ดวงใจภวินท์ - บทที่ 115 เรื่องแบบนี้ควรจะให้ผู้ชายมาทำ
ทำไมเขาถึงโทรมาหาเธอในเวลาแบบนี้?
พอนึกถึงพวกเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงานของภวินท์เมื่อกลางวันนี้แล้ว ในใจของญาธิดาก็เกิดความโกรธเคืองขึ้นมาระลอกหนึ่ง เธอกัดฟันเล็กน้อย แล้วก็กดให้หน้าจอดับมืดไป ไม่ยอมรับสาย
หัวมึนมาก ญาธิดาก้าวเดินไป ค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องนอน พอเห็นเตียงที่จัดเก็บไว้ล่วงหน้าแล้ว ขาทั้งคู่ก็รู้สึกอ่อนขึ้นมา แล้วก็ล้มลงไปบนเตียงเลย
หลังจากที่ดื่มเหล้ามาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือได้นอนสักตื่น แล้วไม่สนใจอะไรเลย
ค่ำคืนนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าก่อนนอนได้ดื่มเหล้าไปบ้าง ญาธิดาก็เลยค่อนข้างที่จะหลับสบาย พอนอนตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาเก้าโมงกว่าตอนเช้าแล้ว
เธอหาวขึ้นมาทีหนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นมา พอเห็นดวงอาทิตย์ที่อยู่ข้างนอก อารมณ์ก็ดีขึ้นมาหลายเท่า เธอก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจะปล่อยน้ำไว้ และกะว่าจะอาบน้ำซะหน่อย
พออาบไปได้ไม่นาน อยู่ ๆ ก็เกิดเสียง“แพร๊ง”ขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วไฟในห้องน้ำก็ดับไปเลย
ญาธิดาอึ้งไปครู่หนึ่ง ตกใจจนแผ่นหลังแข็งทื่อ แล้วก็ไม่ได้สนใจร่างกายและผมที่เปียกปอน จากนั้นก็คลุมเสื้อคลุมแล้วก็ออกไปเลย
เกิดอะไรขึ้น ไฟดับไปเหรอ?
ญาธิดารีบลองเปิดปิดไฟดู แต่ก็มีแต่หลอดไฟในห้องน้ำเท่านั้นที่ไม่สว่าง หลอดไฟข้างนอกยังคงสว่างอยู่ ดูท่า หลอดไฟในห้องน้ำน่าจะช็อตไปแล้ว
เธออาบน้ำยังไม่เสร็จ ไฟก็มาดับไปซะก่อน ในนั้นมืดมากจนมองไม่เห็นอะไรเลย เรื่องที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนก็คือรีบหาหลอดไฟสักอันไปเปลี่ยน เธอจำได้ว่าตัวเองได้ตั้งใจเอาหลอดไฟประหยัดพลังงานอันหนึ่งมาเผื่อเอาไว้เปลี่ยน แต่ว่าเมื่อวานอัญมณีเป็นคนจัดเก็บ และเธอก็ไม่รู้ว่าเอาไปเก็บไว้ที่ไหนแล้ว
หาไปรอบหนึ่งก็หาไม่เจอ ญาธิดาก็เอาโทรศัพท์ออกมา แล้วก็โทรหาอัญมณี
หลังจากที่ดัง“ตู๊ด ตู๊ด……”ไปหลายทีแล้ว ทางปลายสายก็รับสายขึ้นมา
เพราะว่ารีบร้อน พอญาธิดาได้ยินเสียงฝั่งโน้นรับสาย ก็รีบพูดขึ้นมาเลยว่า “อันอัน เมื่อวานตอนที่เธอช่วยฉันเก็บของได้เอาหลอดไฟประหยัดพลังงานไปเก็บไว้ที่ไหนแล้ว? เมื่อกี้ตอนฉันอาบน้ำแล้วหลอดไฟมันช็อตไป เดี๋ยวฉันต้องเปลี่ยนใหม่อันหนึ่งแล้ว……”
เห็นได้ชัดว่าทางปลายสายหยุดนิ่งไปไม่กี่วินาที แล้วจากนั้นก็มีเสียงผู้ชายที่ขรึมต่ำและมีเสน่ห์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง “รอก่อนนะ อย่าขยับ เดี๋ยวผมไปหาคุณ”
ญาธิดาอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ตกตะลึงจนตาโต
ทำไมถึงเป็นเสียงผู้ชายไปได้? และฟังดูคุ้นหูมากเลย
เธอรีบเอาโทรศัพท์ออกไปจากข้างหู ในตอนที่เห็นชื่อที่บันทึกไว้เป็นคำว่า“ภวินท์”นั้น ก็ตกใจขึ้นมาอีกครั้ง
เธอโทรไปหาเขาได้ยังไงกัน!
