ดวงใจภวินท์ - บทที่ 191 จะไม่ปล่อยให้เธอเหิมเกริมต่อไป
นีราภายิ่งคิดยิ่งโกรธ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันถามว่า “งานกิจกรรมออฟไลน์ขอโบรุยเป็นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของบริษัทเทคโนโลยีโบรุยภายใต้เครือSTN Groupหรือเปล่า”
พิชญ์สินีรีบตอบ “ใช่ ได้ยินมาว่างานกิจกรรมครั้งใหม่นี้เป็นผลิตภัณฑ์บางอย่างที่เป็นเครื่องใช้สมาร์ตโฮม”
“อืม ฉันรู้แล้ว” นีราภาได้รับการยืนยันและพูดด้วยสายตาอย่างเย็นชา “พิชค้นหาข้อมูลให้ฉันหน่อย ฉันจะไม่ปล่อยให้นังสารเลวญาธิดาแผลงฤทธิ์แบบนี้อีก!”
“แต่ภา…” พิชญ์สินีแสร้งทำเป็นไม่สบายใจ “ฉันว่าช่างมันเถอะ ญาธิดาฉลาดแกมโกง ฉันเกรงว่าคุณจะเป็นทุกข์เหมือนครั้งที่แล้ว…”
ยิ่งเธอพูดแบบนี้ นีราภายิ่งหงุดหงิด “เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธี! ถ้าคุณถือว่าฉันเป็นเพื่อน ก็ช่วยฉันหาข้อมูลด้วย!”
พิชญ์สินีได้ยินดังนั้น ก็กระตุกยิ้มมุมปากโดยไร้เสียง แสร้งทำเป็นลังเลอยู่สองสามวินาที ก่อนจะตอบรับอย่างไม่ลำบากใจ “แน่นอนว่าฉันถือว่าคุณเป็นเพื่อนความจริงฉันก็ไม่ชอบเธอเหมือนกัน ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดช่วยคุณให้ได้ข้อมูล แต่ว่า…”
เธอลากหางเสียงยาว นีราภาที่อยู่ปลายสายพูดทันที “วางใจ ฉันจะไม่บอกใคร”
หลังจากได้ยินคำรับรองของนีราภา พิชญ์สินีก็ตอบตกลง “ภา ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะหาข้อมูลส่งให้คุณโดยเร็วที่สุด”
ทั้งสองพูดอีกสองสามคำแล้ววางสาย
หลังจากวางสาย พิชญ์สินียืนอยู่หน้าโต๊ะ เลื่อนสายตาขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง แววตามีประกายเย็นชาจากก้นบึ้งอย่างเห็นได้ชัด มุมปากขดยิ้มเล็กน้อย แสดงออกถึงความเย้ยหยันอย่างยิ่ง
ด้วยความสามารถของเธอ ถ้าเธอลงมือทำอะไรสักอย่างกับญาธิดา เกรงว่าภวินท์รู้เข้าจะไม่ปล่อยเธอ แต่ตอนนี้เธอมีนีราภาเป็นเกราะกำบัง เธอสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้นมาก
ต่อให้เธอไม่ลงมือ ก็มีคนทำให้ญาธิดาใช้ชีวิตยากขึ้นได้!
