ดวงใจภวินท์ - บทที่ 176 หรือกลัวว่าเขาจะไม่สนใจแก
บนชั้นสองของบ้านพักตระกูลวรโชติ ได้มีเสียงดังออกมา
“พวกแกออกไปให้พ้นหน้าฉันซะ ไสหัวออกไป”
ได้ยินแต่เสียงโวยวายของผู้หญิง สิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นแจกันดอกไม้ กล่องเครื่องประดับก็ถูกโยนทิ้งลงบนพื้น แตกกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้นห้อง
คนรับใช้สองสามคนของตระกูลวรโชติ มีสีหน้าที่หวาดกลัวยืนรออยู่ตรงประตูต่างก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อดี
“คุณหนู อย่าโกรธไปเลยนะ เพิ่งจะออกมาจากโรงพยาบาลเองนะคะ”
“จริงค่ะ พวกเราทำอะไรให้ไม่ถูกใจก็บอกได้เลยนะคะ”
สีหน้าซีดเผือดของคนรับใช้ ไม่กล้าจะเดินเข้าไป แต่ก็ไม่กล้าจะถอยออกมา
ในตอนนั้น พวกเขาได้แต่ให้นิวราอยู่ในห้องนอนคนเดียว เธอพึ่งจะออกจากโรงพยาบาลไม่กี่วัน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา กลัวว่าหลังจากนี้จะดูแลกันไม่ไหว
ถึงแม้ในตระกูลวรโชติ คนที่คุณท่านให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือคุณชาย แต่ไม่ว่าจะยังไง นิวราก็เป็นลูกสาวแท้ๆของคุณท่าน พวกเขาทำได้แค่ดูห่างๆ
“ไสหัวออกไป อย่าให้ฉันเห็นหน้าพวกแกอีก ”
นิวราเป็นฮิสทีเรีย เธอไม่มีพฤติกรรมที่อ่อนโยนเหมือนแบบคนอื่นๆ เธอตะโกนโหวกเหวกเสียงดัง ราวกับว่าถ้าสามารถทำลายข้าวของในห้องให้เสียหายได้เธอก็จะทำ แต่ด้วยความโกรธที่อยากจะระเบิดออกมา ทำให้เธอยากที่จะระงับอารมณ์
เมื่อได้เห็นซองจดหมายที่ใส่รูปถ่ายไม่ได้ระบุชื่อที่หน้าซอง เธอก็เริ่มกัดฟัน เหมือนอารมณ์โกรธจะกลับมาอีกครั้ง
เธอเหลือบไปเห็นคนรับใช้ที่ไม่กล้าเดินออกไปยืนอยู่ที่หน้าประตู จึงก้มลงหยิบเครื่องประดับที่ทำจากไม้ และเขวี้ยงใส่ไปแรงๆ
เสียงดัง “ เพล้ง” กล่องเครื่องประดับชนกับที่ประตู เมื่อสิ้นเสียงลง เหล่าคนรับใช้จึงค่อยๆ ถอยออกไป ในตอนนั้น ก็มีเสียงดุดังมาจากด้านหลังพวกเขา “ พวกแกกำลังทำอะไร ”
เมื่อเหล่าคนรับใช้ได้ยินเสียงดังกล่าว รีบหันไปดู เมื่อเห็นเป็นชนัดพลเดินเข้ามาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งใจออกมา
“คุณท่าน ไม่รู้ว่าคุณหนูเป็นอะไรไปค่ะ โกรธจนต้องโยนข้าวของ พวกเรากลัวแต่ว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ แต่เธอก็ไม่ฟัง ท่านคิดว่าต้องทำยังไงดีค่ะ”
ชนัดพลที่มีสีหน้าซีดเซียวบวกกับอายุครึ่งร้อยปี ได้รีบเดินเข้ามาหา พอถึงประตู ก็เห็นนิวราเสียสติและควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อยู่บนพื้นห้อง ถึงกับหน้ามืดทันที
เขาขมวดคิ้วและพูดอย่างใจเย็นว่า “ นิว แกจะทำอะไร จะทุบบ้านหลังนี้เลยไหม ”
เมื่อเห็นพ่อตัวเอง นิวราถึงกับชะงักเล็กน้อย ยังคงข่มอารมณ์ และถามออกมาว่า“ พ่อ พอจะรู้ว่าไหมว่าช่วงนี้พี่วินอยู่กับใคร เขาไปสิงคโปร์กับญาธิดาแล้วนะ ”
เธอทั้งสะอึกสะอื้น ทั้งยื่นมือไปหยิบรูปถ่ายที่อยู่บนพื้น ร้องไห้เดินเข้ามาหาชนัดพล
เมื่อชนัดพลได้ยินดังนั้น จึงรีบดูที่รูปถ่าย ในรูปถ่าย ภวินท์กำลังโอบกอดผู้หญิงคนหนึ่ง และเดินเข้าไปในโรงแรม
