ดวงใจภวินท์ - บทที่ 159 การกลับมาเจอกันอีกครั้งของเพื่อนเก่า
พยาบาลรับแผ่นเอกสารมา พลางกวาดตามอง ซึ่งคิดว่าญาธิดาเลือกเธอแล้ว จึงพยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันโทรศัพท์เรียกตัวเธอมาให้ รอสักครู่นะคะ”
ญาธิดาพยักหน้า ภายนอกเธอดูสงบนิ่ง ทว่าในใจของเธอกำลังเคร่งเครียดอยู่บ้าง มือทั้งสองข้างที่วางอยู่ตรงหัวเข่าพลันกำหมัดแน่น
เธอกับเกล้าแก้วไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งหลายปี จู่ๆ ในวันนี้เธอใช้วิธีการนี้เรียกเธอให้มาหา จะดูรวบรัดตัดความไปหน่อยมั้ย?
จังหวะที่เธอคาดเดาไม่ถูกนั้น จู่ๆ ตรงประตูก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังเข้ามา พลันมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นอย่างสดใส “พี่หวาน หาฉันมีธุระอะไรเหรอ?”
ญาธิดาหันศีรษะตามเสียง จึงมองเห็นใบหน้าเล็กหน้าตาแจ่มใสปรากฏอยู่ตรงประตู และขยับปากทันควัน แต่กลับไร้เสียงเปล่งออกมา
เกล้าแก้วชะงัก พลันช้อนตาเหลือบมองเธอ สายตาชะงักอยู่พริบตา แววตาปรากฏความตกใจออกมาชั่วครู่ และเอ่ยปากพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ญาธิดา?”
ญาธิดาดีใจมาก พลันคลี่ยิ้มทันที และลุกขึ้นยืนด้วยอาการตื่นเต้น “แก้ว เป็นแกจริงๆ ด้วย!”
ส่วนดวงตาของเกล้าแก้วกลับถูกความแปลกใจเข้ามาแทนที พลางเดินก้าวไปทางด้านหน้า คิ้วตาโก่งขึ้น พลางเอ่ยถามทันที “แก…แกมาที่นี่ยังไง?”
“พ่อฉันป่วยนะสิ เลยต้องหาพยาบาลพิเศษสักคน ฉันเห็นเอกสารของแก ก็เลยให้พยาบาลเรียกแกมาให้หน่อย”
“บังเอิญเหลือเกิน” เกล้าแก้วพูด พลางดึงมือของญาธิดาไว้ข้างหนึ่ง ไม่รู้เพราะว่าดีใจหรือว่าแปลกใจกันแน่ ในดวงตาเปล่งประกายน้ำตาคลอเบ้า
ญาธิดาเองเกิดความรู้สึกสุขใจจนยากแก่การพรรณนาออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ “พวกเราไม่ได้เจอหน้ากันมา6ปีแล้วใช่มั้ย? ไม่คิดเลยว่าจะเจอหน้าแกในที่แบบนี้”
พวกเธอต่างจับมือกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการอุปสรรคการทำงานของคนอื่น จึงเดินออกไปยังด้านหน้าของห้องทะเบียนเพื่อรำลึกถึงความหลัง
เมื่อเริ่มคุยกัน ความทรงจำเมื่อหลายปีก่อนราวกับน้ำท่วมที่กระทบเข้ามาเป็นระลอก ที่แท้ คนเราเมื่อโตขึ้น ก็อดที่จะรำลึกถึงเรื่องราวครั้งก่อนไม่ได้
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ก็ไม่มีผลกระทบตามเวลาที่ผ่านพ้น เมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวเมื่อก่อน ทุกเรื่องคล้ายว่าเพิ่งจะเกิดขึ้น มันใกล้เหมือนอยู่ตรงหน้า จนทำให้คนเรารู้สึกได้ทั้งร่างกายและจิตใจ
พลันฉุกคิดถึงตอนที่ทั้งสองคนแยกจากกัน ญาธิดาอดใจถามไว้ไม่อยู่ “แก้วทำไมตอนนั้นพวกเธอถึงย้ายบ้านกันล่ะ? ขนาดช่องทางการติดต่อยังไม่ทิ้งไว้ให้เลย…”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องการย้ายบ้านที่จากไปโดยไม่บอกกล่าวกันสักคำ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าเกล้าแก้วแข็งทื่อทันที สายตาของเธอเบนหนี และขยับปาก แต่กลับไม่พูดอะไร
เมื่อมองเห็นการแสดงออกเช่นนี้ของเธอ ญาธิดาเข้าใจทันที รู้ว่าเธอไม่สะดวกที่จะพูดถึง จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อทันที “แก้ว วันนี้แกออกเวรกี่โมง? ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวแกสักมื้อ ถือว่าเป็นการฉลองที่พวกเราสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง!”
