ดวงใจภวินท์ - บทที่ 172 เขาช่วยเธอเปลี่ยนหมดเลยเหรอ?
ต้นมึนไปเสี้ยววินาที ผ่านไปครึ่งวินาที ได้เบือนหน้าไปอีกทางและตอบอย่างจริงจังว่า “ไม่มีอะไรครับ”
ภวินท์ขมวดคิ้ว และสั่งการด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ไปซื้อผ้าอนามัยที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตละแวกนี้มาหน่อย!”
ระหว่างพูด เขาได้หยิบเสื้อคลุมที่อยู่ข้างๆคลุมร่างกายของญาธิดาเอาไว้โดยตรง
ต้นมองไปที่เขาอย่างตะลึงงัน “ลูกพี่……”
เขาเป็นแค่เจ้าทึ่มที่หมกมุ่นอยู่กับคอมพิวเตอร์อย่างเดียว แม้แต่แฟนก็ยังไม่เคยมีเลย นอกจากบางครั้งเคยเห็นในโฆษณาบ้าง สำหรับของใช้ผู้หญิงพวกนี้ยิ่งไม่รู้อะไรเลย
ภวินท์ยักคิ้วขึ้น สีหน้าแววตาไม่ค่อยสบอารมณ์ “ลำบากใจมากเลย?”
ต้นกลืนน้ำลายทีนึง แล้วรีบพูดรัวๆว่า “ไม่…ไม่ลำบากใจครับ จะซื้อแบบไหนครับ?”
ภวินท์ยิ่งหน้าดำขึ้นไปอีก พูดอย่างกับเขารู้ดีมากอย่างงั้นแหละ?
“ซื้ออย่างละถุง”
ทิ้งท้ายด้วยเสียงเย็นชาคำนึง เขาก็เตรียมผลักประตูลงจากรถเลย จู่ๆเหมือนรู้สึกว่าต้นตัวคนเดียวจะไม่ทำไม่สำเร็จยังไงอย่างงั้น ได้หันไปมองพายุที่อยู่เบาะนั่งข้างคนขับอีก พร้อมทั้งสั่งการว่า “นายก็ตามไปด้วย รีบซื้อรีบกลับ”
พอพูดจบ เขาได้อุ้มญาธิดาลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างไว
พายุกับต้นต่างก็มองหน้ากันไปมา สีหน้าขาวซีดเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง ได้แต่ไปซื้อทันที
กลับมาถึงห้องพัก ภวินท์ได้วางญาธิดาลงบนเตียง ดูผู้หญิงที่ขมวดคิ้วไว้แน่นกับปากที่ขาวซีด ในใจมีอารมณ์ที่แปลกประหลาดโผล่ขึ้นมา
เรื่องของครั้งนี้ เขาพลอยทำให้เธอเดือดร้อนไปด้วยจริงๆ
มองเสื้อผ้าที่ฉีกขาดจนไม่อาจทนดูของผู้หญิง แววตาของภวินท์เคร่งขรึม ยื่นมือเตรียมจะช่วยเธอเปลี่ยนชุด ใครจะไปรู้ว่าเพิ่งแตะโดนร่างกายของญาธิดา เธอก็ขัดขืนขึ้นมาอย่างกับถูกไฟฟ้าช็อต
“อย่า!อย่าตีฉัน!ฉัน……”
เธอเหมือนฝันเห็นเรื่องที่น่ากลัว หดตัวไว้อย่างต่อต้าน เสียงที่คล้ายกับร้องขอความเมตตาได้ครวญออกมาจากปากของเธอ
ภวินท์ตกใจมาก เขายื่นมือมากุมมือสองข้างที่กระดุกกระดิกไปมั่วของเธอเอาไว้ พร้อมพูดปลอบโยนเสียงเบา “ไม่ต้องกลัวนะ มีผมอยู่……”
เสียงของเขาเหมือนแฝงด้วยพลังวิเศษที่ปลอบใจคน หลังจากพูดติดต่อไปหลายคำ ญาธิดาค่อยๆสงบลงเยอะ ไม่กระดุกกระดิกไปมั่วอีก
เห็นเธอสงบลง ภวินท์รู้สึกโล่งอกไปที
ดูท่าเรื่องของครั้งนี้ ได้เป็นปมในใจของเธอไปแล้ว
เขายื่นมือออกมาแตะผมหน้าม้าที่เปียกชุ่มของเธออย่างจับพลัดจับผลู
หน้าห้องมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ภวินท์ได้ยินเสียงแล้วใบหน้าได้กลับคืนสู่ความเย็นชาเหมือนปกติ เขาเดินมาเปิดประตูที่หน้าห้อง
พายุกับต้นยืนอยู่หน้าห้อง ถือของใช้ผู้หญิงไว้เต็มถุง ทั้งสองหายใจหอบ เหมือนวิ่งมาตลอดทาง
ภวินท์รับถุงมาแล้วปิดประตูทันทีโดยที่ไม่ลังเล
พายุกับต้นยืนอึ้งอยู่ที่หน้าห้องครู่นึง จากนั้นได้มองหน้ากันไปมาอีกครั้ง ทีนี้ถึงได้เดินจากไป
ต้นยกมือขยับแว่นตาที่ไหลลงมาถึงสันจมูก และพูดอย่างชิวๆว่า “นายรู้สึกมั้ยว่าลูกพี่ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว?”
