ดวงใจภวินท์ - บทที่ 196 ทดสอบด้วยตัวเอง
เมื่อชายคนนั้นได้ยินก็ชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องมองเธออย่างดุร้าย “เมื่อวาน! คุณดูสิ ยังมีวันที่ในเวชระเบียนนี่ด้วย!”
ญาธิดาเดินหน้าไปครึ่งก้าวแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นขอถามหน่อยคุณเคยเข้าไปที่แผนกหลังการขายหรือเปล่า”
ชายคนนั้นหยุดชะงัก ร่องรอยของความตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้า “ไม่…ไม่ได้ไป! โทรไปแล้วพวกเขาไม่รับสาย!”
“จริงเหรอ” ญาธิดามองตรงไปที่ชายคนนั้น “ถ้าฉันเป็นคุณ ถ้ามือลูกของฉันโดนบาด ฉันจะพาเขาไปโรงพยาบาลก่อน แล้วจึงไปพูดคุยที่แผนกหลังการขายโดยตรง แต่คุณไม่แม้แต่ไปที่แผนกหลังการขาย แล้ววันต่อมาก็วิ่งโร่มาที่งานผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรา ดูจะไม่สมเหตุสมผลนะ”
เมื่อเธอพูดเช่นนี้ ชายคนนั้นมีสีหน้าทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย ฝูงชนที่อยู่โดยรอบอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วย
มีที่ไหนพอเกิดเรื่องแล้วไม่ไปแผนกหลังการขายแต่มางานกิจกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อน มันน่าสงสัยจริงๆ นั่นแหละ…
ญาธิดาเห็นว่าชายคนนั้นพูดไม่ออก จึงหยิบผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาส่งสัญญาณให้ทุกคนดู “ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถผลิตได้เป็นจำนวนมากและออกวางขายหลังจากการตรวจสอบความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าสินค้านี้จะมีใบมีดแบบเกลียวก็ตาม แต่ตัวเกลียวทำมาจากวัสดุพิเศษ ขนาดพอดีมือ หากตรวจพบสิ่งแปลกปลอมมันจะไม่ทำงานเลย ต่อให้สอดนิ้วเข้าไปก็จะไม่ถูกบาด”
ชายคนนั้นได้ฟังแล้วจึงส่งเสียงเยาะดูถูก “ในเมื่อคุณมั่นใจอย่างนั้น งั้นคุณก็สอดนิ้วเข้าไปแสดงให้พวกเราดู! พิสูจน์สิว่าสิ่งที่คุณพูดมามันจริงหรือเท็จ!”
ฉับพลันนั้น สายตาของทุกคนในฝูงชนต่างเพ่งเล็งไปที่ญาธิดา
ในความเป็นจริง ข้อโต้แย้งทั้งหมดโน้มน้าวใจไม่เท่าการปฏิบัติจริง
ญาธิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก้มมองผลิตภัณฑ์ใหม่ในมือ และมองรูระบายความร้อนที่ด้านล่าง แล้วอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจ
ความรู้ทางทฤษฎีที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดของเธอมาจากกองข้อมูลที่พี่แนนมอบให้ ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุยังแสดงให้เห็นปัจจัยด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ด้วย แต่ในทางปฏิบัติมันจะทำอันตรายต่อคนหรือไม่ เธอเองก็ไม่รู้
แต่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเทคโนโลยีโบรุยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา ปัญหาด้านความปลอดภัยเป็นปัญหาพื้นฐานที่สุด และไม่ควรมีข้อผิดพลาดร้ายแรงเช่นนี้
ชายคนนั้นที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงเยาะ “ดูสิ ตัวเธอเองยังไม่กล้าเลย! แล้วยังจะมาพูดอะไรอีก!”
