ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes - ตอนที่ 86
ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของสัปดาห์ ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น ในขณะที่นักเรียนคนต่างๆ เริ่มทำงานที่ได้รับมอบหมอยจนเสร็จ พวกเขาเลือกรางวัลกันด้วยตาที่เป็นประกาย ในขณะที่นักเรียนบางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ในช่วงสุดสัปดาห์ นักเรียนประมาณ 40 คน ได้คิดแผนที่จะสามารถทำงานให้สำเร็จ บางคนที่ใช้วิธีการลอบสังหาร ขณะที่บางคนใช้วิธีติดกับดัก หรือแม้แต่สู้กับพวกสัตว์ร้ายอย่างประจันหน้ากับพวกมัน
และก็มีนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่ใช้ยาพิษช่วยในการจัดการกับสัตว์ร้ายเหมือนอย่างเจสัน ในขณะที่บางคนสามารถต่อสู้กับพวกมันด้วยการเผชิญหน้าได้อย่างง่ายดาย เมื่อมองใกล้ๆ เจสันสังเกตว่าแกนมานาของของพวกเขาค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าเกือบทั้งหมดจะเป็นนักเรียนทุน และบางคนก็ใช้สิทธิของขุนนางเช่นเดียวกับเจสัน
เจสันสรุปได้ว่า สัตว์พันธะแรกของพวกนั้นต้องเป้นสัตว์ระดับวิวัฒนาการ ไม่อย่างงั้นก็ต้องมีลักษณะเฉพาะในบางอย่าง แต่เจสันก็ไม่สนใจเด็กพวกนี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากเจสันต้องอ่านทำความเข้าใจและฝึกฝนเทคนิคการแยกจิต
สัปดาห์ที่แล้ว มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเจสันเพราะ เจสันต้องทำความเข้าใจอย่างน้อยก็ขั้นแรกของการแยกจิต และเจสันเองก็ไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งสัปดาห์ ในขณะเดียวกันเจสันก็สามารถผ่อนคลายได้ ด้วยช่วงเวลาที่ให้อาหารกับสกอร์พิโอด้วยน้ำของผลบาคูรีและการฝึกฝนเทคนิคนรกสวรรค์
มันเหนื่อยมาก แต่การใช้หินมานาในการเติมานา เจสันสามารถอดหลับได้โดยไม่มีปัญหา การได้เห็นสกอร์พิโอ เริ่มกินผลของบาคูรีแทนที่จะกินน้ำหวาน ทำให้เจสันประหลาดใจมาก ขณะที่มันก็เริ่มบิดตัวด้วยความเจ็บปวดในทันทีที่แทะเล็มผลบาคูรี และที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือ สกอร์พิโอหยุดที่จะบิดตัวด้วยความเจ็บปวด และกินผลบาคูรีต่อไป
เจสันจึงแย่งหยิบผลบาคูรีออกมา ไม่เช่นนั้นสกอร์พิโอคงกินมันจนหมดและมันจะไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดที่ตามมาได้ แต่บางทีมันอาจจะเจ็บปวดในช่วงเวลาสั้นๆ หากกินผลบาคูรีหมด หรืออาจจะไม่ แต่เจสันต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม สกอร์พิโอก็โตขึ้นจนถึง 8 เซนติเมตรแล้ว และใกล้จะเข้าสู่สัตว์ป่าระดับ 3 ดาวแล้ว เจสันคิดว่ามันอาาจะเหลือการลอกคราบอีกเพียง 2 ครั้ง ก็อาจจะเข้าสู่สัตว์ป่าระดับ 3 ดาว