แล้วจู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนภวินท์เคยโทรศัพท์หาเธอ แล้วเธอก็เข้าใจขึ้นมาทันที เธอเปิดประวัติการโทรออกมาแล้วก็กดโทรออกไปเลย ตอนแรกนึกว่าข้างบนสุดจะต้องเป็นเบอร์ของอันอัน แต่คิดไม่ถึงว่าจะโทรหาภวินท์ไปได้!
ญาธิดารีบพูดขึ้นว่า “คุณ……”
ไม่ต้องมาหรอก
แต่พูดยังไม่ทันจบ ทางโน้นก็ตัดสายทิ้งไปซะแล้ว
เขาให้เธอรออยู่เหรอ? รอเขามาหาเธอเหรอ แต่ว่าเขารู้เหรอว่าเธออยู่ที่ไหน!
ญาธิดามึนงงไปหมด ยังไงก็คิดไม่ชัดเจน สุดท้ายก็ไม่ได้เก็บคำพูดที่ภวินท์พูดเมื่อกี้มาใส่ใจ แล้วก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอัญมณี
“อันอัน ตื่นหรือยัง?”
อีกด้านหนึ่งอัญมณีหาวแล้วก็พูดขึ้นว่า “ตื่นแล้ว มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“เมื่อวานตอนที่เธอช่วยฉันเก็บของ เห็นหลอดไฟประหยัดพลังงานหรือเปล่า เมื่อกี้มีหลอดไฟอันหนึ่งช็อตไปแล้ว”
“เหมือนจะเห็นนะ……เธอไปหาที่ลิ้นชักดูซิ ถ้าไม่มีจริง ๆ เดี๋ยวฉันไปหาเธอ จะได้ไปช่วยเธอหาด้วย”
ญาธิดายิ้มเล็กน้อย แล้วก็พูดขึ้นเบา ๆ “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวฉันหาดูอีกทีนะ”
“โอเค เธอหาไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันคุยเป็นเพื่อนเธอไป อ๋อ ใช่แล้ว เธอรู้สึกว่าพี่ชายฉันเป็นยังไงบ้าง? เมื่อวานพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็รู้สึกว่าเขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย!”
ทางปลายสายมีเสียงอยากรู้อยากเห็นของอัญมณีลอยมา ญาธิดาเงียบขรึมไปหลายวินาที จากนั้นก็พูดเสียงเบาขึ้นว่า “ฉันรู้สึกว่าเป็นเพื่อนกันก่อนดีกว่า……”
พอคำพูดเธอจบลง อีกฝั่งก็มีเสียงร้องเศร้าสร้อยของอัญมณีลอยมา “ธิดา…… เธอต้องคิดดี ๆ นะ ในเมื่อเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอนาคตของพวกเราเลยนะ……”
ญาธิดายิ้มแล้วก็ตอบกลับไป “โอเค โอเค รู้แล้ว ”
ทั้งสองคนเธอพูดประโยคหนึ่งฉันพูดประโยคหนึ่งไปเรื่อย ๆ จนพูดคุยกันไปเป็นเวลานานพอสมควร ผ่านไปครู่หนึ่ง อยู่ ๆ เสียงกริ่งประตูก็ดัง“ติ่งต๊อง”ขึ้นมาครั้งหนึ่ง
มีคนมากดกริ่งประตูเธอเหรอ ในเวลาแบบนี้จะเป็นใครไปได้นะ?
