ดวงใจภวินท์ - บทที่ 148 จงใจมุ่งเป้ามาที่พวกเขา?
ญาธิดาดูสถานการณ์นี้แล้วขมวดคิ้วแน่น ได้เดินมาบังที่ตรงหน้าชมพู่โดยตรง พร้อมยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคน “ทุกคนเงียบหน่อย อย่าเพิ่งรีบร้อนกัน พวกเราถามสถานการณ์กันก่อน”
พวกเขาเป็นแบบนี้ ถึงทะเลาะกันจนหลังคาพรุนเป็นรู ก็แก้ไขปัญหาไม่ได้หรอก
เธอพูดแบบนี้ เสียงของทุกคนยิ่งอยู่ยิ่งเบา สุดท้ายทุกคนต่างก็สงบลง
ญาธิดามองไปที่ชมพู่แล้วถามว่า “ชมพู่ ทำไมฝ่ายบัญชีไม่อนุมัติให้ พวกเขาได้บอกสาเหตุหรือเปล่า?”
ชมพู่กุมใบเสร็จในมือไว้ แล้วพูดเสียงเบาว่า “พวกเขาบอกว่าใบเสร็จของเราไม่ครบถ้วน”
ข้างๆมีเพื่อนร่วมงานที่ใจร้อนหยิบใบเสร็จในมือของชมพู่ไปดู พอดูรอบนึงแล้วได้ขมวดคิ้ว “ไม่ครบยังไง?เดือนที่แล้วมีของใช้สำนักงานชุดนึงก็เคลียร์แบบนี้เหมือนกัน พวกเขาก็อนุมัติให้โดยตรงเลย?ทำไมครั้งนี้ถึงไม่ได้?”
เพื่อนร่วมงานทยอยกันเอาไปดู ก็รีบพูดคล้อยตามว่า “ใช่ ก่อนหน้านี้ฉันก็ไปเคลียร์บัญชีแบบนี้เหมือนกัน!”
ญาธิดาดูแล้วก็ไม่สามารถอธิบายได้ ปกติก็เคลียร์บัญชีแบบนี้จริงๆ ก็ไม่มีตรงไหนที่ไม่ถูกต้องเลย
“ฉันว่าฝ่ายบัญชีจงใจหาเรื่อง จงใจฟื้นฝอยหาตะเข็บแน่เลย ไม่อยากให้พวกเราได้โบนัสประจำไตรมาส!”
“ไป!พวกเราไปถามฝ่ายบัญชีด้วยกันว่าทำไมถึงไม่ให้พวกเราเคลียร์บัญชี!”
“……”
พอหลายคำนี้พูดออกมาป๊ะบ เพื่อนร่วมงานต่างก็เห็นพ้องกันทันที แต่ละคนต่างก็จะพุ่งออกไปด้านนอกหมด
ญาธิดาเห็นสถานการณ์ส่อเค้าไม่ดีแล้วได้ขมวดคิ้ว พร้อมรีบพุ่งไปขวางเอาไว้ “พวกเธออย่าใจร้อนกันสิ!”
ถ้าพวกเขาพุ่งไปเพราะเรื่องนี้จริงๆ งั้นเรื่องก็ใหญ่โตแล้ว อีกอย่างสิ่งที่
บริษัทห้ามที่สุดก็คือแผนกต่างๆมาเกิดความขัดแย้งกันเอง อีกอย่างไม่เป็นผลดีกับการขยายกิจการของวันข้างหน้าเลย!
“เดิมคือความผิดของฝ่ายบัญชี แต่ถ้าเราพุ่งไปแบบนี้ งั้นก็จะกลายเป็นความผิดของพวกเราเลย!”
ญาธิดาพูดเสียงสูงแบบนี้คำนึง เพื่อนร่วมงานต่างก็เงียบทันที
ต้องที่อยู่ในหมู่คนพูดว่า “แต่พวกเราก็ปล่อยให้ฝ่ายบัญชีมารังแกพวกเราอย่างนี้ไม่ได้เหมือนกัน!”
