ดวงใจภวินท์ - บทที่ 175 ทุกคนเป็นหมากเกมของเขา
เกล้าแก้วเห็นสีหน้าที่อบอุ่นของชายหนุ่มที่นั่งบนรถเข็น โดยมีแสงอาทิตย์สาดส่องมาบนใบหน้า และโครงร่างที่อ่อนนุ่มของเขา
ขณะนั้น เธอถึงรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เมื่อเอ่ยถึงญาธิดา ทำให้ชายที่มีสีหน้าเข้มขรึมคิ้วขมวดดูอ่อนโยนขึ้นมาทันใด
เธอถึงกับประหลาดใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่สงสัยอยู่ลึกๆ
ภูผาสัมผัสได้ถึงดวงตาที่อ่อนโยนของเกล้าแก้ว เขาไม่ลังเลที่จะหันกลับมามอง โดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
แต่ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเหมือนกับการแสดง ก็พอจะดูน่าสนใจอยู่บ้าง พอหอมปากหอมคอ
ยังไงก็ยังมีเวลา ไม่เพียงแต่ญาธิดาเท่านั้น เกล้าแก้วก็ด้วยเช่นกันถือว่าเป็นหมากตัวหนึ่งในมือของเขาด้วย
ไม่มีอะไรไปมากกว่านี้
ร้านปิ้งย่าง ที่มีกลิ่นหอมเตะจมูก
ญาธิดาที่รู้สึกอยากกินของอร่อยตั้งแต่ช่วงเช้า หมูสามชั้นย่างห่อผักกาดที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลเพียงไม่กี่ชิ้น ก็บรรเทาอาการหิวได้ทันที
เมื่อเธอได้เงยหน้าขึ้น ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พายุได้ใช้ตะเกียบคีบเนื้อที่ย่างอยู่บนตะแกรง ทันใดนั้นเองใครจะคิดว่ามีว่ามีตะเกียบคู่หนึ่งยื่นมาจากด้านข้างและได้คีบชิ้นเนื้อที่ย่างสุกแล้วออกจากตะแกรงไปอย่างรวดเร็ว
ญาธิดาได้จ้องมองไปที่อัญมณี ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ อันอัน ทำไมแกถึงร้ายขนาดนี้ ไม่ควรจะแย่งเนื้อของคุณพายุไปนะ ”
อัญมณีได้ทำตาเล็กตาน้อย และพูดออกมาอย่างไม่คิดว่า “ เนื้อชิ้นนั้นไม่ได้เขียนชื่อของเขาเอาไว้ ฉันแย่งมาได้ก็เป็นของฉันนะซิ ”
เมื่อญาธิดาได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็มองไปที่พายุและหัวเราะออกมาพร้อมกัน
เพื่อนสนิทของเธอคนนี้ คนอื่นอาจจะไม่รู้จักดีพอ แต่เธอรู้จักเพื่อนคนนี้ดี จะเป็นแบบนี้ก็ต่อเมื่อเจอคนที่สนใจเท่านั้น สำหรับคนที่เธอไม่ได้สนใจ จะไม่มีแสดงอาการความรู้สึกแบบนี้ออกมา
เธอแสดงออกกับพายุขนาดนี้ หมายความว่ากำลังเล่นเกมระหว่างเธอกับพายุ
พูดไปหัวเราะไป ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวดูสนุกสนาน เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ญาธิดารู้สึกอิ่มท้องและรู้สึกสบายใจมากกว่าเก่า
ระหว่างทางที่เดินทางกลับจากร้านอาหาร จู่ๆอัญมณีก็ได้ดึงแขนของเธอเอาไว้พร้อมกับหัวเราะออกมาว่า “ ธิดา สิ้นเดือนนี้มีคอนเสิร์ตนะ จัดที่JC Hall แกจะไปไหม ”
เมื่อพูดถึงคอนเสิร์ต ญาธิดาก็หันกลับไปหาเธอทันที “ มีรายการแสดงของแกหรือเปล่า ”
อัญมณีได้เลิกคิ้ว แก้มเริ่มแดงนิดๆ หัวเราะและพูดว่า “ มีเป็นการแสดงรวม ฉันแสดงเป็นนักเล่นเชลโล”
เมื่อคิดย้อนไปตั้งแต่อัญมณีกลับประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว ในช่วงเวลาดังกล่าวแทบจะไม่มีผลงานแสดงเลย จนถึงวันนี้ในที่สุดก็มีผลงานการแสดง เพื่อนสนิททั้งคนจะไม่ไปร่วมงานได้ยังไงกัน