ด้วยงานในมือและการแปลสัญญาภาษาญี่ปุ่น ตอนนี้ยังมีอีกหนึ่งแผนงาน ญาธิดางานยุ่งเพิ่มขึ้น ทุกวันหัวหมุนเหมือนลูกข่าง ยุ่งมากจนไม่ได้เดินไปไหน แม้แต่เวลาดื่มน้ำเข้าห้องน้ำก็ไม่มี
ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาส่วนตัว หลังจากแปลสัญญาภาษาญี่ปุ่นที่เหลือเสร็จแล้ว จึงติดต่อทีธัตเพื่อคืนเอกสารให้เขา
หลังจากนัดเวลาและสถานที่ ตอนเที่ยง ญาธิดาทานข้าวเสร็จก็ตรงไปที่ร้านกาแฟใกล้บริษัทเพื่อพบกับธีทัต
เมื่อเธอมาถึง ธีทัตก็อยู่ที่นั่นแล้ว เธอก้าวไปหาอย่างเกรงใจ และพูดเสียงเบาว่า “ธีทัต ขอโทษที่ให้รอ”
ธีทัตขดยิ้มมุมปาก สีหน้าอ่อนโยน พูดน้ำเสียงเบา “ไม่เป็นไร ผมก็เพิ่งถึง”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็เรียกพนักงานเสิร์ฟมาให้ญาธิดาสั่ง “ธิดา คุณจะดื่มอะไร”
ญาธิดายิ้ม “น้ำเปล่าก็พอ”
เธอแค่มาส่งเอกสาร ไม่ได้วางแผนที่จะอยู่นาน
หลังจากพูดจบ เธอก็ตัดเข้าตรงประเด็น หยิบแฟ้มออกมายื่นให้ธีทัต “นี่คือสัญญาฉบับเดิมที่คุณให้ฉันและฉบับพิมพ์งานแปลของฉัน ฉันส่งไฟล์สำเนาไฟล์ไปที่อีเมลของคุณแล้ว ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมที่ต้องแก้ไขสามารถบอกฉันได้ตลอดเวลา”
ธีทัตมองญาธิดาที่สีหน้าท่าทางจริงจัง จึงยกยิ้มมุมปากแล้วปิดแฟ้ม ไม่แม้แต่จะดูมัน แล้วพูดเสียงเบาว่า “ธิดา ผมบอกแล้ว ผมเชื่อในตัวคุณ”
ธิดาเลื่อนสายตาขึ้น เมื่อปะทะเข้ากับสายตาที่ร้อนแรงของชายหนุ่ม หัวใจพลันอึดอัดพอสมควร
เธอยิ้มนิดหน่อย ก้มหน้าต่ำลงเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยสบายใจ ยกถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมาจิบหนึ่งครั้ง และพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณที่ไว้ชื่อใจนะคะ หากคุณติดปัญหาใดๆ อย่าลืมบอกฉัน อย่าเพียงเพราะเราเป็นเพื่อนกันแล้วไม่พูด”
“ไม่ต้องกังวล” ธีทัตมองเธอ ริมฝีปากมีรอยยิ้มเพิ่มขึ้น “ผมแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้”
พูดอย่างนั้นแล้วตามด้วยขยิบตาให้เธอ
เมื่อเห็นท่าทางที่มีชีวิตชีวาของชายหนุ่มในเวลานี้ ญาธิดาก็อดหัวเราะไม่ได้
คุยกันอีกสองสามคำ ญาธิดาก็มองดูเวลา หาข้ออ้างขอตัวกลับ ใครจะรู้ว่าจู่ๆ ธีทัตก็เรียกรั้งเธอไว้ “ธิดา รอเดี๋ยว”
“มีอะไรเหรอ”
“ผมจะจ่ายเงินค่าตอบแทนของคุณครั้งนี้โดยจะโอนเข้าบัญชีคุณให้ อีกอย่าง ทางเรายังมีอีกหลายสัญญาที่ต้องแปล ถ้าคุณยินดี…”
ญาธิดานิ่งไปครึ่งวินาที ก่อนที่รอยยิ้มขอโทษจะปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก และพูดแผ่วเบาว่า “ธีทัต ขอโทษนะ เมื่อไม่นานมานี้ฉันเพิ่งได้รับโปรเจ็กต์ของบริษัทเกรงว่าคงไม่มีเวลารับงานอื่น…”
ได้ยินเธอพูดอย่างนั้น ดวงตาของธีทัตพลันปรากฏประกายเศร้าก่อนจะหายไปในพริบตา เขาเผยยิ้มเข้าใจ “ตกลง รอคุณมีเวลาเมื่อไรเราค่อยร่วมงานกัน”
ญาธิดาโบกมือให้เขา และยิ้มอย่างสดใส “โอเค งั้นฉันไปก่อนนะ”
เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหญิงสาว ธีทัตพลันอึ้งไปเล็กน้อย คำพูดที่เดิมทีมาถึงริมฝีปากแล้วกลับกลายเป็นว่าพูดไม่ออก