อาการไม่เป็นตัวของตัวเองของเกล้าแก้วมลายหายไปทันที พลางฉีกยิ้มให้เธอพลางพูดกล่าว “คืนนี้ฉันต้องเข้าเวร กลัวว่าจะไม่ได้แล้ว งั้นเปลี่ยนเป็นวันอื่นเอามั้ย เราแลกช่องทางติดต่อกันไว้ก่อน”
ญาธิดาตอบตกลงทันควัน “ตกลง”
หลังจากแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อซึ่งกันและกันแล้ว จู่ๆ ญาธิดาก็นึกเรื่องพยาบาลพิเศษที่จะจ้างให้บิดาได้ “ใช่สิ แก้ว ช่วงนี้แกพอมีเวลาว่างมั้ย? ระยะนี้พ่อฉันต้องนอนโรงพยาบาล เพื่อเตรียมผ่าตัดหัวใจ ฉันเลยอยากจ้างพยาบาลพิเศษให้เขา”
เกล้าแก้วไม่ได้คิดอะไรมาก พลันตอบตกลงทันที “ได้เลย ช่วงนี้ฉันว่างพอดีช่วยดูแลคุณอาให้แกได้อยู่นะ”
ทั้งสองคนพูดคุยกัน และแทบไม่ได้สังเกตประตูบริเวณทางหนีไฟที่อยู่ไม่ไกลนัก พลันมีเงาดำปรากฏตัว และหายวับไป
ในเวลาเดียวกัน ภายในบ้านพักเขตชานเมืองหลังหนึ่ง ภูผากำลังนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง และฟังครามรายงานสถานการณ์
ร่างกายชายหนุ่มโดนแสงแดดปกคลุมทั่วตัว และแผ่ความสว่างและอ่อนโยนออกมา เมื่อได้ยินรายงาน เขาถึงช้อนตาขึ้นเล็กน้อย “สิ่งที่นายพูดคือ เธอต้องการหาพยาบาลพิเศษ?”
ครามแสดงสีหน้าไร้การเปลี่ยนแปลง พลางตอบกลับอย่างจริงจัง “ครับ บิดาของเธออยู่ที่โรงพยาบาล เป็นโรคหัวใจ ต้องได้รับการผ่าตัด”
พูดจบ เขาก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ “นี่คือรายละเอียดของพยาบาลคนนั้นคนที่เธอต้องการ เป็นเพื่อนสนิทของเธอที่รู้จักกันมานาน ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล”
ภูผายื่นมือออกไปรับ พลางมองจ้องมองรูปภาพผู้หญิงที่อยู่บนเอกสารแผ่นเดียว หรี่ตา ดวงตาทอประกาย
“เกล้าแก้ว”
เขาอ่านชื่อนั้นซ้ำอีกครั้ง มือที่ถือกระดาษขยำแรงหนักกว่าเดิม หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็เบนสายตาไปทางอื่น โดยขว้างกระดาษที่อยู่ในมือทิ้งไป และเงยศีรษะมองนอกหน้าต่าง น้ำเสียงล่องลอยออกไป “การทำกายภาพบำบัดต้องใช้พยาบาลพิเศษพอดี เอาเธอเนี่ยแหละ”
ดูเหมือนครามแปลกใจเล็กน้อย “นายน้อย วัยวุฒิของเธอดูเหมือนไม่ค่อยมืออาชีพสักเท่าไหร่…”
“ไม่เป็นไร” น้ำเสียงภูผาหนักแน่น และไม่มีความหมายการลังเลสักนิด
ที่เขาเรียกเธอมา ไม่ใช่เพราะวัยวุฒิของเธอ แต่เพราะว่าเธอรู้จักกับญาธิดา
ภายภาคหน้า ไม่แน่ยังสามารถใช้งานจากเธอได้
ครามไม่ถามซักไซ้ต่อ พลางพยักหน้าเพื่อรับทราบ และรีบไปจัดการทันที
บริเวณทางเดินโรงพยาบาล ญาธิดากับเกล้าแก้วยังพูดคุย ปรึกษาหารืออาการของดร.ยติภัทรในระยะนี้ ญาธิดาหนักใจและเศร้ามาก “แก้ว ฉันรู้การทำบายพาสหัวใจต้องมีความเสี่ยงมากแน่ๆ แต่ว่าตอนนี้อาการของพ่อถ้าไม่ผ่าตัดก็ไม่ได้อีก พูดตามความจริง ฉันเองก็กดดันมาก”
เกล้าแก้วทำงานอยู่ในโรงพยาบาลมาหลายปีแล้ว และคุ้นชินกับการเกิดแก่เจ็บตาย แต่เมื่อเห็นเพื่อนสนิทแสดงความโศกเศร้าต่อหน้าตนเอง กลับเกิดความรู้สึกที่พรรณนาไม่ถูกกัดกินอยู่ในใจ