“ใครบอกว่าฉันไม่กล้า”
ญาธิดามองเขา พลิกผลิตภัณฑ์กลับด้าน เอานิ้วชี้กับนิ้วกลางใส่เข้าไปด้วยกัน
ผู้คนรายล้อมโดยรอบ บางคนยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกวิดีโอ และรอดูผลลัพธ์
อะไรจะน่าตื่นเต้นไปกว่าการทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ด้วยเนื้อมนุษย์
บางคนถึงกับเริ่มถ่ายทอดสดเพื่อแสดงสถานการณ์ล่าสุดให้ชาวเน็ตได้เห็นแบบเรียลไทม์
แต่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเทคโนโลยีโบรุยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา ปัญหาด้านความปลอดภัยเป็นปัญหาพื้นฐานที่สุด และไม่ควรมีข้อผิดพลาดร้ายแรงเช่นนี้
ภายใต้ความสนใจของทุกคน ญาธิดาตัดใจกดปุ่มสวิตช์ที่ด้านบนของผลิตภัณฑ์
ในขณะที่ผลิตภัณฑ์กำลังทำงานดัง “ครืน!” อยู่ครู่หนึ่ง ญาธิดาพลันรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ปลายนิ้ว เธอตัวสั่น และปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว จนผลิตภัณฑ์ตกลงพื้น
ผู้คนที่อยู่ข้างๆ ต่างตกใจ ญาธิดาแทบจะได้ยินเสียงสูดหายใจจากฝูงชน
เธอก้มศีรษะลงและเห็นที่มือซ้ายของตัวเอง นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองนิ้วถูกบาดเลือดไหล เลือดหยดลงพื้น ดวงตาแดงก่ำ
ในตอนนั้น สิ่งที่เจ็บที่สุดไม่ใช่นิ้วทั้งสอง แต่เป็นหัวใจของเธอ
คิดไม่ถึงว่าจะจบแบบนี้
มีทั้งเสียงถากถางและเปรมปรีดิ์จากฝูงชน บางคนก็กระจัดกระจายกันไป พูดจาเยาะเย้ย “ฉันไปดีกว่า ผลิตภัณฑ์แบบนี้ ยังจะกล้าเอาออกมาขาย!”
“ขายขี้หน้าจริงๆ! ฉันไม่กล้าซื้อแล้ว!”
“ไปๆๆ รีบไป ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเทคโนโลยีโบรุยไม่ได้เรื่อง”
“……….”
ชายคนนั้นที่อยู่ข้างๆ มองญาธิดาอย่างเยาะเย้ย และถามกลับว่า “หึ! โดนผลิตภัณฑ์ของตัวเองบาดแล้ว คุณยังมีอะไรจะพูดอีก!”
ญาธิดารู้สึกว่าแก้มร้อนผ่าวในฉับพลัน แต่ร่างกายกลับเหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัด
เธอใช้ตัวเองทำการทดลอง ไม่เพียงแต่คืนความยุติธรรมให้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้ กลับกันยังทำให้บริษัทเทคโนโลยีโบรุยตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอายมากขึ้นอีกด้วย เธอทำให้แบรนด์แปดเปื้อนจนไม่มีชิ้นดี และไม่มีหนทางกอบกู้!
แต่เรื่องไม่ควรเป็นอย่างนี้ เธอรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างผิดปกติ……
ญาธิดาก้มหน้าด้วยความเสียใจ อับอาย หดหู่ และสับสนทั้งหมดผสมปนเป เธอกัดฟันแน่น หวังบดขยี้ฟันกรามให้แตกละเอียด
ทำยังไง…ทำยังไงดี……
ทันใดนั้น เธอเห็นผลิตภัณฑ์บนพื้น สายตาขุ่นมัว จับจ้องที่ข้อต่อสแน็ปด้านล่างของผลิตภัณฑ์
และขณะนั้นเอง เธอสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ร่างกายตึงแน่นราวกับถูกกดสวิตช์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฝูงชนที่กำลังจะจากไป “รอเดี๋ยว!”
ฝูงชนชะงักทันควัน หันมองกลับมาที่เธออย่างลังเล และเจือด้วยสายตาเยาะเย้ยถากถาง
ญาธิดากัดฟันหยิบผลิตภัณฑ์บนพื้น หรี่ตาและเงยหน้าขึ้นมองไปยังฝูงชนทันทีแล้วขึ้นเสียงดัง “ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้…มีปัญหา!”
คำพูดประโยคนี้ของเธอ ดึงดูดฝูงชนที่คิดว่าละครจบแล้วให้กลับมาสนอกสนใจอีกครั้ง ทยอยล้อมวงกันเข้ามาอีกรอบ
แต่ชายคนนั้นที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดนั้น ความตื่นตระหนกพลันปรากฏขึ้นในแววตา
ญาธิดาไม่สนใจนิ้วที่เลือดออก เธอถือผลิตภัณฑ์ส่งสัญญาณให้ทุกคน “สกรูมีรอยเปิดอยู่! หมายความว่าผลิตภัณฑ์นี้อาจถูกคนดัดแปลง!”