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่ามันจะหยุดการเติบโต เจสันพบว่าทฤษฎีความบริสุทธิ์ของเขา กำลังทำงานในขณะที่เจสันเริ่มสังเกตุเห็นออร่าสีดำจางๆ ที่แทบจะมองไม่เห็น เปล่งออกมาจากแกนมานาของสกอร์พิโอ ทำให้เจสันรู้สึกดีใจ พลังวิญญาณของเจสันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอีกไม่นานมันจะไปถึง 10 หน่วย
พลังวิญญาณมีความเสถียรและบริสุทธิ์เพียงพอที่จะเริ่มฝึกเทคนิคนรกสวรรค์ระดับ 2 ในขณะที่ข้อกำหนดเพียงอย่างเดียวคือการมีพลังวิญญาณ 10 หน่วย และเจสันใก้ลจะถึงระดับนั้นแล้ว และเจสันก็เข้าใจการฝึกแยกจิตในขั้นแรก ซึ่งจะทำให้เจสันสามารถสร้างส่วนแยกออกมาภายในจิตใจ ซึ่งเป็นเป้าหมายในตอนนี้
นี่จะเป็นเวลาที่สมบูรณ์แบบของเจสัน เมื่อเจสันสร้างจิตแยกแล้ว เจสันจะต้องมอบหมายงานให้กับมัน และเป็นการสั่งการทำงานที่ไม่ต้องออกคำสั่งและมันจะทำไปเรื่อยๆ ตอนนี้จสันนั่งในห้องเรียนกับนักเรียน 40 คนที่ทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว และกรีลกำลังเดินไปมาอย่างวุ่นวายและตอบคำถามของทุกคนอย่างละเอียด
เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ แย่กว่าเจสัน เพราะส่วนใหญ่ไม่กระตือรือร้นและตั้งใจเหมือนกับเจสัน แม้ว่าจะใช้เทคนิคระดับ 3 ที่มีความยากระดับ 1-2 ดาวเท่านั้น
***เพิ่มเติม เทคนิคและทักษะต่างๆ มีระดับเป็นของตัวเองอย่างที่อธิบายไว้ตอนที่แล้ว และก็มีระดับความยากอีกด้วย โดยแบ่งเป็น 1-5 ดาว ไล่จากง่ายไปยากสุด โดยระดับ 1-3 ที่เป็นระดับขั้นความแข็งแกร่งของเทคนิคและทักษะ นั้น แต่ระดับ 1-5 ดาวจะเป็นความยากที่จะต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และฝึกฝน โดยส่วนมากเทคนิคระดับ 3 จะมีความยากที่อยู่ 5 ดาว เสมอ****
แม้ว่าจะไม่มีใครเลือกเทคนิคพิเศษเหมือนกับเจสัน นักเรียนที่มีพลังธาตุก็จะเลือกทักษะและเทคนิคการควบคุมธาตุนั้นๆ ในระดับสูง ในขณะที่นักเรียนคนอื่นๆ ที่ชื่นชอบการใช้อาวุธก็เลือกเทคนิคและทักษะที่เกี่ยวกับการใช้อาวุะนั้นๆ ในขั้นสูง
หากทุกคนสามารถฝึกฝนเทคนิคที่เลือกไปให้เสร็จในไม่กี่สัปดาห์ พลังการต่อสู้ของพวกนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จนสามารถสู้กับสัตว์ร้ายที่มีระดับสูงกว่า 2 ขั้น ได้อย่าสบายๆ โดยไม่ต้องพึ่งการลอบสังหาร หรืออุปกรณ์ต่างๆ และกับดักในการเอาชนะ
เจสันคิดอย่างนั้น
แม้ว่าเจสันยังไม่แน่ใจว่าทำไมกรีลถึงมอบทักษะระดับสูงขนาดนี้ให้นักเรียนของเขา แต่ก็เห็นได้ชัดว่ากรีลต้องการปรับปรุงพลังต่อสู้ของเด็กนักเรียน เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในการชนะ ในการแข่งขันของชั้นเรียน แต่ก็มีเหตุผลอื่นที่เจสันไม่รู้อยู่
