ของเขา และตอนนี้ความรู้สึกหวาดกลัวและการยอมจํานนอย่างลึกล้ําก็ได้ครอบงําเขา
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเหมือนกับว่าเจสันนั้นใช้พลังที่คล้ายคลึงกับเขาแต่กลับแตกต่างกันในเวลาเดียวกัน
ในขณะที่เจสันควบคุมอย่างระมัดระวัง เขาเริ่มทําหล่อหลอมแร่เหล็กหยกอย่างสมบูรณ์เพื่อที่จะขจัดสิ่งเจือปนในแร่และหล่อหล่อมให้เป็นแท่ง
เฉิงจะใช้เวลาสองสามนาทีเพื่อควบคุมเปลวไฟต้นกําเนิดของเขา ในขณะที่เขาเข้าใจอย่างคร่าวๆว่าทําไมเจสันไม่ต้องการให้เขาบอกใครเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนี้
เขามีต้นกําเนิดเปลวไฟด้วย!! และมีพลังวิญญาณสูงมาก…. ….เขาอายุแค่ 14 ปีเองไม่ใช่หรอ.. ได้ยังไงกัน!
เฉิงรู้สึกตกตะลึง ในขณะที่เฝ้ามองเจสันอย่างไม่กระพริบตา
เมื่อเขาจ้องมองเจสันด้วยความสับสน เจสันก็ชําระเหล็กหยกที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างง่ายดาย ขณะที่สิ่งสกปรกและกากตะกอนถูกนําออกจากแท่งเหล็กหยก
เจสันใช้ค้อนทุบแบบพิเศษเพียงไม่กี่ครั้ง และเฉิงก็ตรวจพบว่าเจสันใช้มานาของเขาได้อย่างแม่นยําอย่างยิ่งเพื่อนําสิ่งเจือปนออกจากแท่งเหล็กหยก โดยไม่ทําให้แท่งเหล็กเสียหายและไม่ใช้มานาอย่างสิ้นเปลือง
เมื่อเห็นเจสันเอาสิ่งเจือปนในเหล็กหยกออกอย่างง่ายดาย เฉิงก็สงสัยว่าเขากําลังฝันไปหรือเปล่า ทันใดนั้น เด็กหนุ่มผมดําก็เริ่มทุบแท่งเหล็กให้กลายเป็นรูปร่างคล้ายมีดสั้น
ในตอนนี้ เฉิงได้ตระหนักถึงบางสิ่งที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับเหล็กหยกในมือของเจสัน ซึ่งทําให้เขาโพล่งออกมาว่า
อะไรนะ!
ก่อนที่เขาจะตั้งสติจากการตกตะลึงได้
เขาสามารถทําชําระล้างแค่ระดับ 1 ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วหรือ? และในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น
ใครเป็นอาจารย์ของเด็กคนนี้ !
สิ่งนี้ทําให้เฉิงตกตะลึงอย่างมาก แต่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถบอกใครในเรื่องนี้ได้
ชั่วโมงผ่านไป เจสันก็จดจ่ออยู่กับกระบวนการตีเหล็กอย่างเต็มที่ และเขาก็ลืมไปว่าเฉิงอยู่ใกล้ๆ เมื่อจับที่ระดับสายตา เจสันตรวจดูงานศิลปะของเขาในขณะที่เขาจ้องไปที่กริชสีเขียวสดใสในมือของเขาที่ยาว 30 เซนติเมตรและคมกริบ
เจสันยิ้มขณะมองดูสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างดีของเขา เจสันเห็นสีดําจางๆที่คุ้นเคยแผ่ออกมาจากมีดนั้น นั่นคือตอนที่เขารู้ว่ากริชนั้นเป็นอาวุธระดับ 1 ซึ่งทําให้เขาเองตกตะลึง
มันเป็นเพียงความพยายามครั้งที่สองของเขาในการสร้างอาวุธ แต่การลองครั้งที่สองของเขานั้นดีกว่าครั้งแรกของเขา แล้วในขณะที่เขาได้ใช้เทคนิคใหม่ๆหลายอย่าง เพื่อที่จะปรับใบมีดให้ดีขึ้นและสร้างกริชที่สวยงามยิ่งขึ้น
ในขณะที่ด้านหลังของกริชส่องแสงเป็นสีเขียวเข้ม ด้านที่แหลมคมนั้นมีสีเขียวอ่อนและเจสัน ได้ลับให้คมอย่างดีเยี่ยมด้วยหินลับมีดราคาแพง
เมื่อมองดูกริชในมืออีกครั้ง เจสันรู้สึกว่ามันยังไม่สมบูรณ์แบบเหมือนเป็นอาวุธชิ้นแรกของเขา ขณะที่เขานํากล่องนีออกซิไดซ์ออกมา
จากนั้นเขาก็นํากล่องนีออกซิไดซ์ออกมาและจารึกอักษรรูนจากการทดสอบขั้นพื้นฐานของรูนมาสเตอร์
เฉิงยังคงเฝ้าสังเกตเจสันอย่างตั้งใจและยากจะเชื่อในสายตาของเขา ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มอายุ 14 ปีที่อยู่ข้างหน้าเขาได้ทําสิ่งนี้มาหลายปีนี้
เมื่อทราบวิธีการจารึกของเจสัน ดวงตาของเฉิงก็เบิกกว้างและขนลุกซู่ไปทั่วร่างกาย
เขาสามารถจารึกอักษรรูนบนกริชโดยไม่ทําให้เส้นมานาในแร่เสียหายแถมยังเข้ากันได้กับรูน ฉันเจอสัตว์ประหลาดอะไรที่นี่…เดี๋ยวก่อน!!
กริชเหล็กหยกที่ชําระล้างอย่างสมบูรณ์ของเขาจะไม่ถือว่าเป็นกริชกิ่งมานารีเปล่า หากไม่จารึกด้วยอักษรรูนที่เหมาะสม?
ยิ่งเฉิงคิดถึงสิ่งที่เจสันทํามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น ขณะที่เขาสังเกตเห็นเจสันเขียนอักษรรูนสองแบบบนกริชได้อย่างชํานาญ
มันเป็นอักษรรูนแข็งแกร่งที่เจสันจํามาจากรูนของเหล่าก็อบลิน
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการโดยที่ดวงตาของมานาเปิดใช้งานอยู่ตลอดเวลา เจสันก็พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ จากนั้นเขาก็เติมมานาเข้าไปในใบมีด ซึ่งทําให้อักษรรูนสว่างขึ้นด้วยแสงสีขาว
เขาสร้างกริชกิ่งมานาจริงๆ ในขณะที่อายุแค่ 14 ปีเท่านั้น เฉิงมองสิ่งที่เจสันสร้างขึ้นด้วยดวงตาที่เป็นประกายและตกตะลึงในขณะที่เดียวกัน ในขณะที่กริชของเจสันส่องแสงไปทั่วห้อง