ดวงใจภวินท์ - บทที่ 197 สนใจเธอเหรอ
ญาธิดาตกใจ รู้สึกถูกแรงกดดันกดทับอย่างอธิบายไม่ถูก เธอเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าบนพื้นและยืนขึ้น ก่อนจะปะทะเข้ากับดวงตาที่ขุ่นมัวและเย็นชาของภวินท์
ทำไมจู่ๆ เขาก็โผล่มา ใช้เทเลพอร์ตเหรอ!
ญาธิดาตกใจมาก รีบซ่อนมือที่บาดเจ็บไว้ข้างหลังโดยอัตโนมัติ “ประธานภวินท์……”
จู่ๆ เขามาทำอะไร หรือได้ยินว่าแพรวาข้อเท้าพลิกเลยรีบมา
สายตาภวินท์ทั้งเย็นชาทั้งขุ่นมัว ขมวดคิ้วแน่น เมื่อเห็นการกระทำของเธอก็ยิ่งเกิดความไม่พอใจ “ซ่อนอะไร”
ซ่อนเพราะไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอบาดเจ็บเหรอ
เกรงว่าเธอยังไม่รู้ ที่เธอใช้นิ้วทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ได้ถ่ายทอดสดแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตแล้ว
ญาธิดาลดสายตาลง ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร ข้อมือก็ถูกอีกฝ่ายจับ
“ตามผมมา”
สีหน้าของชายหนุ่มมืดมนจนน่ากลัว และน้ำเสียงก็แข็งจนสุดจะต้านทาน
“คุณทำอะไรน่ะ!” ญาธิดาร้อนรน พยายามใช้แรงดิ้น “งานกิจกรรมยังไม่จบนะ!”
มันไม่ง่ายที่เธอพยายามจนทำให้ฝูงชนอยู่ในความสงบได้ และตอนนี้งานกำลังจะจบแล้ว จะมาบอกเธอว่าไปแล้วก็ไปเลยได้อย่างไร!
“ผมจะให้พายุอยู่ที่นี่”
ภวินท์เลิกคิ้ว ทิ้งคำพูดประโยคนี้แล้วดึงเธอไปที่รถ
ญาธิดากัดฟันยื้อเขา “ปล่อยนะ ฉันไม่ไป!”
เธอไม่ต้องการตามเขาไป ครั้งก่อนก็พูดอย่างชัดเจนแล้ว ให้เขาไม่ต้องยุ่งเรื่องของเธออีก แล้วนี่เขาทำอะไร!
ภวินท์มองหญิงสาวที่ท่าทีแน่วแน่ เขาหยุดการก้าวกะทันหันแล้วหันหน้ามามองเธอ ดวงตาสีเข้มราวกับน้ำวนลึกเหมือนจะดูดคนเข้าไป
หลังจากหยุดไปครึ่งวินาที เขาก็พูดเน้นคำต่อคำ “มีสองทางเลือก คุณจะเข้าไปเอง หรือจะให้ผมอุ้มคุณเข้าไป”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็เดินเข้ามาหาเธอครึ่งก้าว
ญาธิดาตัวสั่นโดยไม่ตั้งใจ หัวใจพลันว่างเปล่า
เธอมีเหรอจะไม่รู้ว่าภวินท์เป็นคนยังไง เด็ดขาด พูดจริงทำจริง ถ้าเธอยังกล้าต่อต้านอีก กลัวว่าเขาจะอุ้มเธอต่อหน้าทุกคนจริงๆ
เมื่อนึกถึงภาพนั้น ญาธิดาก็อดที่จะสูดมุมปากไม่ได้ นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเธอจะมองภวินท์ ระดับเสียงลดลงเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว “ฉันเข้าไปเอง……”
ภวินท์ฟังแล้วเหมือนจะเลิกคิ้วขึ้น แล้วหลีกทางให้
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก กัดฟันก้าวเข้ารถ รู้สึกอึดอัดใจและระบายออกไม่ได้
ทำไมทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าภวินท์ เธอต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ตลอดเลย