พายุแสยะยิ้มมุมปากพร้อมส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร แค่เดินไปข้างหน้าอย่างไว
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ญาธิดาได้ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ สิ่งที่เห็นคือฝ้าเพดานที่ค่อนข้างคุ้นเคย เธอขยับตัว รู้สึกทั้งวิงเวียนและปวดศีรษะ เพิ่งขยับตัว ก็ได้ยินข้างกายมีเสียงดังขึ้น
“คุณฟื้นแล้วเหรอ?”
ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดและคุ้นเคยนั้น ญาธิดาที่เดิมทีไม่กระวนกระวายใจได้สงบลงเยอะ
เธอหันมามอง เห็นภวินท์นั่งอยู่ข้างๆนี้เอง ดวงตาคมเข้มกำลังจ้องเธออยู่
เธอดูออกว่าที่นี่คือโรงแรม
อาการเจ็บคอทำเธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอถามอย่างค่อนข้างเซอร์ไพรส์ “เราออกมา…แล้ว?”
ฉากที่หลังจากเธอถูกลักพาตัวเหมือนกับความฝัน ราวกับพอตื่นขึ้นมา แล้วทุกอย่างเหมือนปกติ
ภวินท์ตอบอืมอย่างเรียบเฉยคำนึง และได้หยิบแก้วน้ำที่อยู่ข้างๆขึ้นมายื่นให้กับเธอ
ญาธิดานั่งตัวตรง ค่อยๆยื่นมือรับเอาไว้ หลังจากดื่มไปสองกรึ๊บ ความคิดถึงค่อยๆหวนกลับคืนมา
หลังจากวางแก้วน้ำลง เธอก้มมองเสื้อผ้าบนตัวแล้วค่อนข้างประหลาดใจ
นี่ไม่ใช่เสื้อผ้าของเธอ หลวมใหญ่ ผ้านิ่ม เหมือนเสื้อเชิ้ตของผู้ชายมากกว่า
ญาธิดาอึ้งไปเสี้ยววินาที ผ่านไปสองวิ จากนั้นได้หันไปมองภวินท์ที่อยู่ข้างๆด้วยสีหน้าตะลึงงันเหมือนนกตื่นธนู “นี่……นี่คุณช่วยฉันเปลี่ยนเหรอ?”
นาทีนี้ เธออยู่ที่ห้องของภวินท์ นอนอยู่บนเตียงของเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็เป็นของเขา……
ภวินท์เงยหน้ามองมาที่เธอ แววตาลุ่มลึกมีอารมณ์แวบผ่านเสี้ยวนึง เขายักคิ้วเล็กน้อย พร้อมย้อนถามด้วยน้ำเสียงชิวๆ“ไม่งั้นล่ะ?”
ญาธิดาฟังแล้วเบิกตากว้างอย่างตะลึงงัน มือข้างนึงที่อยู่ใต้ผ้าห่มของเธออดขยับเบาๆไม่ได้ คลำเจอเนื้อผ้าของใต้เสื้อเชิ้ตได้ แม้กระทั่งคลำเจอผ้าอนามัยที่ใส่อยู่ด้านใน!
เขาคงไม่ได้เป็นคนทำเรื่องพวกนี้เองหมดเลยมั้ง?
ช่วยเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ฉีกขาด แถมยังช่วยเธอใส่ผ้าอนามัยที่เวลาเมนส์มาต้องใส่!
ดูสีหน้าตะลึงงันของผู้หญิง เห็นได้ชัดว่าภวินท์เดาได้แล้วว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เม้มริมฝีปากบางไว้ และหันไปมองอีกฝั่งนึงอย่างค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติ
ถ้าเขาไม่ทำเรื่องพวกนี้ แล้วจะให้พายุพวกเขาไปทำรึไง?