ขนคิ้วสีขาวที่อยู่บนใบหน้าของเขาเริ่มขมวดเข้าหากันทันที สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เย็นชา เขายื่นมือ หยิบรูปถ่ายขึ้นมา เดินไปเดินมาอยู่หลายรอบ
จริงๆก็คือภวินท์ กับผู้หญิงที่เขากำลังสงสัย คงเป็นผู้หญิงที่เคยแต่งงานกับภวินท์แน่ๆ
การผ่าตัดของนิวราก็เพิ่งจะผ่านไปได้ด้วยดี ซ้ำยังมาได้ยินข่าวของภวินท์อีก เขาจึงได้เปลี่ยนความคิดก่อนหน้านี้ ก็แค่ทำให้นิวราได้แต่งงานกับภวินท์ ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อตระกูลวรโชติมาก
ดังนั้น ในส่วนของภวินท์ เขาได้ส่งคนไปสืบ รู้มาว่าภวินท์เคยแต่งงานกับผู้หญิงก่อนหน้านี้ และไม่นานทั้งสองคนเพิ่งจะหย่ากัน
สืบได้ว่าเหตุผลที่ภวินท์ทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะได้หาแหล่งที่มาของไตให้กับนิวรา เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรไปมากกว่านี้ ทำเป็นไม่รู้อะไร
แต่ก็คิดไม่ถึง จนทุกวันนี้ภวินท์ยังไปมาหาสู่กับผู้หญิงคนนั้น เรื่องนี้ดูซับซ้อนพอสมควร
“พ่อ เราจะทำยังไงกันดีละ”
นิวราร้องห่มร้องไห้น้ำตาปานสายฝน สะอึกสะอื้น เสียใจฟูมฟาย
ชนัดพลเดินเข้ามาหา จ้องตาพร้อมพูดว่า “ นิว ใจเย็นๆ ตอนนี้ผู้ชายคนไหนไม่ซุกผู้หญิงบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นภาพที่เห็นเป็นแค่รูปถ่าย ยังอธิบายอะไรไม่ชัดเจนหรอกนะ”
ที่เขาพูดแบบนั้น จริงๆไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับนิวราเลย เธอยังคงร้องห่มร้องไห้ ยังคงรับไม่ได้กับเรื่องนี้ “ พ่อ ทำไมฉันรู้สึกว่าญาธิดาไม่ได้รับมือง่ายขนาดนั้นละ ”
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้เป็นอย่างดีที่ภวินท์แต่งงานญาธิดาเพราะว่าต้องการบริจาคไต แต่ถ้าเขาสองคนเกิดความรู้สึกดีๆขึ้นมาจริงละ แล้วจะต้องยังไงต่อ
“นิว แกดูจะร้อนรนไปแล้วนะ ไม่คิดหน่อยเหรอ ผู้หญิงคนนั้นเทียบอะไรกับแกไม่ได้เลย แกกับภวินท์สนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก มีความรู้สึกดีๆกันตั้งหลายปีแล้วใช่ว่าคนอื่นจะมาทำลายง่ายๆในไม่กี่เดือนหรอกนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น นิวราก็ชะงัก ยกมือมาปาดน้ำตา สูดหายใจลึกๆแล้วพูดว่า “ พ่อ ที่พูดมาก็ถูกนะ………..”
ญาธิดาคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง พื้นฐานครอบครัวก็เทียบอะไรกันไม่ได้เลยและที่สำคัญคือการที่เธอเข้าไปอยู่ในความรู้สึกของภวินท์ก็เป็นสถานะคนทั่วๆไปไม่สามารถแทนที่กันได้
พอคิดแบบนี้ ทำให้นิวรารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เงยหน้ามอง ชนัดพลและพยักหน้าเน้นย้ำว่า “ พ่อ เป็นฉันเองที่ใจร้อน”
เมื่อชนัดพลได้ยินเช่นนั้น ก็พูดออกมาว่า “ สั่งสอนแกมาตั้งแต่เล็กจนโตให้ใจเย็นๆ จนมาถึงวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจ มีตระกูลวรโชติอยู่เบื้องหลัง แกยังจะกลัวอะไรละ หรือกลัวว่าภวินท์จะไม่สนใจแก ”
เมื่อฟังที่เขาพูดแบบนั้น นิวรานิ่งไปและหัวเราะออกมา ยื่นมือไปกอดที่แขนของชนัดพล สีหน้าเขินอายเล็กน้อย “ พ่อ ดูแลฉันดีจริงๆ…….”