ขณะที่คิดเรื่องนี้ ชายหนุ่มก็เดินวนไปด้านหน้ารถแล้ว ก้าวขึ้นฝั่งคนขับ สตาร์ทรถอย่างรวดเร็ว แล้วเบี่ยงรถออกไป
ด้วยความเร็วตลอดทาง ไม่นานรถก็จอดตรงประตูทางเข้าโรงพยาบาล
ญาธิดารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าภวินท์จะพาเธอมาโรงพยาบาล
เดินเข้าไปในโรงพยาบาล ญาธิดาถึงขั้นถูกพาเข้าห้องทำแผลโดยไม่ต้องลงทะเบียนด้วยซ้ำ
เมื่อหมอเห็นภวินท์ ก็ทักทายเขาด้วยความเคารพ หลังจากพูดอะไรนิดหน่อยแล้วจึงเริ่มเตรียมสิ่งที่จะทำ
ญาธิดามึนงงเล็กน้อย มองดูท่าทางของภวินท์ เป็นไปได้ไหมว่าก่อนเธอมาได้มีการติดต่อโรงพยาบาลและแพทย์ไว้แล้ว
เธอยังไม่ทันได้สติ พยาบาลข้างๆ ก็แกะปลาสเตอร์ที่พันบนมือของเธอออกแล้วและเตือนเบาๆ ว่า “จะเริ่มฆ่าเชื้อนะคะ”
ญาธิดาส่งเสียงตอบรับ ยังไม่ทันจะได้ดู ก็รู้สึกถึงคลื่นความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
“ซี้ด……”
คิดไม่ถึงว่าจะเจ็บขนาดนี้
เธอกัดฟัน บังคับไม่ให้ตัวเองส่งเสียง แต่หน้าผากเริ่มมีเหงื่อออกแล้ว
ภวินท์ลดสายตาลง มองใบหน้าเล็กที่เหยเกของหญิงสาว ประกายตาเกิดแววสั่นไหวที่ไม่รู้จัก ชั่วพริบตาก็กลับมาสีหน้าเย็นชาเช่นเดิม
เขาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเยาะ
โง่จริงๆ!
สถานการณ์แบบนั้น เธอใช้มือตัวเองไปทดสอบได้ยังไง แทนที่จะหาสิ่งของจากแถวนั้นมาก็ได้มันไม่ต่างกันเลย ไม่อยากเชื่อว่าจะฟังเสียงยุยงจากคนอื่น!
และเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจสร้างเรื่องให้เธอ โดยมีจุดประสงค์เพื่อจัดการเธอ! ผู้หญิงโง่คนนี้ยังจะเดินตามเกมคนอื่นอีก!
ภวินท์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง สีหน้าแสดงความหงุดหงิดเล็กน้อย ยกมือถือขึ้นมาส่งข้อความถึงพายุทันที “ถ้าพบใครที่นั่นน่าสงสัย จับกุมได้เลย”
ช่วงนี้มีเรื่องแปลกๆ เล็งมาที่ญาธิดามากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องรูปสนเท่ล่าสุดเขายังไม่ได้จัดการเลย ตอนนี้มาเกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก ไม่ให้เขาคิดมากคงไม่ได้
หลังจากส่งข้อความนั้นไป เขาก็พิมพ์อีกข้อความหนึ่งส่งตามไป “สืบดูหน่อยว่าช่วงสองวันนี้ปริญมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
หลังจากทำทั้งหมดนี้แล้ว เขาก็วางโทรศัพท์มือถือและมองไปอีกทาง การทำแผลเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ญาธิดาขมวดคิ้ว ดูเหมือนจะเจ็บมาก แต่ไม่ได้ส่งเสียงเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอยังดื้อไม่เปลี่ยนจริงๆ!
