ดวงใจภวินท์ - บทที่ 109 คุณยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า
ญาธิดากับอัญมณีแทบจะมองไปตามเสียงพร้อมกัน นีราภายืนอยู่เยื้องๆด้านหลังของพวกเธอ มือกอดอกไว้ สีหน้าแววตาเยาะเย้ย
ตอนที่นีราภาเห็นอัญมณีที่อยู่ข้างกายญาธิดาแล้วสีหน้าได้ห้อยลงมา พร้อมพูดเสียดสี “ทำไม วันนี้ยังพาเพื่อนสาวมาด้วย มาทำอะไรกัน ”
ญาธิดารู้ดีว่านีราภากำลังเยาะเย้ยเหน็บแนม และกำลังรอดูเธอขายหน้าอยู่ เธอไม่ได้พูดอะไร แค่มองหน้านีราภาอย่างเรียบเฉยแวบนึง ก็ได้หันไปมองอัญมณีพร้อมถามเสียงเบาว่า “อันอัน เดี๋ยวเธออยากกินอะไร ฉันพาเธอไป”
นีราภาเห็นญาธิดาไม่เพียงไม่ตอบ แถมยังมองข้ามตัวตนของเธอโดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นได้ฉุนขึ้นมาทันที พร้อมพูดเสียงสูงว่า “ญาธิดา เธอยังมาเสแสร้งอะไรอีก ตอนนี้คนในบริษัทมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นชู้กับรองประธาน ทำไมยังมีหน้ามาอีก ”
เธอพูดแบบนี้ปุ๊บ ทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆที่กำลังรอลิฟต์อยู่ต่างก็หันมามองญาธิดากันหมด
ญาธิดาขมวดคิ้ว ขยับริมฝีปากปากกำลังจะพูด แต่ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆอัญมณีที่อยู่ข้างกายเธอได้เดินเข้าไปใกล้นีราภาโดยตรง “เฮ้อ คุณป้าท่านนี้ ฉันก็ว่าอยู่ว่าทำไมกลิ่นสาบของคุณถึงได้หนักขนาดนี้ ชู้อะไรกัน ธิดาจะมาบริษัทหรือไม่มาเกี่ยวอะไรกับป้าด้วย ป้าเป็นเจ้าของบริษัทหรือไง ชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน มิน่าล่ะหน้าถึงได้โทรมขนาดนี้!”
“แก…แกเรียกฉันว่าอะไรนะ!”
สีหน้านีราภาบูดบึ้งขึ้นมาทันที โกรธจนยื่นมือจะไปชี้อัญมณี
อัญมณีไม่แคร์เลยสักนิด แค่ปัดเบาๆก็ได้ปัดมือของเธอทิ้งไปเลย หลังจากสายตาได้หยุดอยู่ที่ป้ายชื่อติดทรวงอกของเธอครู่นึงก็ได้แสยะยิ้มมุปาก “นีราภาใช่มั้ย ฉันจำเอาไว้แล้ว ขอเตือนเธอคำนึงนะ อยู่บริษัทอย่าปากดีให้มันมากนะ เดี๋ยวจะถูกตบเอาได้นะ ถ้าเธอกล้ารังแกธิดา งั้นเธอก็คอยดู”
เดิมที อัญมณีก็สูงกว่านีราภาครึ่งหัวอยู่แล้ว แถมความน่าเกรงขามของ อัญมณีก็สามารถข่มเธอได้ พอเธอพูดแบบนี้ นีราภาก็พูดไม่ออกสักคำ
ญาธิดาที่อยู่ข้างๆก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าอัญมณีจะว่านีราภาแบบนี้ เห็นสถานการณ์นี้แล้วก็ค่อนข้างสะใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน เห็นลิฟต์มาแล้ว เธอได้ยื่นมือดึงอัญมณี “เอาล่ะ อันอัน ลิฟต์มาแล้ว”
“โอเค เราไปกันเถอะ ”
อัญมณีหันหน้ามา เหมือนคนที่ตอกกลับนีราภาเมื่อครู่นี้ไม่ใช่เธอ เธอดึงมือญาธิดาไว้แล้วเข้าลิฟต์โดยตรง
นีราภาโกรธจนหน้าเขียวหน้าดำ ได้เดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยความโกรธ แต่ทันใดนั้นลิฟต์ได้ร้อง“ติ๊ดๆ”สองครั้ง น้ำหนักเกิน
อัญมณียักคิ้ว เหลือบไปมองนีราภาที่อยู่ข้างๆ “เฮ้อ น้ำหนักเกิน ใครรู้ตัวว่าเข้ามาคนสุดท้ายก็ออกไปเถอะ ”