เธอรู้สึกตามไปด้วยจึงตบหลังญาธิดาอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงแน่วแน่ “ธิดา แกวางใจเถอะ คุณอาต้องไม่เป็นไรแน่ ระยะนี้ฉันจะคอยอยู่ดูแลอยู่ข้างกายเขา แกไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะ”
ญาธิดาได้ยินแล้ว จิตใจผ่อนคลายลงเป็นกอง พลันพยักหน้า
จังหวะนี้เอง จู่ๆ มีพยาบาลมาจากห้องทะเบียนที่อยู่ด้านข้าง พูดกับเกล้าแก้ว “แก้ว เธอมานี่หน่อย มีคนขอเรียนสายกับเธอ”
เกล้าแก้วได้ยิน จึงแสดงรับรู้ทันที พลางยิ้มให้ญาธิดา และรีบเดินไปรับโทรศัพท์ทันที
ญาธิดาเดินมาถึงประตู เพื่อรอให้เธอโทรศัพท์
เกล้าแก้วรับสายโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไร เธอเริ่มแปลกใจเล็กน้อย หลังจากตะลึงไปชั่วครู่แล้ว จึงตอบกลับไป “ได้ค่ะ ผู้อำนวยการ ฉันทราบแล้วค่ะ ฉันจะเตรียมตัวให้เร็วที่สุดค่ะ”
พูดจบ จึงวางสาย เธอหันศีรษะกลับมามองทางประตู เมื่อเห็นญาธิดา จู่ๆ ก็แสดงความละอายใจออกมาทางใบหน้าเล็กน้อย “ธิดา ฉันอาจจะตอบรับคำขอของแกไม่ได้แล้วนะ เมื่อครู่ผู้อำนวยการจู่ๆ ก็โทรมาหาฉัน บอกว่าจัดฉันให้เป็นพยาบาลส่วนตัวในห้องพักแขกVIP ส่วนเรื่องของแก…”
เกล้าแก้วยังพูดไม่ทันจบ ญาธิดาก็เข้าใจทันที เธอคลี่ยิ้มให้ พลางกระซิบพูด “ไม่เป็นไรนะ”
สถานการณ์เช่นนี้เธอเข้าใจดี อีกทั้งทางนี้เธอก็ยังไม่ได้กรอกข้อมูลเพื่อยืนยันเลย เกล้าแก้วเพิ่งจะได้รับการเตรียมการของผู้อำนวยการก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เกล้าแก้วก็ไม่มีวิธีอื่น นอกจากเติมเต็มให้ เธอช่วยญาธิดาเลือกพยาบาล สุดท้ายก็เลือกคุณพยาบาลท่านหนึ่งมีประสบการณ์เป็นพยาบาลพิเศษอย่างโชกโชนมาสิบกว่าปี
หลังจากจัดการทุกสิ่งที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะว่าเกล้าแก้วยังมีงานอื่นต่อ ญาธิดาจึงบอกลาเธอ โดยวางแผนจะไปหาหมอที่รักษายติภัทรโดยตรงสักหน่อย
ก่อนได้รับการผ่าตัด เธอจำเป็นต้องเข้าใจถึงสถานการณ์บ้าง
เมื่อมาถึงห้องทำงานของนายแพทย์ ญาธิดาแจ้งจุดประสงค์ออกไป คุณหมอชาติรีบเชิญเธอนั่งทันที พร้อมทั้งหาผลการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงให้ญาธิดา เพื่ออธิบายให้ญาธิดาฟัง
คำศัพท์เฉพาะทางมากมายก่ายกอง ญาธิดาฟังจนหัวสมองปวดหัวแล้ว เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันถามกลับทันที “คุณหมอชาติคะ คุณสรุปความพูดให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ยคะเมื่อไหร่พ่อฉันจำเป็นต้องผ่าตัด หรือว่าขึ้นอยู่กับศัลยแพทย์ใช่มั้ยคะ”
คุณหมอชาติพยักหน้า และชี้แจงอย่างไม่รีบร้อน “การผ่าตัดรีบผ่าก็ยิ่งดี แต่ว่าก็ต้องดูการจัดเวรของหมอศัลยแพทย์ด้วย ก่อนหน้านี้คนของพวกคุณได้ติดต่อคุณหมอเธียรชัยของโรงพยาบาลแคปิตอลโฟร์ทเอาไว้ รายละเอียดเวลาที่กำหนดหรือแผนงานการผ่าตัดยังต้องขึ้นอยู่กับการจัดการของเขาด้วยครับ”
คุณหมอเธียรชัยของโรงพยาบาลแคปิตอลโฟร์ท?
หากเธอจำไม่ผิด นั่นน่าจะเป็นภวินท์ที่ช่วยเตรียมการให้บิดาก่อนหน้านี้