“ ไปแน่นอน ”
ญาธิดารีบรับคำ โดยหันไปมองพายุที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ คุณพายุเราไปดูด้วยกันนะ อันอันแสดงเป็นนักเล่นเชลโล ”
เมื่อพายุได้ยิน ก็อึ้งเล็กน้อย แววตาได้จ้องมองไปที่อัญมณี เหมือนกับรอความเห็นจากเธออีกครั้ง
อัญมณีได้ยืนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง และพูดออกมาว่า “ ได้ซิ งั้นฉันจะสำรองตั๋วเข้างานเพิ่มอีกหนึ่งใบ ”
เมื่อพายุได้ยิน นัยน์ตาแสดงถึงความเซอร์ไพรส์ แต่ก็ต้องเก็บอาการดังกล่าวไม่ให้ใครรู้
เมื่อญาธิดาเห็นเช่นนั้น รู้สึกว่าตัวเองกำลังยืนคั่นกลางระหว่างเขาสองคน เหมือนเป็นก้างขวางคอนี่เอง เธอได้แต่หัวเราะ เมื่อหันไปเห็นรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ข้างทางจึงรีบขยับตัวออกไป
“ อันอัน ฉันรู้สึกปวดท้องนิดหน่อย ขอกลับบ้านก่อนนะ ”
ในขณะที่เธอพูด ก็หันไปมองพายุ “ คุณพายุ ฉันต้องรบกวนคุณแล้วแหละ ช่วยส่งอันอันกลับบ้านด้วยนะ ”
เมื่อพูดจบ ไม่ทันได้รอให้เขาสองคนตอบกลับมา เธอก็รีบลากกระเป๋าขึ้นรถแท็กซี่ทันที
ในขณะที่ปิดประตูรถ ญาธิดาได้เห็นสีหน้าเพื่อนสนิทที่ซ่อนความโกรธเอาไว้ เมื่อมองไปรอบๆ อีกฝั่งหนึ่ง ก็ได้เห็นสีหน้าของพายุที่เต็มไปด้วยความอิ่มเอิบใจ
เธอเบ้ปากแล้วยิ้ม แล้วบอกคนขับให้ออกรถทันที
ทั้งสองคนกำลังจู๋จี๋กัน หากเธอยังยืนอยู่ตรงนั้น กลัวว่าจะดูเหมือนเป็นคนใจร้ายเกินไป
ระหว่างทางที่นั่งรถกลับบ้าน ก็พอจะมีเวลา ญาธิดาได้หยิบโทรศัพท์มือถือ ปลดล็อกหน้าจอ ก็พบว่ามีคนโทรมาไม่ได้รับ 2 สาย
เป็นภวินท์ที่โทรเข้ามา
เธอถือโทรศัพท์เอาไว้แน่น และรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
นับตั้งแต่วันที่ได้รู้จักกับภวินท์ ภวินท์โทรศัพท์หาเธอนับครั้งได้ อย่าว่าแต่ครั้งสองครั้งเลย หรือว่าเกิดเรื่องอะไร
ญาธิดาเริ่มตะขิดตะขวงใจ รอให้ถึงทางเข้าเขตชุมชน เธอจึงหยิบโทรศัพท์โทรออกด้วยความลังเล
โทรติด มีเสียงดังเพียงไม่กี่ครั้งก็มีคนรับสาย
“ ฮัลโหล ” เธอไม่ทันได้อ้าปากพูด แต่กลับได้ยินเสียงอ่อนหวานของผู้หญิงจากปลายสาย
ญาธิดารู้สึกชาไปทั้งตัว ในหัวก็รู้สึกถึงความว่างเปล่า
ทำไมถึงเป็นผู้หญิงรับสายละ
“ ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ต้องการพูดสายกับภวินท์ใช่ไหม”
ผู้หญิงปลายสายเห็นว่าเงียบหายไป จึงถามย้ำอีกครั้ง
ประโยคนี้ ทำให้ญาธิดาฟังเสียงได้ชัดเจน และพอจะนึกออกถึงเจ้าของเสียง
ไม่ใช่ว่าเป็นดาราที่ชื่อแพรวาที่เธอได้พบกับในห้องทำงานวันนั้นหรอกเหรอ
จู่ๆเธอก็มาอยู่กับภวินท์ แถมอยู่ที่สิงคโปร์ด้วยกันอีกต่างหาก
ญาธิดาไม่มีเวลาจะคิดโน่นคิดนี่ จึงพูดพรวดออกไปว่า “ ขอโทษค่ะ ฉันโทรผิด ” และรีบตัดสายในทันที
หลังจากที่วางสายแล้ว เธอจับโทรศัพท์มือถือไว้แน่น ในใจเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ญาธิดาได้แต่กัดริมฝีปากตัวเอง นึกถึงสิ่งที่ภวินท์ได้พูดไว้กับเธอ เขาบอกว่าบริษัทส่งพนักงานมาเป็นเพียงการปกปิดการเคลื่อนไหวของเขาเท่านั้น