เทคนิคการแยกจิต มีขั้นตอนและระดับต่างๆ และแต่ละเทคนิคจะช่วยให้สามารถแยกจิตเพิ่มขึ้นได้แม้ว่าระดับจะง่ายที่สุด แต่ระดับต่อๆ ไปความยากของมันจะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่นั้นก็ไม่ได้แย่ที่สุด สมองยังคงลึกลับและเป็นปริศนาสำหรับมนุษย์ และก็อันตรายเกินไปถ้าแยกจิตมากเกินไป กรีลกล่าวไว้อย่างนั้น ควรแยกจิตเพียงแค่ 2-3 จิต เป็นอย่างมาก เนื่องจากการแยกจิตที่ 4 ไม่สามารถทำได้โดยวิธีปกติ และเจสันก็ยังไม่รู้วิธีการเหล่านั้น แต่มันอาจจะเกี่ยวข้องกับระดับของแกนมานาหรือระดับของสมอง
กรีลยังบอกเจสันว่า หากจเสันสามารถแยกจิตแรกได้ก่อนที่จะเป็นผู้วิเศษ เจสันก็ไม่ควรสร้างจิตที่ 2 ถ้าไม่อยู่ในระดับผู้วิเศษ หรือผู้วิเศษขั้นสูง
เจสันฟังคำแนะนำนี่เพียงครึ่งเดียว และเจสันต้องกากแยกจิตแรกให้ได้ไวที่สุด เนื่องจจากจะใช้มันในการรวบรวมมานาแบบพาสซีฟ และอีกหนึ่งความคิดก็ผุดเข้ามาให้หัวของเจสัน
การแบ่งแกนของโลกวิญญาณ ว่ากันว่าเราสามารถใช้พลังวิญญาณที่ผลิตออกมาจากโลกวิญญาณ ได้ทันทีโดยขับออกจากแกนโลกของวิญญาณ และอัดมันกลับเข้าไปในแกนโลกวิญญาณอีกครั้ง โดยสร้างเป็นวัฏจักร สิ่งนี้จะสามารถแบ่งโลกวิญญาณได้ อย่างไรก็ตามมันจะทำให้เสียพลังสมาธิอย่างมาก เพราะต้องจดจ่อและใช้สมาธิอย่างมหาศาล
ประการแรก ต้องระมัดระวังเพื่อให้ทุกอย่างนั้นถูกต้อง เพราะหากเกิดความผิดพลาดอยากทำให้วิญญาณนั้นเกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้ จะต้องรวบรวมพลังวิญญาณที่ถูกปล่อยออกมา และทำการบีบอัดมันและใส่กลับเข้าไปในแกนโลกวิญญาณ ขั้นตอนเหล่านี้ใช้พลังสมาธิอย่างมาก
นอกจากนี้ยังมีปัญหากับเวลาที่พลังวิญญาณต้องสร้างออกมาใหม่ โดยปกติใช้เวลา 24 ชั่วโมงหรือ 1 วัน ในการสร้างพลังวิญญาณออกมา และถ้ามีพลังวิญญาณ 100 หน่วย พลังวิญญาณจะสร้างเพียง 4.2 หน่วย/ชั่วโมงเท่านั้น การสร้างห่วงโซ่การแยกโลกวิญญาณนั้นไม่มีทางเป้นไปได้สำหรับคนที่มีพลังวิญญาณที่น้อย
และมันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีพลังวิญญาณมากกว่า 1,000 หน่วย เพราะการฟื้นฟูจะอยู่ที่ 0.7 พลังวิญญาณ/นาที จะต้องแบ่งโฟกัสไปที่สิ่งจำเป็นที่สามารถทำได้ในขณะเดียวก็สร้างพลังวิญญาณอย่างระมัดระวัง และบีดอัดให้กลายเป็นเส้รด้ายวิญญาณและค่อยๆ ใส่เข้าไปในแกนโลกวิญญาณ
เจสันได้คิดไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่จะดึงสติกลับมาและเริ่มจ่อสมาธิไปที่การอ่านเทคนิตการแยกจิต เป็นเวลาเย็นแล้ว และทุกคนก็กลับบ้านกันหมด มีแต่เจสันที่ยังอยู่กับกรีลและคอยถามคำถามต่างๆ กรีลรู้สึกดี ที่เห็นเจสันขยันมากและประหลาดใจกับความสามารถในความเข้าใจของเจสัน เพราะเพียงสัปดาห์เดียวเจสันสามารถเข้าใจเทคนิคการแยกจิตในขั้นแรกได้เกือบทั้งหมด และเจสันกำลังถามคำถามหลักๆ กับกรีล และกรีลคิดว่าเมื่อเขาตอบคำถามเจสันหมดแล้ว เจสันคงจะเริ่มแยกจิตแรกเช่นกัน หลังจากวันที่ 4 กรีลสังเกตเห็นความมุ่งมั่นของเจสัน ทำให้เกิดความประหลาดใจ และเจสันดูจะหมกหมุ่นกับมันอย่างมาก
