ดวงใจภวินท์ - บทที่ 1003 ให้ผมคุกเข่าตลอดชีวิตก็ได้
ดวงใจภวินท์ บทที่ 1003 ให้ผมคุกเข่าตลอดชีวิตก็ได้
ภายในบ้านพัก ญาธิดากำลังพิงตัวอยู่ในอ้อมแขนของภวินท์ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เธอก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา
ภวินท์สังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเธอในทันที จึงกระซิบถามเบา ๆ “เป็นอะไรไป”
ญาธิดาส่ายหน้าก่อนที่ภาพของลูกทั้งสองคนจะปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอ “ไม่มีอะไร แค่จู่ ๆ ก็คิดถึงลูกสองคนขึ้นมา”
“ฉันไปโทรหาอีธานกัลเอลล่าก่อนนะ”
ญาธิดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรหาเอลล่าก่อน
“ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
ญาธิดาขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะกดโทรหาอีธาน
“ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
ความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรงเข้าปกคลุมหัวใจของญาธิดาทันที เธอหันไปมองหน้าภวินท์ “วิน ฉันอยากไปดูอีธานที่บริษัท”
ภวินท์พยักหน้า หลังจากพาญาธิดามาถึงบริษัท กลับมีคนบอกกับพวกเขาว่าอีธานกับเอลล่าออกไปจากบริษัทด้วยกัน
ญาธิดาคว้าแขนของภวินท์ด้วยความประหม่า “วิน หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเขาหรือเปล่า”
ภวินท์โอบเธอไว้ในอ้อมแขนพลางพูดปลอบด้วยเสียงแผ่วเบา “ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรหรอก”
“แต่ฉันไม่สบายใจ” ญาธิดากัดริมฝีปากพูด
ในฐานะคนเป็นแม่ หัวใจของเธอกับลูก ๆ นั้นเชื่อมถึงกัน ตอนนี้เธอกลับรู้สึกตื่นกลัวแปลก ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“วิน พวกเราไปตามหาพวกเขาด้วยกันดีไหม”
ภวินท์พยักหน้าแล้วรีบพาญาธิดาออกไปจากบริษัท
ญาธิดาเพิ่งจะเข้ามานั่งในรถ จู่ ๆ เธอก็ได้รับข้อความมือถือหนึ่งฉบับ
“ญาธิดา ต่อหน้าฉันเธอหยิ่งทะนงตัวเองนักไม่ใช่เหรอ”
“ตอนนี้ฉันจะทำให้เธอได้ลิ้มรสชาติของการสูญเสียบ้าง”
ญาธิดาสายตาตึงเครียด อยากจะกดโทรออกแต่เธอกลับพบว่าอีกฝ่ายใช้เบอร์โทรปลอม
เด็กทั้งสองคนติดต่อไม่ได้ แถมตอนนี้ยังได้รับข้อความแบบนี้ ยิ่งทำให้ญาธิดารู้สึกไม่ดีมากขึ้นไปอีก
“วิน เร็วเข้า รีบไปตามหาลูก ๆ เร็ว”
“ญาธิดาอย่าเพิ่งใจร้อน พวกเราไปหาจรณ์กันก่อนดีกว่า”
ทั้งสองคนขับรถมาถึงที่ozone
หลังจากรู้ว่าเด็กทั้งสองคนหายตัวไป จรณ์ก็รีบเจาะเข้าไปในกล้องวงจรปิดทั้งหมดของเมือง J ทันที ในที่สุดก็พบภาพที่ประตูหน้าบาร์แห่งหนึ่งและพบว่าพายุพาเด็กทั้งสองคนออกไป
ญาธิดายังคงไม่สบายใจ แถมยังตึงเครียดมากขึ้นกว่าเดิม
สัญชาตญาณของเธอบอกเธอว่าคนที่ส่งข้อความมาหาเมื่อครู่นี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับพายุก็เป็นได้
เธอกังวลว่าพายุจะทำอะไรไม่ดีกับลูก ๆ ของเธอ
ญาธิดารีบลากภวินท์ขับรถไปยังตำแหน่งล่าสุดที่พวกเขาค้นหาพบทันที
ก่อนจะไปญาธิดายื่นโทรศัพท์ของเธอให้จรณ์ เพื่อให้เขาสืบหาว่าใครเป็นคนส่งข้อความฉบับนี้มาให้เธอ
ญาธิดากับภวินท์รีบบึ่งรถมาถึงที่โรงงานรกร้างแห่งหนึ่งในแถบชานเมือง ญาธิดากับภวินท์ก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวัง แต่ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงคนพูดขึ้นมา
“รีบลงมือสิ เดี๋ยวญาธิดาก็ตามมาหรอก”
ญาธิดาขมวดคิ้วและรู้สึกว่าคุ้นเคยกับน้ำเสียงนี้ คล้ายกับได้ยินที่ไหนมาก่อน
“เดี๋ยวก่อนสิ” เสียงของพายุดังมาแว่ว ๆ
ญาธิดารู้สึกตึงเครียด เธอมองเด็กน้อยสองคนผ่านภาพสะท้อนบนเศษแก้วเล็ก ๆ ทั้งสองคนถูกมัดไว้ด้วยเชือก ส่วนเด็กผู้หญิงยังคงนอนสลบอยู่
ญาธิดากระวนกระวายแล้วอยากจะรีบเข้าไปช่วยเด็กทั้งสองคนออกมา แต่กลับถูกภวินท์ห้ามเอาไว้
เขากระซิบบอกเธอเสียงเบาว่า “ธิดาอย่ารีบร้อน รอก่อน”
ญาธิดาบังคับให้ตัวสงบลง พลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปทางพายุอย่างช้า ๆ
ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา ญาธิดารู้สึกว่าแผ่นหลังของเธอคนนั้นดูคุ้นเคยเอามาก ๆ
จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปหาพายุพร้อมพูดออกมาอย่างชั่วร้าย “ถ้าคุณไม่กล้า เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ไว้เด็กสองคนนี้ตายเมื่อไหร่ ฉันก็จะร่วมมือกับณภัทร ถึงตอนนั้น STN ก็จะเป็นของพวกเรา”
หญิงสาวชักมีดจากมือของพายุออกมา เมื่อเห็นว่ามีดกำลังพุ่งตรงไปทางลูกของเธอ
ในที่สุดญาธิดาก็ทนต่อไปไม่ไหว เธอลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไป
“อย่า!!!”