เคลื่อนไหวอะไรกัน หรือเป็นการนัดส่วนตัวกับนักแสดง ต้องการท่องเที่ยวในสิงคโปร์ หรือต้องการค้างคืนด้วยกัน
แล้วที่เธอโดนลักพาตัวมันเกิดจากอะไรกันนะ หรือจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริงๆ
อาจจะเป็นไปได้ว่า ภวินท์เป็นคนที่ไม่เคยจริงจังกับความรักอยู่แล้ว แต่เธอไม่สามารถเปลี่ยนความคิดที่เขาเป็นคนเจ้าชู้แบบนี้ได้เพียงเพราะเขาเคยช่วยเธอไว้
ญาธิดาเริ่มไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งคิดยิ่งสับสน สุดท้ายจึงปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางเข้าคอนโด
ในเวลาเดียวกัน ในห้องอาหารของโรงแรม ภวินท์ได้เดินมาที่หน้าโต๊ะอาหาร คลายเสื้อสูทพร้อมกับนั่งที่เก้าอี้ จ้องมองไปที่แพรวาที่อยู่ตรงหน้า “ โทรศัพท์ฉันมีสายเรียกเข้าเหรอ”
ดวงตาอันมีเสน่ห์ของแพรวา ได้ก้มลงมองไปที่โทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะ ยักไหล่และตอบว่า “ ฉันรับสายไปแล้ว เขาบอกว่าโทรผิด ”
เมื่อภวินท์ได้ยิน ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ผ่านไปชั่วครู่ จู่ๆก็นึกถึงใบหน้าของคนคนหนึ่ง เขาเริ่มขมวดคิ้ว นิ่งไปสักพัก ลองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูประวัติการโทรเข้า
แต่มันไม่ใช่แบบนั้นนะซิ เป็นเบอร์ของญาธิดาโทรมา
เขามองไปที่แพรวา และพูดว่า “ กินเสร็จแล้วก็ไปหาหลุยส์ เขาจะคุยรายละเอียดงานกับคุณ ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ พร้อมกับลุกเดินออกไป
เมื่อเดินไปถึงระเบียงด้านนอก เขาหยิบโทรศัพท์ และโทรหาปลายสายอีกครั้ง แต่กลับได้ยินเสียงแจ้งการปิดเครื่อง “ ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้ กรุณา……….”
สายตาที่ดูโกรธ ภวินท์ได้กำมือถือไว้แน่น ใจก็คิดไปต่างๆนานา หลังจากนั้น ตัดสินใจโทรหาพายุ
มีเสียงเรียกไปยังปลายสาย แต่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่มีคนรับสาย
ภวินท์คิ้วขมวด ในใจก็คิดไปในทางไม่ดี ไม่คิดเลยว่าสองคนนั้น พอกลับประเทศแล้วจะกล้าทำขนาดนี้ คนหนึ่งปิดโทรศัพท์มือถือ อีกคนก็ไม่รับสาย จงใจกันใช่ไหม
ณ ช่วงเวลานั้น พายุที่กำลังนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ได้จามออกมา
เขาเอามือลูบจมูก มองไปที่ร่างของหญิงสาว อัญมณีผู้ซึ่งนั่งพิงเบาะและได้เผลอหลับไป
เมื่อมองไปบนใบหน้าของหญิงสาว พายุก็ขยับมุมปากโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น รถได้เบรก และหยุดกะทันหัน ร่างของอัญมณีที่กำลังพิงเบาะนอนหลับ ก็เผลอมาซบที่ไหลของพายุ
พายุได้ขยับตัวเล็กน้อย พบว่าทั้งสองได้อยู่ในระยะที่แนบชิดพอสมควร เพียงแค่เขาก้มหน้าลง ก็สัมผัสบนหน้าผากอันเนียนนุ่มของเธอพอดี
พายุได้ขยับมุมปาก ใจที่นิ่งสงบ กลับเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่ใจสั่นรัวอย่างบอกไม่ถูก
เขา……..คงไม่ตกหลุมรักเธอหลอกนะ