ในเวลานั้น คนที่อยู่ในลิฟต์ต่างก็มองมาที่นีราภากันหมด
เธอเข้าลิฟต์เป็นคนสุดท้ายจริงๆ แต่เธอกลืนความแค้นนี้ไม่ลง ดันยืนนิ่งๆไม่ยอมขยับ
เธอกัดฟัน ดันเบียดเข้าไปด้านในด้วยความดื้อด้าน “ฉันเป็นพนักงานของบริษัทนี้ ทำไมต้องออกไป คนที่ควรจะออกไปคือแกต่างหาก”
อัญมณีฟังแล้วอดกลอกตาไม่ได้ เธอหันไปมองคนอื่นๆที่อยู่ในลิฟต์ แล้วยิ้มมุมปากให้กับพวกเขา “เมื่อกี๊ทุกคนน่าจะเห็นอยู่นะว่าใครเข้ามาในลิฟต์เป็นคนสุดท้าย ”
เธอยิ้มแบบนี้ พวกผู้ชายที่อยู่ในลิฟต์ต่างก็อึ้งในทันที
เดิมทีอัญมณีก็หน้าตาสวยสะพรั่งอยู่แล้ว แถมนิสัยยังตรงไปตรงมาราวกับดอกกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามอีก ถึงแม้ญาธิดาที่อยู่ข้างๆพูดจาน้อย แต่บุคลิกที่ไม่แยแสก็ทำให้คนละสายตาไม่ได้เช่นกัน สาวสวยสองคนนี้มายืนอยู่ที่นี่ ในใจพวกเขาย่อมเลือกได้แล้ว
บวกกับเดิมทีเหตุผลของนีราภาก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว พอแบบนี้ ยิ่งไม่มีคนเข้าข้างเธอเลย
“เห็นครับ…”
“ใช่ รู้ตัวก็ออกไปเถอะครับ อย่าเสียเวลาทุกคนเลย”
“……”
คนที่ในลิฟต์ต่างบอกให้นีราภาออกไป แก้มของเธอแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งโมโห จากนั้นได้ย่ำรองเท้าส้นสูงออกจากลิฟต์ด้วยความโกรธเคือง แทบอยากจะย่ำให้พื้นเป็นหลุมไปเลย
เธอออกไปปุ๊บ ประตูลิฟต์ปิด อัญมณีได้หันไปกะพริบตาปริบๆให้ญาธิดาอย่างได้ใจ
ญาธิดายิ้มมุมปากและค่อนข้างสะใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนหน้านี้เธอรู้ทั้งรู้ว่าบางครั้งนีราภาจงใจทำให้เธอลำบากใจ แต่เนื่องจากเห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมงาน เลยไม่ได้แตกคอกับเธอ
แต่เมื่อครู่ อัญมณีมาโวยวายแบบนี้ ทำให้เธอเข้าใจทันทีว่าบางครั้งไว้หน้าไม่ไว้หน้าอะไรล้วนไม่สำคัญเลย ที่สำคัญกว่าคือใช้ชีวิตตามที่ใจตัวเองต้องการดีกว่า
หัวใจที่เดิมทียังล่องลอยไม่แน่ใจจู่ๆได้มั่นคงขึ้นเยอะ เธอยื่นมือจับใบลาออกที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อแล้วอุ่นใจขึ้นไม่น้อยเลย
ดูท่า เธอได้เวลาจบสิ้นกับภวินท์แล้ว
ออกมาจากลิฟต์ ญาธิดากับอัญมณีมาที่ห้องทำงานของท่านประธาน ยังไม่ทันเข้าใกล้ ก็ถูกคนขวางเอาไว้แล้ว
นวิยาเห็นญาธิดาแล้วมีท่าทีที่เย็นชา “คุณญาธิดา มีธุระอะไรหรือเปล่า ตอนนี้คุณภวินท์กำลังยุ่งอยู่”
ญาธิดาสูดหายใจลึกๆ และพูดทีละถ้อยคำ“มีสำคัญค่ะ”
“มีธุระก็บอกฉันก่อนเลย เดี๋ยวฉันแจ้งให้คุณภวินท์ทราบเองค่ะ……”
ญาธิดาไม่ยอมถอย ท่าทีใจเด็ด “ไม่ต้องค่ะ รบกวนเวลาคุณภวินท์แค่ห้านาทีเอง”
เห็นท่าทีเธอแข็งกร้าวขนาดนี้ สีหน้าของนวิยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมอ่อนข้อให้ “งั้นฉันขอไปรายงานท่านประธานก่อน”
พอพูดจบ เธอได้เดินไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน
อัญมณีที่อยู่ข้างๆตบไหล่ของญาธิดาแล้วพูดชื่นชม “ธิดา ต้องหัวแข็งอย่างนี้สิ ”
