ดวงใจภวินท์ - บทที่ 1001 คุณไม่อยากแก้แค้นเหรอ
ดวงใจภวินท์ บทที่ 1001 คุณไม่อยากแก้แค้นเหรอ
พายุขมวดคิ้วแน่นและนิ่งเงียบไป
เขาอยู่กับเด็กทั้งสองคนมานานหลายปีและมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อพวกเขา
ตอนนี้นารากลับบอกให้เขาฆ่าเด็กสองคนนั้น
พายุพูดเสียงเย็นชา “นารา เธอยังมีความเป็นคนอยู่บ้างไหม พวกเขาก็แค่เด็กสองคน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลย”
“เหอะ ๆ” นาราหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “แค่เด็กสองคนเหรอ”
“พายุ คุณอย่าลืมนะว่าตอนนี้อีธานไม่ใช่แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น”
“ตอนนี้เขาเป็นประธานของSTN Group”
“แค่จัดการกับเขาได้ STN Groupก็จะตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย!”
“พายุ คุณไม่อยากแก้แค้นเหรอ”
พายุกำโทรศัพท์แน่น หลังจากเงียบอยู่นานเขาก็พูดขึ้นว่า “ถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าเขา”
“ยิ่งไปกว่านั้น เอลล่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลย เธอเป็นผู้บริสุทธิ์”
นาราหัวเราะเยาะ
“บริสุทธิ์เหรอ”
“พายุ ฉันว่าคุณควรจะทำความเข้าใจให้ดีนะ”
“ตอนที่อัญมณีแอบคบหากับณภัทร คนของ STN มีใครบอกอะไรคุณสักคนไหม”
“พวกเขาต่างช่วยอัญมณีปิดบังคุณ”
“พายุ ทึ่คุณกับอัญมณีต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มันเป็นเพราะพวกเขาเป็นคนก่อทั้งหมด”
“พวกเขาไม่มีใครที่บริสุทธิ์ใจเลยสักคน”
พายุเงียบไปนาน สุดท้ายก็พูดเสียงแผ่วออกมาว่า “อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
จากนั้นเขาก็กดวางสายไป
อีกด้านหนึ่ง นารารีบลบบันทึกการโทรออกจากโทรศัพท์ของตัวเองพร้อมฉีกยิ้มชั่วร้าย
เธออิจฉาครอบครัวของญาธิดามาก ๆ
เธอมีสามีที่รักเธอ มีลูก ๆ ที่เก่งและโดดเด่น
แต่ตัวเองกลับไม่มีอะไรเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ญาธิดายังเคยเยาะเย้ยเธอแบบนั้นอีก
ดวงตาของนาราเต็มไปด้วยความมืดมิด
“ญาธิดา ตอนนี้เธอก็ลองลิ้มรสชาติการสูญเสียลูกสองคนไปหน่อยก็แล้วกัน”
…
“พี่คะ หาได้หรือยังคะ”
มุมหนึ่งของร้านกาแฟ เอลล่ากำลังกินทีรามิสุทีละคำเล็ก ๆ พลางมองอีธานที่กำลังยุ่งอยู่กับการกดคอมพิวเตอร์
อีธานรัวนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์ หลังจากได้ยินคำเร่งเร้าของเอลล่า มุมปากของเขาก็กระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะความพึงพอใจจะถูกฉายออกมาผ่านทางสายตาของเขา
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ยากสำหรับพี่หรอก”
เขาหันจอคอมพิวเตอร์ไปทางเอลล่า
บนตารางสีเขียวสลับซับซ้อนมีจุกสีแดงจุดหนึ่งกะพริบแสงอยู่
“ฉันเจาะเข้าไปในโทรศัพท์ของอาพายุและได้ที่อยู่ของเขามาแล้ว”
เอลล่าดีใจและรีบวางส้อมลง พร้อมกับตั้งท่าจะลากอีธานออกไป
“พี่คะ ในเมื่อเราหาเจอแล้วก็ไปกันเถอะค่ะ”
อีธานจนปัญญา “ไม่ต้องรีบร้อน อาพายุไม่ไปไหนเร็วขนาดนั้นหรอก”
เขาปิดหน้าจอคอมฯ แล้วยื่นให้พนักงานตรงเคาน์เตอร์ พร้อมกับยิ้มให้หญิงสาวตรงเคาน์เตอร์เล็กน้อย “ขอบคุณที่ช่วยหาคอมพิวเตอร์ให้พวกเรานะครับ”
พนักงานสาวแทบจะละลายเพราะรอยยิ้มแสนน่ารักของอีธานแล้ว “ยินดีค่ะ”
อีธานกับเอลล่าเรียกรถและตรงไปยังที่อยู่ของพายุทันที
ที่นี่เป็นบาร์หรูระดับไฮเอนด์ ด้านหน้ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าอยู่ตรงประตูตลอดเวลา
เอลล่าขมวดคิ้ว “พี่คะ ทำไงดีพวกเขาไม่มีทางให้พวกเราเข้าไปแน่”
บาร์แถบนี้ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเข้าไปด้านใน
ต่อให้อีธานกับเอลล่าจะดูเป็นผู้ใหญ่มากแค่ไหน แต่ยังไงสุดท้ายพวกเขาก็ยังเป็นแค่เด็กอยู่ดี
อีธานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะกระตุกมุมปากยิ้ม “ไม่ต้องห่วงดูพี่นะ”
หลังจากนั้นไม่กี่นาที
จู่ ๆ ก็มีนักเลงวัยรุ่นสองคนปรากฏตัวที่หน้าประตูบาร์
ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ทั้งสองคนก็เริ่มทะเลาะวิวาทกัน พอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยหน้าบาร์เห็นเข้าก็รีบเข้าไปห้าม
อีธานกับเอลล่าจึงฉวยโอกาสตอนสถานการณ์ชุลมุนเข้าไปข้างใน
ตอนนี้เป็นเวลาบ่าย บาร์เพิ่งจะเปิดทำการ ด้านในยังไม่มีลูกค้า
แสงไฟด้านในสลัว ๆ
ในที่สุดอีธานก็เดินไปตามตำแหน่งที่ค้นเจอในตอนนี้ตามหาห้องวีไอพีของพายุจนพบ