“จำไว้นะ ผู้หญิงที่ภวินท์ไม่ชอบคือคนที่เข้าใจอะไรยากๆ แกต้องเรียนรู้ในการที่จะเข้าใจ ดูแลเขาดีๆละ พอถึงเวลาที่สมควรแล้ว ก็จะจัดให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันอย่างเหมาะสม”
เมื่อนิวราได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกโล่งใจ พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง สิ่งที่กังวลก็ดูเหมือนจะคลี่คลายลง
“โอเคละ ฉันจะให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาด แกอย่าโยนของมั่วอีกละ”
ในขณะที่ชนัดพลพูด ก็เดินออกไปนอกห้อง เรียกคนรับใช้เข้ามาทำความสะอาด
เมื่อหันกลับมา ก็เห็นปริญยืนอยู่ไม่ไกล สีหน้าดูกังวล
ชนัดพลประสานมือกัน พูดแบบเย็นชาว่า “ เฮ้อ ยังดีที่รู้ว่าต้องกลับมา เมื่อคืนหนีไปไหนมาละ ”
ลูกชายคนนี้ เหมือนโคลนที่เกาะไม่ติดกำแพง เขาพยายามปูทางให้เพื่ออนาคตข้างหน้า แต่กลับไม่รักษาโอกาสไว้ วันๆก็รวมกลุ่มกับเพื่อนจนค่ำ
เมื่อปริญได้ยิน รีบเดินมาข้างหน้า และหัวเราะว่า “ พ่อ ผมไม่ได้ออกไปสังสรรค์ที่ไหนเลยนะ ดื่มเยอะไปหน่อยก็ต้องค้างคืนข้างนอกหนึ่งคืน ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร”
ในขณะที่กำลังพูด ก็ได้ยื่นมือไปดึงชนัดพลเข้ามาใกล้ๆ สีหน้าเข้มขรึม “ พ่อผมมีเรื่องจะปรึกษา ”
ตอนที่เขาเดินมาถึงประตูหน้าห้องของนิวรา ทำให้เขาได้ยินบทสนทนาทุกคำ
เขาเดินมาข้างๆ ปริญดูเหมือนจะ ใจร้อนและพูดว่า “ พ่อจะยอมให้นิวรากับภวินท์อยู่ด้วยกันจริงๆเหรอ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เคยบอกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่ยอมให้เขาสองคนอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
ชนัดพลสีหน้าจริงจัง พูดเสียงต่ำ แบบใจเย็นว่า “เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน ตอนนี้ก็คือตอนนี้ ตอนนี้ที่เมือง J ถ้าพูดถึงความสามารถ อำนาจ จะมีใครเทียบกับภวินท์ได้ละ ก่อนหน้านี้ฉันเองที่ดูไม่ดี ตอนนี้ถ้านิวแต่งงานกับเขา แกก็คงจะรู้ว่าโอกาสดีๆจะเกิดขึ้นกับตระกูลวรโชติเป็นยังไง ”
ปริญขยับมุมปาก นิ่งไปพักใหญ่โดยไม่พูดอะไร
ชนัดพลแสดงความวิตกกังวลกับลูกที่ไม่ได้เป็นตามความคาดหวัง เอื่อมมือไปบีบไหล่ของเขา พูดเสียงต่ำด้วยว่า “ ถ้าจะให้ยืมชื่อตระกูลสถิรานนท์ ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็สำเร็จไปทุกอย่าง เงินที่ภวินท์หลุดออกจากมือ แกจะใช้ไปทั้งชีวิตก็ไม่หมด ”
เมื่อฟังที่พ่อพูด ปริญก็ถึงกับอึ้ง เกิดความสับสน และลังเลอยู่ไม่น้อย “ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ ให้นิวแต่งงานกับเขาสิ ก็ไม่มีอะไรที่เราต้องเสียเปรียบเลยนะ……… ”
ชนัดพลถอนหายใจ และเดินออกไป “ แกรู้ก็ดีแล้ว”
ได้แต่ยืนมองเงาเขาจากด้านหลัง แต่ในใจปริญก็ยังกังวลอยู่ดี
ถ้าเป็นแบบที่นิวพูดแบบนั้นจริงๆ ภวินท์มีผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้ว ก็คงไม่ได้แล้วนะสิ
จะพูดยังไงดีละ นิวก็เป็นน้องสาวเราแท้ๆ เรื่องนี้ ต้องหาวิธีเข้าไปช่วยเธอแล้วแหละ