เมื่อได้ยินเสียงดังจากด้านหลัง ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่มีท่าทีจะยั้งมือ แถมยังเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นไปอีก อีกนิดก็จะแทงเข้าไปในลำคอของอีธานแล้ว
ญาธิดาร้องตะโกนออกไปอย่างสิ้นหวัง “อย่า!!!”
หลังจากนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างกลับพลิกผันอย่างรวดเร็ว
จู่ ๆ พายุก็ยื่นมือออกมาคว้าแขนของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ก่อนจะผลักเธอออกไป
“พายุ คุณบ้าไปแล้วเหรอ”
หญิงสาวล้มลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นใบหน้าครึ่งใบของเธอและมันทำให้ญาธิดารู้ในทันทีว่าแท้จริงแล้วเธอคือนารา
ญาธิดามองหน้าพายุอย่างแปลกใจ พวกเขาเป็นพวกเดียวกันไม่ใช่เหรอ
ขณะที่ญาธิดากำลังตกตะลึงอยู่กับที่ เด็กน้อยสองคนที่สลบอยู่เมื่อครู่ก็รู้สึกตัวตื่นอย่างรวดเร็วและพยายามดิ้นจนหลุดจากเชือก
“แม่!!!”
ญาธิดาโอบกอดลูกทั้งสองของเธอราวกับสมบัติล้ำค่า แต่เธอยังไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
พายุหยิบชุดอุปกรณ์บันทึกวิดีโอขนาดเล็กออกมาจากหน้าอกของเขาพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ “หลังจากครบแล้ว ภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี”
ขณะที่พูดเขาก็ยกมือขึ้นทำท่า OK ให้ภวินท์
ตอนนี้ญาธิดาถึงเข้าใจว่าที่แท้ภวินท์กับพายุแล้วก็ลูกของเธอทั้งสองคนสมรู้ร่วมคิดกัน!
นาราเบิกตากว้าง เธอคิดไม่ถึงว่าพายุจะทรยศเธอแบบนี้
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนักเธอก็พยายามลุกขึ้นเตรียมจะหนี
แต่มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะสุดท้ายเธอก็ถูกพวกจรณ์ที่หลบซุ่มอยู่ด้านนอกจับตัวกดลงกับพื้นได้สำเร็จ
หลังจากญาธิดาได้สติเธอก็รีบทำความเข้าใจอย่างรวดเร็วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ตั้งแต่ญาธิดาไปพบพายุในครั้งนั้น ภวินท์ก็เล่าเรื่องของอันอันให้พายุฟังหมดแล้ว
หลังจากแก้ความเข้าใจผิดที่มีต่ออันอันได้แล้ว พายุก็ได้บอกแผนการของนารากับภวินท์ทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาเลยจัดการแผนซ้อนแผน แล้วมันก็ออกมาเป็นอย่างที่เห็นตอนนี้
ญาธิดาปล่อยลูกทั้งสองคนและหันไปมองภวินท์อย่างโกรธเคือง
“วิน คุณไม่บอกฉันอีกแล้วนะ!”
ภวินท์หมดหนทาง เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าสัญชาตญาณของญาธิดาจะแม่นยำขนาดนี้ จนทำให้เธอจับเรื่องนี้ได้เสียก่อน
“ฉันไม่สน คืนนี้คุณต้องกลับไปนั่งคุกเข่าทั้งคืน!”
ญาธิดาโกรธมากจริง ๆ
ภวินท์ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูก่อนจะโอบเธอไว้ในอ้อมแขน
“ได้สิ คุณอยากให้ผมทำอะไรก็ตามใจคุณเลย”
“ถ้าคุณต้องการจะให้ผมคุกเข่าไปตลอดชีวิตเลยก็ได้”