ญาธิดายิ้มและเงียบกริบไม่พูดจา ถึงแม้ภายนอกเธอดูแล้วยังถือว่านิ่งอยู่ แต่ในใจก็ยังค่อนข้างลนลานเลยทีเดียว
ไม่นาน นวิยาก็ได้ออกมาจากห้อง มองหน้าญาธิดาพร้อมพูดว่า “เข้าไปเลยค่ะ”
ญาธิดาพยักหน้าให้กับเธอ จากนั้นได้ดึงอัญมณีเข้าไปในออฟฟิศด้วยกัน
ภวินท์นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ส่วนพายุยืนอยู่ข้างๆ ตอนที่ทั้งสองเห็นญาธิดากับอัญมณีมาด้วยลักษณะท่าทีที่ดุดัน ต่างก็อึ้งไปตามๆกัน
สีหน้าภวินท์สงบนิ่ง เขาวางเอกสารในมือลง สายตาเหลือบมองแขนที่ญาธิดาพันแผลเอาไว้ จากนั้นได้พูดด้วยเสียงเย็นชา “คุณมีธุระอะไร ”
อัญมณีมองภวินท์แวบนึงแล้วก็ตกใจเล็กน้อย ในความทรงจำของเธอ คนที่ทำให้ธิดาของเธอเสียใจควรจะเป็นไอ้สารเลวที่บ้ากามถึงจะถูก แต่หน้าตาของภวินท์ดันไม่เหี้ยเลย กลับกันยังค่อนข้างมีเสน่ห์ด้วย แต่แค่สีหน้าเย็นชาไปหน่อย……
สายตาเธอเหลือบมองไปมา เห็นพายุที่ยืนอยู่ข้างๆแล้ว เธอได้ดึงสติกลับมา กระแอมเสียงใสแล้วพูดว่า “รบกวนคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปก่อน ที่ฉันมาในวันนี้ ก็เพื่อมาคิดบัญชีกับภวินท์ ”
พายุรู้สึกได้ถึงสายตาที่อัญมณีมองมาที่เขา เขาตกใจ จากนั้นได้เงยหน้าไปมองสีหน้าของภวินท์
เห็นได้ชัดว่าภวินท์ก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าญาธิดาจะพาผู้ช่วยมาด้วย เขาขมวดคิ้ว สายตาเพ่งมองไปที่ญาธิดาแล้วพูดว่า “มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอ ”
เผชิญกับสายตาที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้งแล้ว ญาธิดากำชายเสื้อแน่นอย่างไม่รู้ตัว เธอสูดหายใจลึกๆแล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ”
อัญมณีที่อยู่ข้างๆยื่นมือดึงญาธิดาแล้วพูดเสียงเบา “ธิดา ขอฉันพูดก่อน”
ระหว่างพูด เธอได้หันไปจ้องภวินท์อยู่ครึ่งค่อนวัน จู่ๆได้หัวเราะออกมา “ภวินท์สินะ หน้าตาคุณไม่ค่อยเหมือนที่ฉันจินตนาการเอาไว้เลย แต่ฉันก็ได้เข้าใจแล้ว อาศัยหน้าตาตัวเองดีหน่อยก็ไปหลอกผู้หญิงดีๆ หลอกสาวบริสุทธิ์แต่งงาน ถ้าเล่าพฤติกรรมเหล่านี้ให้พนักงานคุณฟัง ไม่รู้ว่าจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่โตแค่ไหนเลย”
“ทำไม หลอกแต่งงานก็หลอกไปแล้ว คนก็เปิดซิงไปแล้ว พอสุดท้ายหย่ากันยังไม่ยอมปล่อยมืออีกใช่มั้ย คุณไม่เคยคิดจะรับผิดชอบธิดาเลยเหรอ ภวินท์ คุณยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า!”
อัญมณีพูดคำพูดหยาบคายยาวเหยียดออกมาในอึดใจเดียว และแล้วสีหน้าของภวินท์ได้เขียวขึ้นมาจริงๆด้วย
ญาธิดายืนอยู่ข้างๆก็ช็อกเหมือนกัน เดิมทีเธอนึกว่าอัญมณีแค่รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอ มาช่วยเธอเสริมความกล้าหาญ คิดไม่ถึงเลยว่าคำพูดที่เธอพูดออกมาจะน่าตกใจขนาดนี้ มาปุ๊บก็ด่าภวินท์ซะเละเลย
รู้สึกได้ถึงความอึดอัดในห้อง ญาธิดากัดริมฝีปากแล้วยื่นมือดึงอัญมณี “อันอัน ไม่ต้องพูดแล้ว…”
ถ้าขืนเธอพูดต่อ เกรงว่าภวินท์จะยิ่งไม่ยอมให้เธอลาออกแล้ว!