แม้ว่าเขาจะคิดอย่างนั้น แต่ไม่รู้ว่าทำไม ในใจกลับมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างเกิดขึ้น
หลังจากทำแผลเสร็จ ภวินท์เหลือบมองใบหน้าเล็กที่ซีดเซียวของญาธิดา แล้วมองไปที่หมอ “จัดห้องพักผู้ป่วยสังเกตอาการอีกที”
ญาธิดาตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอได้รับบาดเจ็บแค่ผิวหนังภายนอกเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่ามันจะเจ็บมาก แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บที่ศีรษะ ยังมีอะไรอีกที่ต้องสังเกต
หมอเองก็อึ้ง แต่เมื่อเห็นท่าทียืนกรานของภวินท์จึงไม่กล้าพูดมาก สั่งพยาบาลที่อยู่ข้างๆ ให้ไปหาห้องพักผู้ป่วยทันที
หลังจากออกจากห้องทำแผล ญาธิดาที่อดกลั้นมานานจึงพูดอย่างทนไม่ไหวว่า “แค่นี้ก็พอแล้ว ประธานภวินท์ ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนฉัน……”
ได้ยินเสียงหญิงสาวพูดด้วยคำสุภาพ ภวินท์ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ขณะที่พยาบาลเข้ามาส่งสัญญาณให้ภวินท์ “ห้องพักผู้ป่วยข้างหน้าว่างค่ะ”
ภวินท์ส่งเสียงตอบรับ ไม่ได้พูดอะไรมาก ยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของญาธิดา เดินไปทางห้องพักผู้ป่วยโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ผู้ชายมีแรงเยอะและก้าวเท้ากว้าง ญาธิดาแทบจะถูกลากไปตามทาง เมื่อถึงห้องพักผู้ป่วย เธอค่อนข้างโกรธ ขมวดคิ้วมองเขา “ภวินท์ สนุกมากเหรอ”
ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้เขายุ่งเรื่องของเธอ!
เมื่อเห็นใบหน้าเล็กของเธอแดงเพราะความโกรธ ภวินท์เหมือนจะกระตุกยิ้มมุมปาก และพูดด้วยน้ำเสียงบางเบา “สนุกมาก”
การดูเธอโกรธ มันน่าสนุกจริงๆ
เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ ญาธิดาก็โกรธจัด กัดฟันไม่ยอมพูดอะไรไปนานสองนาน แล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาแน่วแน่ ถามเน้นทีละคำว่า “ทำไมต้องยุ่งเรื่องของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ภวินท์ได้ยินแล้วนึกถึงภาพที่พวกเขาโต้เถียงกันในห้องนั่งเล่นของบริษัทเมื่อสองสามวันก่อนได้ทันที ตอนนั้นเขาเองก็ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของเธออีก
แต่ใครจะไปรู้ พอวันนี้เห็นการถ่ายทอดสด หัวใจของเขาเหมือนห่อด้วยถุงสุญญากาศ ทั้งอึดอัดทั้งอับเฉา แม้ว่าจะมีเรื่องสำคัญอื่นๆ เขาก็ตัดสินใจให้พายุหันรถกลับทันที
คิดไม่ถึงว่าเธอกลับไม่รู้สึกซาบซึ้ง
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น ยังไม่ทันจะพูดอะไร ใครจะรู้ว่าจู่ๆ ญาธิดาก็ก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว แววตาสดใสเป็นประกายเจือความสงสัย เชิดคางขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า “ภวินท์ คุณคงจะไม่สนใจฉันมากจนยุ่งเรื่องของฉันเพราะทนไม่ไหวหรอกใช่ไหม”
เมื่อสิ้นเสียง ดวงตาของภวินท์ก็นิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นหัวใจก็ร้อนขึ้น และมีสีหน้าแปลกไปในฉับพลัน
วินาทีถัดมา เขาปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว
สนใจเธอเหรอ จะเป็นไปได้ยังไง