นี่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จัดส่งจากโรงงาน เมื่อวานเธอตั้งใจตรวจสอบมันและบังเอิญเห็นการออกแบบของการเปิดสกรู และเห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากที่เห็นเมื่อวาน เหมือนถูกคนใช้ไขควงขันและทิ้งร่องรอยไว้
เธอพูดอย่างนั้นแล้วเปิดผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ได้เปิดในกล่องที่อยู่ข้างๆ ทันที และกวักมือเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่แถวนั้น ให้เขาช่วยนำไขควงมาเปิดฝาด้านล่าง
หลังจากเปิดฝาครอบด้านล่างของผลิตภัณฑ์ทั้งสองออกแล้ว ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างตกตะลึง
ภายนอกมันดูเหมือนกันทุกประการ แต่เมื่อเปิดออก เกลียวด้านในแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง! ชิ้นหนึ่งเป็นแผ่นโลหะ ส่วนอีกชิ้นเป็นวัสดุเกลียวสีขาวพิเศษ!
ความยาวและขนาดล้วนต่างกัน และชิ้นที่บาดญาธิดาเป็นเกลียวโลหะ!
เห็นได้ชัดว่าผลิตภัณฑ์นี้ถูกคนดัดแปลง!
เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างประหลาดใจดังมาจากฝูงชน และในขณะนี้เอง ชายที่อยู่ข้างๆ กำลังเบียดฝูงชนฝ่าออกไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ญาธิดาตาและมือว่องไว ส่งสัญญาณให้รปภ.ทันที มีฝูงชนขวางทางอยู่ ทำให้ชายคนนั้นไม่สามารถเบียดออกได้ รปภ.รีบเข้ามาทันที และกดคนนั้นลงกับพื้น
ญาธิดาคว้ากระดาษทิชชู่มาพันนิ้วที่มีเลือดออก แล้วมองทุกคนด้วยความกล้ำกลืน “ฉันขออภัยที่เกิดเรื่องตลกขึ้น แต่ได้โปรดเชื่อในพวกเราSTN และเชื่อในบริษัทเทคโนโลยีโบรุย ทางเราจะไม่ให้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัยออกสู่ตลาดอย่างแน่นอน และเรื่องในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนสมรู้ร่วมคิดหรือการใส่ร้าย ฉันเชื่อว่าทางบริษัทจะให้คำอธิบายแก่ทุกท่านได้”
เธอพูดอย่างนั้นแล้วโค้งต่ำให้ฝูงชน
ในฝูงชนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เล็กๆ ดังมา เห็นได้ชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นต่อบริษัทเทคโนโลยีโบรุย
“พวกเราเชื่อคุณ!”
“ใช่ รีบไปทำแผลเถอะ……”
เมื่อได้ยินเสียงเหล่านี้จากฝูงชน หัวใจของญาธิดาพลันอบอุ่น ส่งยิ้มให้พวกเขา กล้ำกลืนความเจ็บปวดแล้วหันหลังเดินออกไป และสั่งพนักงานคนอื่นๆ จัดการสถานที่
“Sunny สถานการณ์เมื่อครู่ทำไมคุณไม่ไปช่วยพี่ธิดาล่ะ”
“ฉันรับผิดชอบพื้นที่Bนะ แล้วคุณล่ะ คุณก็ไม่ไปเหมือนกัน……”
มาถึงด้านหลังหลังบูธ พนักงานหลายคนปัดความรับผิดชอบกันไปมาและต่างโทษซึ่งกันและกัน
ญาธิดากัดฟันดึงทิชชู่ที่พันรอบนิ้วออก แล้วพูดกับพวกเขาว่า “เอาล่ะ หยุดเถียงกัน งานกิจกรรมยังไม่จบ ทุกคนกลับไปดูแลกันก่อน อย่าให้มันเกิดเรื่องขึ้นอีก”
“แต่มือของพี่ธิดาจะทำยังไงล่ะ……”
ญาธิดายิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันจะหาอะไรมาพันไว้ พวกคุณไปก่อนเถอะ”
หลังจากกล่อมให้พวกเขาออกไปแล้ว ญาธิดาจึงขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
เธอรู้ดีว่าสถานการณ์เมื่อครู่ ถ้าเธอไม่ไปก็ไม่มีใครไป นอกจากนี้ออกัสก็ไม่อยู่ ในฐานะผู้วางแผน เธอจะไม่รับผิดชอบสถานการณ์โดยรวมได้อย่างไร
เธอหยิบกระเป๋าข้างตัวขึ้นมา แล้วล้วนเข้าไปหาปลาสเตอร์ยา “ตุ้บ” กระเป๋าตกลงพื้น เธอก้มลงไปหยิบ แต่กลับเห็นคู่รองเท้าหนังขัดมันของผู้ชาย……