ตอนแรกยังอยากนัดเธอออกมาอีก แต่เมื่อเห็นว่าเธอยุ่งมาก จึงรอเอาไว้ก่อน
ญาธิดากลับจากร้านกาแฟมาที่ออฟฟิศ และเริ่มวางแผนงานทันทีโดยไม่หยุดพัก เรื่องนี้สำหรับเธอ เป็นโอกาสอันดีที่จะพิสูจน์ตัวเอง และเธอจะทำมันพังไม่ได้อีก
หลังจากอ่านข้อมูลทั้งหมด ญาธิดาก็มีความเข้าใจคร่าวๆ แล้ว เธอเพิ่มเพื่อนออกัสจากกรุ๊ปของบริษัท และนัดพบเพื่อหารือเกี่ยวกับการวางแผนงานเบื้องต้น
หลังจากสรุปแผนกิจกรรมคร่าวๆ แล้วก็ถึงเวลาที่นัดไว้กับออกัสพอดี เธอพิมพ์แผนเบื้องต้นลงในเอกสาร และไปยังพื้นที่พักผ่อนส่วนกลางของบริษัททันที
STN Groupปฏิบัติต่อพนักงานอย่างมีมนุษยธรรม ได้จัดพื้นที่พักผ่อนจากงานเอาไว้เป็นพิเศษ มีเครื่องดื่มให้บริการที่บาร์ข้างๆ สภาพแวดล้อมเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนจากงาน และยังเหมาะสำหรับสองหรือสามคนในการหารือเรื่องงานด้วย
หลังจากพบกับออกัส ทั้งคู่เรียนรู้หัวข้อนี้กันสั้นๆ และเริ่มหารือเกี่ยวกับแผนเบื้องต้น
หลังจากอ่านแผนเบื้องต้นของญาธิดาแล้ว ออกัสมีการเสนอความคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง “ผมคิดว่าความคิดของคุณดีมาก แต่ควรพิจารณาเรื่องปัญหาของสถานที่ด้วย หากพื้นที่แสดงผลิตภัณฑ์มีการวางแผนแบบนี้ อาจต้องใช้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมาก ซึ่งมันอยู่นอกเหนืองบประมาณ”
ญาธิดาฟังแล้วลังเลไปครู่หนึ่ง มองไปที่แผนผังของสถานที่จัดงาน มันตรงกับที่ออกัสบอก เธอพยักหน้า ยกมือขึ้นกดที่ขมับและพูดเสียงเบา “เป็นอย่างนั้นจริงด้วย”
แม้เธอจะอยู่แผนกธุรการซึ่งมีส่วนร่วมในการวางแผนงานกิจกรรมที่เกี่ยวข้องต่างๆ แต่ท้ายที่สุดก็มีประสบการณ์ไม่เพียงพอ และบางแง่มุมก็ไม่ค่อยมีความเข้าใจเท่าไรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ออกัสเห็นญาธิดามีสีหน้าท่าทางจริงจัง จึงดันแว่นตาขอบดำและหัวเราะเบาๆ “สถานการณ์นี้เป็นเรื่องปกติ ต่อให้เป็นการวางแผนขั้นตอนสุดท้าย เราก็ยังต้องแก้ไขอีกหลายครั้งถึงจะได้ ไม่เป็นไร ค่อยเป็นค่อยไป”
ออกัสเป็นคนเงียบๆ และอ่อนน้อมถ่อมตน ถือได้ว่าเป็นคู่หูที่ดีคนหนึ่ง ญาธิดายิ้มให้เขาและพูดเสียงเบาว่า “งั้นคุณดูไปก่อน ระหว่างฉันไปเข้าห้องน้ำ”
เมื่อเห็นออกัสพยักหน้า ญาธิดาจึงลุกขึ้นและหันหลังไป ยังยืนไม่มั่นคง จู่ๆ ก็รู้สึกหน้ามืด พลันเกิดอาการวิงเวียงศีรษะ
เธอโซเซเกือบจะล้ม
ออกัสซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามลุกขึ้นทันทีและถามว่า “คุณโอเคไหม”
ญาธิดาโบกมือให้เขาและยิ้มอย่างเกรงใจ “ไม่เป็นไร แค่ลุกเร็วเกินไป”
เมื่อเธอพูดจบก็เดินไปทางห้องน้ำ แต่ยังรู้สึกเวียนศีรษะอยู่บ้าง
หรือว่าเป็นเพราะทำงานหนักสะสมเกินไป
เธอไม่คิดอะไรมาก ก้าวเดินต่อไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ศีรษะก็หนักขึ้นเรื่อยๆและภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นส่ายโคลงไปมา
เธอยกเท้าขึ้นก้าว แล้วร่างกายก็พลันเสียการทรงตัว ทันใดนั้นก็ล้มลงด้านข้าง