ญาธิดากัดฟันแล้วพูดอย่างจริงจัง “แต่ไปทะเลาะกันชกต่อยกันก็แก้ไขปัญหาไม่ได้เหมือนกัน ถ้าพี่แนนอยู่ จะยอมให้พวกเธอไปเหรอ?”
พอหยิบยกชื่อของพี่แนนออกมา ทุกคนต่างก็เงียบ
ตอนนี้พี่แนนไม่อยู่บริษัท เดิมทีเพื่อนร่วมงานในแผนกก็อารมณ์แปรปรวน
อยู่แล้ว แค่เรื่องเล็กน้อยก็อารมณ์ฉุนขึ้นมา
เห็นทุกคนล้วนเงียบหมดแล้ว ญาธิดาสูดหายใจลึกๆแล้วพูดต่อ “ตอนนี้น่าจะส่งตัวแทนไปคุยกับฝ่ายบัญชีดู ลองถามดูว่าทำไมไม่อนุมัติงบให้พวกเรา ถ้าปัญหาเกิดจากทางเราจริงๆ พวกเราก็รีบแก้ไขโดยเร็ว”
คำพูดนี้ออกมาปุ๊บ เพื่อนร่วมงานบางคนที่ยังมีสติอยู่ทยอยพยักหน้า เพื่อแสดงว่าเห็นด้วย
เพื่อนร่วมงานที่ตั้งแต่ไหนแต่ไรใกล้ชิดกับพิชญ์สินีมองไปที่เธอและพูดแนะนำว่า “พี่พิช หรือไม่พี่ลองไปถามดู?”
“ใช่ คุณพิช คุณลองไปดูหน่อยว่ามันยังไงกัน?”
จู่ๆพิชญ์สินีที่เดิมทีหลบอยู่หลังผู้คนได้ถูกเรียกชื่อ ใบหน้ามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่าน เธอเหลือบมองญาธิดาแวบนึง แล้วก้มหน้าดีดเล็บที่เธอเพิ่งทำเสร็จอย่างไม่แคร์ พร้อมพูดจาชิวๆว่า “ฉันไปทำไม?ครั้งนี้ฝ่ายบัญชีไม่ได้มุ่งเป้ามาที่ฉันสักหน่อย”
ระหว่างพูด เธอทำหน้าเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเอง แล้วเดินไปที่ข้างๆ
ทุกคนต่างก็มองหน้ากันไปมาอย่างมึนงง ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดเธอ
ญาธิดาก็มึนเหมือนกัน แต่เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่พิชญ์สินีได้มองมาที่เธอ หรือว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ?
จู่ๆ ในหัวมีความคิดแวบเข้ามา จู่ๆเธอนึกถึงคำพูดที่เธอไปได้ยินเพื่อนร่วมงานผู้หญิงสองคนคุยกันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจในคราวก่อน พวกเธอบอกว่านีราภาเป็นหลานสาวของศรุต ผู้จัดการใหญ่ของฝ่ายบัญชี
หรือว่า ศรุตรู้เรื่องของคราวก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยแกล้งใช้เรื่องงานมากดดันแผนกธุรการ ที่จริงคือมุ่งเป้ามาที่เธอ?
การคาดเดานี้แวบผ่านในหัวเธออย่างไว ญาธิดาไม่ทันคิดอย่างละเอียด เวลานี้ ถ้าพิชญ์สินีไม่ยอมออกหน้าแทน งั้นเธอก็คงต้องเป็นตัวแทนไปถามฝ่ายบัญชีให้รู้เรื่องแล้ว
เธอสูดหายใจลึกๆ มองพวกเพื่อนร่วมงานที่ไม่มีหัวหน้าแล้วพูดว่า “ฉันไปเอง พวกเธอทำงานต่อเลย เดี๋ยวถ้ามีสถานการณ์อะไร ฉันจะบอกพวกเธอเอง”
ทุกคนฟังเธอบอกว่าสมัครใจไปแล้ว ต่างก็โล่งอกไปที ชมพู่ได้ถามอย่างค่อนข้างลังเล “ธิดา หรือฉันไปเป็นเพื่อนเธอไหม?”
