ดวงใจภวินท์ - บทที่ 156 ควรรักษาระยะห่างกันไว้
ภายในตัวรถอันคับแคบ จู่ๆ บรรยากาศก็เปลี่ยนจนซับซ้อนขึ้นเรื่อย ญาธิดามองชายหนุ่มที่สื่อความเร่าร้อนออกมาตรงๆ โดยไม่มีการปกปิดสายตาสักนิด จนลำคอเริ่มตีบตัน
แววตาของเธอหวั่นไหว พลางพูดตะกุกตะกัก “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ว่าคุณ…”
ยังพูดไม่ทันขาดคำ ร่างกายของชายหนุ่มก็บีบเข้าใกล้เธอขึ้นเรื่อย ภวินท์เขยิบเข้าใกล้เธออีกคืบ เธอก็ถอยหลังหนีเล็กน้อย แม้ว่าจะไร้หนทางถอยหนี เธอก็ยังพยายามเบี่ยงศีรษะถอยหลังหลบอย่างสุดกำลัง
ทว่าภายในรถเป็นสถานที่กว้างได้เพียงแค่นั้น แม้ว่าเธอจะมีวิชาหดตัวย่อส่วน ก็ไม่สามารถหนีไปจากขอบเขตของเขาได้ ภายใต้สายตาของเขาที่คอยจับสังเกตอยู่ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“คุณ…คุณถอยออกไปเลยนะ!” เธอพยายามใช้เรี่ยวแรงผลักเขาออกอย่างเต็มที่ และกล่าวด้วยความโกรธเคือง
ญาธิดาสบตาดวงตาอันลึกซึ้งเคร่งขรึมของชายหนุ่มคนนั้น จนหัวใจห่อเหี่ยว และในเวลาเดียวกันก็เกิดความรู้สึกละอายใจขึ้นมาเป็นระยะ เธอรู้ดีอยู่เต็มอกทั้งที่มีนิวราเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ทว่าเมื่อครู่นี้ เธอกลับไม่ยอมปฏิเสธภวินท์
ญาธิดาเบนสายตาหนี แสร้งพูดจาอย่างแน่วแน่ “คุณมีแฟนแล้ว เราสองคนควรรักษาระยะห่างกันเอาไว้”
เมื่อได้ยินคำว่า “แฟน” คำๆนี้ นัยน์ตาภวินท์ทอประกายความเย็นชาออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากบางอันเยือกเย็นเม้มจนกลายเป็นเส้นขีด ใบหน้าหล่อเหล่าอันเย็นชาใกล้จะบิดจนน้ำจะหยดออกมาอยู่แล้ว
ความรู้สึกหงุดหงิดใจที่พุ่งขึ้นมาอย่างไร้วี่แววภายในหัวใจของเขานั้น เขาหันศีรษะกลับมา พลางมองด้านหน้า และขยับปากอย่างเย็นชา “ลงไป”
ญาธิดาตกตะลึง พลันหันศีรษะมองสีหน้าอันย่ำแย่ของชายหนุ่ม ถึงได้รับรู้ว่านี่เป็นคำขับไล่ของเขา เธอตอบสนองได้ทันท่วงที พลางสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อผลักประตูและลงจากรถ
วินาทีที่บานประตูรถปิดลงในชั่วขณะนั้น รถยนต์สตาร์ทรถเป็นที่เรียบร้อย เครื่องยนต์ส่งเสียงดังลั่น ราวกับไม่มีทีท่าจะจอดรอสักนิดและรีบขับรถออกไปโดยไม่ทิ้งฝุ่นให้เหลือไว้
ญาธิดายืนอยู่ที่เดิม พลางมองท้ายรถที่หายลับตาไปจากสายตาของตนเองอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ในหัวใจเกิดความรู้สึกว่างเปล่าที่ไม่สามารถพรรณนาออกมาได้
คนที่มาช่วยเธอก็คือเขา สุดท้ายคนที่ชักสีหน้าใส่ก็เป็นเขาอีก ญาธิดาจับอารมณ์เขาไม่ถูกจริงๆ ทว่าสิ่งที่น่าแปลกใจกว่าคือ ความรู้สึกของตนเองกลับถูกเขากระชากกลับไปด้วย
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ญาธิดาถอนสายตากลับมา โดยหันหลังให้และเดินเข้าทางเดินภายในตึกอย่างหมดหวัง
เมื่อกลับเข้ามาภายในบ้านแล้ว เธอควานหาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า โดยกดเปิดตามความเคยชิน จึงเห็นข้อความที่อัญมณีส่งมาให้เธอเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เมื่อคิดคำนวณเวลาแล้ว น่าจะเป็นตอนที่เธอเพิ่งขึ้นรถได้ไม่นาน
นิ้วมือญาธิดากดหน้าจอ เพื่อเป็นการตอบข้อความกลับไป และสอบถามว่าเธอถึงบ้านหรือยัง หลังจากส่งข้อความไปแล้ว ห้านาทีผ่านไปแล้ว แต่กลับไม่มีคนตอบข้อความกลับมา
ญาธิดายืนอยู่ที่เดิม พลางมองท้ายรถที่หายลับตาไปจากสายตาของตนเองอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ในหัวใจเกิดความรู้สึกว่างเปล่าที่ไม่สามารถพรรณนาออกมาได้
ญาธิดาเริ่มสงสัยอยู่ในใจ ไม่น่าจะนี่นา โดยปกติเธอส่งข้อความหาอัญมณี เธอจะตอบกลับมาทันท่วงที หรือว่าเธอจะอยู่กับพายุ?