ญาธิดาทนไม่ไหวอยากจะถาม แต่พอคำพูดมาถึงปาก กลับหน้าแดงขึ้นมา สุดท้ายก็ไม่ได้ถามคำนั้นออกมา
เธอสูดหายใจลึกๆ กัดฟันเล็กน้อย ทิ้งคำถามของเมื่อครู่ไปไว้ข้างหลังก่อน พอนึกย้อนถึงเรื่องที่ได้ประสบพบเจอหลังจากที่ถูกลักพาตัวในวันนี้ เธออดตัวสั่นไม่ได้
ตอนที่เงยหน้ามองไปที่ภวินท์อีกครั้ง ญาธิดารู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาเยอะเลย เธอสูดหายใจลึกๆแล้วพูดเสียงเบาว่า “ภวินท์ ขอบคุณสำหรับเรื่องของวันนี้นะคะ”
ขอบคุณที่ภายใต้สถานการณ์แบบนั้นเขายังมาช่วยเธอ ขอบคุณที่ถึงแม้เขาจะตัวคนเดียวก็ไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งเธอเลย
เผชิญกับคำขอบคุณที่มาแบบกะทันหัน หัวคิ้วของภวินท์ขยับอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เขาหันมามองญาธิดา น้ำเสียงยังคงเย็นชาห่างเหินเหมือนที่ผ่านมาอีกเช่นเคย “เรื่องนี้ไม่ต้องขอบคุณหรอก คุณถูกลักพาตัวไปก็เพราะผม ผมควรจะรับผิดชอบให้ถึงที่สุด”
แค่คำพูดเดียว ทำเอาญาธิดาถึงกับหมดคำพูด
ความจริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอกับอันธพาลพวกนั้นไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน เพราะภวินท์พวกมันถึงได้ลักพาตัวเธอไปจริงๆ
ในขณะที่เธอกำลังเหม่อลอย จู่ๆภวินท์ได้พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและจริงจัง “ผมให้พายุจองไฟลท์บินของพรุ่งนี้เช้าให้คุณแล้ว เขาจะเป็นคนส่งคุณกลับประเทศเอง หลังจากกลับไปแล้ว สองวันนี้คุณพักผ่อนดีๆ ไม่ต้องรีบร้อนไปทำงาน”
จู่ๆญาธิดาฟังแล้วค่อนข้างกังวลใจ “แล้วงานที่นี่ของฉันจะทำยังไงคะ?”
เธอมาสิงคโปร์ครั้งนี้ คือถูกพี่แนนส่งมาเป็นตัวแทนของแผนกธุรการมาศึกษารูปแบบการบริหารของบริษัท ที ดี ตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปแค่วันเดียว เธอก็กลับไปแบบนี้เฉยเลย จะบอกกับเพื่อนร่วมงานในแผนกยังไง?
ภวินท์หันมา เห็นเธอที่คิ้วผูกโบว์และมีสีหน้าร้อนรนใจแล้ว สายตาเคร่งขรึมขึ้นเยอะ
ผ่านไปหลายวิ เขาได้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ครั้งนี้บริษัทส่งทีมมาศึกษาที่ต่างประเทศ คือเพื่อปิดบังความเคลื่อนไหวของผม เข้าใจมั้ย?”
เขาตอบอย่างเรียบง่ายว่องไว ทำให้ญาธิดาค่อนข้างมึน เธอลังเลอยู่ครึ่งค่อนวันไตร่ตรองคำพูดที่เขาพูดเมื่อครู่ไปอีกสองรอบ ทีนี้ถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้
ที่แท้ นี่ไม่ใช่มาเรียนรู้งานที่ต่างประเทศเลย แต่เพื่อปกปิดให้เขา
นึกถึงวันนี้เธอถูกมัดอยู่ที่นั่น เจอหน้าตาผีห่าซาตานพวกนั้นแล้วอดตัวสั่นไม่ได้
เธอไม่เคยคบหากับคนแบบนั้นเลย มีรอยสักเต็มตัว เล่นพนัน ครอบครองปืน เป็นไอ้พวกไม่กลัวตายและไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา
แล้วภวินท์ทำไมถึงไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้ได้?
คำถามนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมาจากในใจ ญาธิดาอยากเปิดปากถามให้ชัดเจน แต่เห็นใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึมของผู้ชายแล้ว เธอก็ได้กลืนคำพูดทั้งหมดกลับไปทันที
ถึงเธอถามไป ภวินท์ก็คงไม่บอกเธอหรอก