ญาธิดายิ้มมุมปากให้เธออย่างปลอบโยน พร้อมพูดเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไร ฉันไปเองก็พอ เธอไปพักผ่อนเถอะ”
เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ปัญหาที่ว่าคนไปกันกี่คนเลย
พอพูดจบ เธอได้เอาใบเสร็จมาจากในมือของชมพู่ แล้วออกจากแผนก มุ่งหน้าไปที่ฝ่ายบัญชี
มาถึงฝ่ายบัญชี เธอเคาะประตูแล้ว ได้ไปสอบถามสถานการณ์ที่ออฟฟิศของหัวหน้าโดยตรง “คุณชญาดลคะ
ฉันคือธิดาของแผนกธุรการค่ะ ฉันอยากสอบถามหน่อย……”
คำพูดของเธอยังพูดไม่จบ ชญาดลก็ได้โบกมือโดยตรง หน้า
ตาดูเป็นคนไม่มีเหตุผลเลย “มาเคลียร์บัญชีใช่ไหม?ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าใบเสร็จไม่ครบ เคลียร์ไม่ได้?”
ญาธิดาดูหน้าตาหงุดหงิดของชญาดลแล้ว ได้ก้มหน้ามองใบเสร็จที่อยู่ในมือตัวเอง เธอสูดหายใจลึกๆทีนึงแล้วถามอย่างมีความอดทน “ก่อนหน้านี้แผนกของเราเคลียร์บัญชีก็เคลียร์แบบนี้ตลอด และไม่เคยได้ยินว่าใบเสร็จไม่ครบเลย ทำไมครั้งนี้ถึงเคลียร์ไม่ได้แล้วคะ?”
ชญาดลชายตามองเธอทีนึง แล้วถามด้วยเสียงเย็นชา “เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้มงวด กฎล่าสุดของตอนนี้คือใบเสร็จทั้งหมดจะต้องครบถ้วน ไม่งั้นถ้าเกิดปัญหา พวกผมจะบอกกับ
หัวหน้าบริษัทยังไง?”
ญาธิดากัดฟันแล้วซักไซ้ไต่ถามต่อ “แต่ฝ่ายการตลาดก็เคลียร์ไปแล้ว ทำไมแผนกธุรการของเรา……”
ชญาดลหน้าบึ้ง และพูดจาไม่ไว้หน้า “ฝ่ายการตลาดคือฝ่ายการตลาด พวกคุณคือพวกคุณ อีกอย่างแม้แต่ลายเซ็นต์ของหัวหน้าพวกคุณก็ยังไม่มีเลย ผมจะให้คุณเคลียร์บัญชียังไง?”
ญาธิดาดูชญาดลมีทิฐิสูงมาก เห็นอยู่ทนโท่ว่าไม่ยอมให้เคลียร์บัญชี เธอขมวดคิ้ว สังเกตเห็นว่าเรื่องผิดปกติ
ที่ผ่านมาถึงมีปัญหาเล็กน้อยอะไร ระหว่างแผนกด้วยกันก็จะยอมลดราวาศอกให้กันและกันทั้งนั้น แต่ครั้งนี้ท่าทีของฝ่ายบัญชีเฉียบขาดขนาดนี้ ทำให้เธออดคิดมากไม่ได้
หรือว่าศรุตได้ออกคำสั่งจริงๆ จงใจให้ชญาดลสร้างความลำบากใจให้พวกเขา?
ญาธิดากัดฟัน ในณะที่ทำอะไรไม่ถูก ชญาดลก็ได้โบกมือพร้อมทิ้งไว้คำนึง “เดี๋ยวรอหัวหน้าพวกคุณเซ็นต์ชื่อเมื่อไหร่ คุณค่อยมาดีกว่า!”