“อันอัน ฉันวางสายก่อนนะ ทางนี้มีเรื่องนิดหน่อย”
เธอพูดไปเรื่อยประโยคหนึ่ง แล้วก็วางสายไป แล้วเดินมาถึงหน้าประตูและเปิดประตูออก
พอประตูเปิดออก ด้านนอกมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนอยู่คนหนึ่ง จนแทบจะบังประตูไว้มิดเลย ชุดสูทที่ดูสง่าผ่าเผยทั้งตัว ใบหน้าที่เย็นชา ถ้าไม่ใช่ภวินท์ แล้วยังจะเป็นใครอีก
พอเห็นคนที่มาชัดเจนแล้ว ญาธิดาก็ตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่งอัตโนมัติ “คุณ……มาได้ยังไงคะ?”
ที่เขาพูดในโทรศัพท์เมื่อกี้ ที่แท้ไม่ใช่เรื่องโกหก
ญาธิดารู้สึกสงสัย แล้วก็ถามต่อขึ้นอีกว่า “คุณรู้ที่อยู่ของฉันได้ยังไงคะ?”
ภวินท์ยักคิ้วเล็กน้อย แล้วก็ก้าวเดินไปข้างหน้า บีบให้ญาธิดาต้องถอยหลังไป
“ขอแค่ผมอยากรู้ มันก็ไม่ใช่ปัญหา”
ภวินท์พูดแล้ว ก็เดินเข้าไปเลย และก้าวยาว ๆ ผ่านตัวเธอไป เดินตรงเข้าไปทางห้องน้ำ แล้วลองเปิดปิดสวิตช์ดู พอมั่นใจว่าหลอดไฟช็อตไปแล้ว ก็หมุนตัวมองไปที่ญาธิดา “มีหลอดไฟใหม่ไหม?”
เขาพูดแล้ว มือขวาก็แกะกระดุมเสื้อสูทออก แล้วก็ถอดเสื้อสูทออกอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออก แล้วก็พับแขนเสื้อขึ้นมาง่าย ๆ สองสามที
พอเห็นการกระทำทุกอย่างของเขาแล้ว ลมหายใจของญาธิดาเหมือนกับว่าจะเร่งความเร็วขึ้นมาเยอะ
เขา……นี่ตกลงเขาอยากทำอะไรกันแน่?
พอเธอเปิดประตูเขาก็เดินเข้ามาเลย อย่างกับว่าคุ้นเคยกับห้องนี้มากกว่าเธอซะอีก ไม่แสดงสีหน้าของคนที่บุกรุกบ้านคนอื่นเลยสักนิด หรือว่าคนอย่างเขาทำเรื่องชั่วก็ยังสามารถทำได้อย่างเปิดเผยขนาดนี้เลยเหรอ?