ตอนนี้เจสันรู้แล้วว่าควรจะต้องทำอะไรและจะสร้างจิตแยกแรกได้อย่างไร แต่มีปัญหาหนึ่งที่จะต้องเผชิญ เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี่ เจสันต้องขอคำปรึกษาจากกรีล และก็รู้สึกอายเล็กเล็กน้อย เจสันไม่รู้จะเริ่มอย่างไร จนกระทั่งกรีลเริ่มสังเหตุเห็น
“คุณอยากรู้วิธีรวบรวมมานาให้เพียงพอเพื่อทำให้สมองคุณสงบลงใช่ไหม จะสามารถบังคับให้มันแยกจิตโดยไม่สร้างภาระหรือความเสียหายในขณะที่อยู่ในขั้นมือใหม่ ได้ยังไงใช่ไหม”
ดวงตาของเจสันเบิกกว้างและทำได้เพียงพยักหน้า
สิ่งที่กวนเจสันที่สุดไม่ใช่การฝึกฝนในขั้นแรก แต่เป็นจำนวนมานาที่ต้องการจำนวนมาก แม้กระทั่งแค่คิดถึงปริมาณมานาที่เจสันต้องการ ก็ทำให้เจสันรู้สึกท้อแท้อย่่างมาก
คนที่มีระดับเป็นผู้วิเศษจะต้องงเขียนวงเวทย์เพื่อรวบรวมมานาขนาดใหญ่ที่มีแกนมานาระดับการ์เดี้ยน และวางหินมานาระดับ 3 มากกว่า 100 ก้อนไว้ในวงเวทย์นั้น แต่ แม้แต่หินมานาระดับ 1 100 ก้อน ยั้งต้องใช้เงิน 5 ล้านเครดิต แล้วหินมานาระดับ 3 ละ
และเจสันเองก็ไม่ได้เข้าใกล้คำว่า ผู้วิเศษเลยด้วยซ้ำ และเจสันได้ค้นหาเกี่ยวกับสมบัติวิเศษบางอย่างที่สามารถปกป้องสมองของคนๆ หนึ่ง ในระหว่างการแบ่งจิต แต่ก็ไม่พบสิ่งใดเลยและกรีลคือความหวังสุดท้ายของเจสัน
“อืม……. นั่นค่อนข้างอย่างสำหรับคุณในตอนนี้”
เมื่อได้ยินเจสันรู้สึกหมดหวัง
“การมีแกนมานาที่ไม่มีธาตุในระดับการ์เดี้ยน เป็นเรื่องง่าย แต่หินมานานั้นหายากและมีราคาแพง และต้องใช้สตาร์โน๊ตสัก 200-300 ร้อยดวง น่าจะได้ ปัญหาหลักน่าจะเป็นอย่างอื่น เมื่อพิจารณาถึงอันดับของคุณแล้ว คุณจะต้องมีสมบัติวิเศาระดับสูง เพื่อป้องกันสมองระหว่างทำขั้นตอนทั้งหมด และสมบัติดังกล่าวไม่สามารถหาได้ในแอสทริกซ์ และยังเป็นเรื่องยากที่จะหาในคาเนียร์”
เจสันรู้สึกหัวใจพองโตหลังจากพยายามอย่างหนักที่ทำเข้าใจกับเทคนิคนี้ และความหวังสุดท้ายของเจสันก็กำลังจะหายไปเพื่อได้ยินกรีลพูดพึมพัม
“ผมสามารถทำอะไรได้แบบ หรือบางอย่าง ?”
เจสันกล่าวขณะที่กำลังร้องไห้อยู่ในใจ กรีลอาจจะสามารถช่วยเจสันได้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเจสัน แต่การหาสมบัติวิเศษนั้นเป็นไปไม่ได้สำหรับเจสัน ด้วยความสามารถในตอนนี้
ผ่านไปครู่หนึ่ง กรีลดูเหมือนจะนึกบางอย่างออกขณะที่มองมาที่เจสันด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนไม่อยากจะบอกเรื่องนี้
“เจสัน คุณทนความเจ็บปวดได้รึเปล่า ฉันหมายถึงความเจ็บปวดจริงๆ และบางที่ความตายมันก็อาจจะดีกว่าความเจ็บปวดนี้ แต่นั้นจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าคุณจะทำสิ่งนี้สำเร็จ”