พี่แนนไปทำงานต่างถิ่น ครั้งนี้ต้องไปหลายวันอยู่ ยังกลับมาไม่ได้ในชั่วครู่ชั่วยาม ถ้าเคชียร์บัญชีล่าช้าเนื่องจากเหตุนี้ พวกเขาไม่สามารถเสร็จสิ้นภารกิจ งั้นโบนัสประจำไตรมาสนี้ก็จะสูญไปเปล่าๆ
ญาธิดาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เธอมองไปที่ชญาดลแล้วพูดทีละถ้อยคำ “คุณชญาดล คุณน่าจะรู้ดีถ้าเวลานี้คุณไม่อนุมัติงบให้พวกเรา พวกเราทำภารกิจไม่สำเร็จจะเกี่ยวโยงไปถึงโบนัสประจำไตรมาสนะคะ คุณลองคิดดู ทั้งแผนกมีคนเยอะแยะขนาดนั้น ถ้าไม่มีโบนัสแล้ว ทุกคนจะมีปัญหาหรือเปล่า”
“มีปัญหาก็มีปัญหาสิ เกี่ยวอะไรกับผม?”
ญาธิดาสูดหายใจลึกๆทีนึงแล้วเดินไปข้างหน้า สายตาจ้องมองชญาดล “ยุ่งงานมาหลายเดือน ทุกคนต่างก็อยากคาดหวังกับโบนัสประจำไตรมาสเล็กน้อยนี้ ถ้าฉันกลับไปบอกกับพวกเขาว่าเงินก้อนนี้ฝ่ายบัญชีไม่อนุมัติ ไม่แน่คนบางคนอาจจะรายงานไปที่สำนักงานCEO ถ้าเรื่องใหญ่โต คุณภวินท์จะต้องส่งคนมาตรวจสอบแน่นอน ถึงเวลาเกี่ยวพันไปถึงฝ่ายบัญชี ไม่แน่ก็จะเกี่ยวพันไปถึงโบนัสของพวกคุณด้วย”
ชัดเจนว่าชญาดลคิดไม่ถึงว่าญาธิดาจะเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อโจมตี เขาขมวดคิ้วแล้วย้อนถาม “นี่คุณกำลังขู่ผมงั้นเหรอ?”
ญาธิดายิ้มอ่อนๆ เหมือนมีชัยชนะและความมั่นใจเต็มเปี่ยม เธอพูดอย่างมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน “ก็ไม่ถึงขั้นขู่หรอกค่ะ แค่หวังว่าคุณชญาดลต้องคิดพิจารณาถึงผลประโยชน์ของทุกคนหน่อย ถ้ามีเรื่องไม่พอใจกันในยามคับขันแบบนี้ ไม่ได้เสียหายแค่แผนกธุรการของเราแผนกเดียวนะคะ”
ญาธิดาดูหน้าตาหงุดหงิดของชญาดลแล้ว ได้ก้มหน้ามองใบเสร็จที่อยู่ในมือตัวเอง เธอสูดหายใจลึกๆทีนึงแล้วถามอย่างมีความอดทน “ก่อนหน้านี้แผนกของเราเคลียร์บัญชีก็เคลียร์แบบนี้ตลอด และไม่เคยได้ยินว่าใบเสร็จไม่ครบเลย ทำไมครั้งนี้ถึงเคลียร์ไม่ได้แล้วคะ?”
ชญาดลก็ไม่ใช่คนโง่ ฟังญาธิดาพูดแบบนี้ปุ๊บ ก็รู้เลยว่าเธอไม่ยอมยุติเรื่องราวง่ายๆ เขาก็ไม่กล้าเอาโบนัสประจำไตรมาสของฝ่ายบัญชีมาเป็นชิปต่อรองเหมือนกัน ถึงแม้นี่เป็นคำสั่งจากศรุตหัวหน้าของเขา แต่เวลานี้ อันไหนสำคัญกว่าเขาก็มีการคิดพิจารณาอยู่
เห็นสีหน้าของชญาดลมีการผ่อนคลาย ญาธิดาได้ถือโอกาสส่งใบเสร็จในมือให้เขา พร้อมยิ้มให้เขา “ยังไงเรื่องนี้ก็รบกวนคุณชญาดลแล้วนะคะ”