พอเห็นว่าญาธิดายืนอยู่กับที่ไม่ยอมขยับ ภวินท์ก็ค่อย ๆ ยักคิ้วขึ้น แล้วพูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า “ถ้าไม่มีของใหม่ เดี๋ยวผมจะไปซื้อให้ตอนนี้เลย”
“ไม่……ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวฉันไปลองหาดู”
ญาธิดาพูดแล้ว ก็รีบหมุนตัวไปหา
ในเวลาแบบนี้ ตัวเขาก็มาถึงที่แล้ว แถมยังมายืนโด่เด่อยู่ในบ้านเธอด้วย เธอคงจะไล่เขาไปไม่ได้แล้ว
พอนึกถึงอัญมณีบอกในโทรศัพท์เมื่อกี้ว่าอาจจะอยู่ในลิ้นชัก ญาธิดาก็รีบเดินไปที่ข้าง ๆ ตู้ลิ้นชัก แล้วดึงลิ้นชักออกทีละชั้นทีละชั้น
ในที่สุด ก็หาหลอดไฟประหยัดพลังงานเจอที่ลิ้นชักชั้นที่สาม
ภวินท์เดินมาหา หลังจากที่ตรวจดูขนาดแล้ว ก็พูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า “ปิดคัทเอาท์ในบ้านไปก่อน แล้วคุณก็มาช่วยผมจับเก้าอี้ไว้”
ญาธิดานิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบาขึ้นว่า “อ๋อ ค่ะ……”
แล้วก็เห็นภวินท์เดินไปที่หลังประตู แล้วก็สับคัทเอาท์ไป จากนั้นก็เดินไปที่ห้องน้ำ แล้วเอาเก้าอี้เข้าไปหนึ่งตัว แล้วปีนขึ้นไปยืนแล้วยื่นมือไปถอดโคมครอบหลอดไฟบนนั้นลงมา
ญาธิดายืนอยู่อีกข้างหนึ่ง จับเก้าอี้เอาไว้ แล้วเชิดหน้ามองตรงไปข้างหน้า
มือข้างหนึ่งของชายหนุ่มถือหลอดไฟอันใหม่อยู่ อีกข้างหนึ่งหมุนหลอดไฟเก่าออกมาอย่างคล่องแคล่ว เขายกมือขึ้น แล้วเสื้อเชิ้ตที่อยู่ช่วงบนของลำตัวก็ถูกดึงรั้งขึ้นไป แล้วก็ทำให้กล้ามหน้าท้องสีข้าวสาลีโผล่ออกมาส่วนหนึ่งพอดี
มองจากมุมมองของญาธิดาไป ก็สามารถมองเห็นกล้ามหน้าท้องที่โผล่ออกมาจากชายเสื้อเชิ้ตที่ปลิวอยู่ได้พอดี กล้ามเนื้อทุกส่วนเหมือนกับว่าจะหลอมรวมพลังเอาไว้ ดูแข็งแกร่ง แน่นหนา ลายเส้นชัดเจนทำให้คนลุ่มหลง……
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ารูปร่างของภวินท์นั้นดีมาก
ในสมองมีความคิดอย่างหนึ่งกะพริบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของญาธิดาก็แดงขึ้นมาทันที
เธอรีบเบือนสายตาไป แล้วก็ปรับลมหายใจที่รวดเร็วลงมา
ทำไมเธอถึงมีความคิดแบบนี้ได้นะ! ที่สำคัญยังคิดจินตนาการกับภวินท์ด้วย!
พอภวินท์หมุนหลอดไฟอันใหม่เข้าไปแล้ว และก้าวเท้าลงมา หรี่ตาลงก็เห็นใบหน้าที่ขาวนวลของหญิงสาวเกิดรอยแดงระเรื่อขึ้นมาชั้นหนึ่ง จิตใจเหม่อลอย และหันแววตาหนี
เขายักคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในดวงตามีความขบขันปรากฏออกมาเสี้ยวหนึ่ง แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่งเพื่อเข้าใกล้เธอ แล้วร้องเรียกเสียงเบาขึ้นว่า “ญาธิดา”
ญาธิดาตั้งสติกลับมาได้ทันที ในดวงตามีความลนลานกะพริบผ่านไปเล็กน้อย “ห๊า ? มี……มีอะไรเหรอ?”
ภวินท์เหมือนกับว่าจะคลี่มุมปากออกเล็กน้อย สีหน้ายังคงเรียบเฉย เขาค่อย ๆ โน้มตัวและก้มหน้าลงมา แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เรื่องแบบนี้ควรจะให้ผู้ชายมาเป็นคนทำ เข้าใจไหม?”