อีกฝั่ง ภายในรถสปอร์ตสีแดงสด อัญมณีตีหน้าเย็นชา ไม่ยอมพูดยอมจากับพายุแม้สักครึ่งคำ
พายุขับรถ พร้อมทั้งคอยเหล่ตามองผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างอย่างระมัดระวัง
ไม่นานนัก อัญมณีหันศีรษะกลับมา พลางจ้องและถามเขากลับด้วยอารมณ์พุ่งปรี๊ด “มองพอรึยัง?”
เขาแอบมองเธอเพราะคิดว่าเธอคงไม่สังเกตเห็น!
ถูกจับได้ในเหตุการณ์จนสีหน้าพายุฉายแววไม่เป็นตัวของตัวเอง พลางกระแอมและเอ่ยปากถาม “คุณเป็นอะไรไป?”
“คุณพูดว่าฉันเป็นอะไรไป? พายุ ตอนแรกคุณรับปากฉันอย่างดิบดีว่าให้ฉันยื่นคำขอมาได้สามข้อ คุณยังพูดว่าเรียกปุ๊บก็มาถึงปั๊บ แล้ววันนี้ล่ะ?”
พออัญมณีโกรธจนหน้าแดงแจ๋ พลางถลึงตาจนกลมโต ท่วงท่ายิ่งเพิ่มความน่ารักขึ้นมาอีกเยอะ “ฉันฝากความหวังไว้ที่ตัวคุณทั้งหมด ไม่คิดเลยว่าผ่านไปครึ่งชั่วโมงคุณเพิ่งจะมาถึง ว่าฉันเกือบโดนไอ้สถุลของแองจี้ใช้มือฉีกเป็นชิ้นๆ อยู่แล้วคุณรู้หรือเปล่า? ”
การต่อสู้ศึกวันนี้ช่างอัปยศอดสูจริงๆ เดิมทีเธอยังอยากจะฆ่าความใหญ่คับฟ้าของแองจี้ไม่คิดเลยว่าพอถึงจุดสำคัญกลับกลายเป็นเธอและธิดาเสียเปรียบเสี่ยนี่!
หากเขาช้าไปอีกก้าวเดียว เกรงว่าเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวของพวกเธอก็คงถูกฉีกกระจุยไปหมดแล้ว!
อัญมณีอารมณ์พุ่งปรี๊ด ปากก็พูดไม่หยุด และบ่นไม่จบไม่สิ้นสักที
พายุเหลือบมองผู้หญิงที่กำลังโมโหเป็นเจ้าเข้าอยู่ข้างกาย มุมปากยกขึ้นอย่างไม่รู้สึกตัว ขนาดแววตา ยังมีรอยยิ้มความเอ็นดูเพิ่มมากขึ้น
อัญมณีพูดมาตั้งนาน พอหันศีรษะเห็นพายุกำลังยิ้มออกนอกหน้า ความโกรธเคืองพลันพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง “พายุ คุณเห็นฉันเป็นตัวตลกแล้วเหรอ?”
เธอถูกคนรังแก นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขายังยิ้มไม่หุบปาก?
พายุเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า และขับรถมาจอดใต้ตึกคอนโด พลางกระซิบพูด “ถึงแล้วครับ”
อารมณ์โกรธเคืองของอัญมณียังไม่จางหายไป รถยนต์ยังจอดไม่สนิท ก็เปิดประตูรถและลงจากรถ ใครเล่าจะไปรู้เพราะความร้อนใจของเธอ จึงไม่ทันระวังใต้ฝ่าเท้าเธอเอง เพราะรองเท้าส้นสูงมันเหยียบเข้ากับหินกรวดที่อยู่บนพื้น จนข้อเท้าพลิกเต็มแรง
เธอเจ็บจนร้องเสียงหลง หน้าตาจิ้มลิ้มยู่เข้าหากัน “ซี๊ด… วันนี้ทำไมถึงซวยได้ขนาดนี้เนี่ย?”
พายุเห็นเหตุการณ์นั้น จึงรีบลงจากรถและเดินตามไป โดยเดินมาถึงข้างกายเธอ และสอบถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย “เป็นไงบ้าง? คุณสบายดีใช่มั้ย?”
อัญมณีเจ็บจนโบกมือไปมา “ไม่เป็นไร คุณกลับบ้านไปเถอะ!”
เธอพูดออกมาและหันหลังให้เพื่อเดินเข้าไปในตึกคอนโด ใครจะรู้ว่าข้อเท้าที่เพิ่งพลิกพอเท้าหย่อนแตะพื้น ก็จะเจ็บจี๊ดขึ้นมา
ร่างกายเธอเอียงเซ จนใกล้จะลื่นล้ม พายุไหวพริบดีพลันประคองเธอไว้ พลางพูดทันที “น่าจะพลิกแหละ คุณพักอยู่ชั้นไหน? ผมจะขึ้นไปส่งคุณเอง”
อัญมณีได้ยินแล้ว เบิกตาโตใส่ทันที พลางมองเขาด้วยความตกใจ
เขาอยากจะไปที่ห้องเธอ หรือว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่หรือเปล่าเนี่ย?