ดวงใจภวินท์ - บทที่ 199 เยี่ยมบ้านตระกูลวรโชติ
ไม่ทันที่เธอจะเข้าใจ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่น ญาธิดาตกใจมากจนรีบหยิบโทรศัพท์มือถือมารับสายทันที
“ฮัลโหล”
ทันทีที่เธอรับ ก็ได้ยินเสียงที่ไม่อยากเชื่อของอัญมณีดังมาจากปลายสาย “ธิดา เธอบ้าไปแล้วเหรอ!”
ญาธิดาแก้วหูสั่น รีบเอาโทรศัพท์มือถือออกไปครึ่งเมตร แต่ยังสามารถได้ยินเสียงของอัญมณีได้
“เธอกล้าดียังไงใช้มือตัวเองไปทดสอบ เธอบ้าไปแล้วเหรอ! ทำแผลหรือยัง งานกิจกรรมจบแล้วใช่ไหม เธออยู่ที่ไหน”
เผชิญหน้ากับสามคำถามติดต่อกันของอัญมณี ญาธิดาขดยิ้มมุมปากอย่างอ่อนใจ แล้วปลอบเสียงเบา “อันอัน เธอไม่ต้องเป็นห่วง ทำแผลแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่โรงพยาบาล”
ทันทีที่ได้ยินเธอบอกว่าอยู่โรงพยาบาล อัญมณีไล่บี้ถามทันที “โรงพยาบาลไหน ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้!”
ได้ยินเสียงที่แน่วแน่ของเธอ ญาธิดาก็ปฏิเสธไม่ออกไปสักพัก ได้แต่แจ้งชื่อโรงพยาบาลไปอย่างลังเล
“โอเค เธออยู่เฉยๆ ไปเลยนะ ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้”
เธอเพิ่งพูดจบ โทรศัพท์ก็มีเสียง “ตื๊ด” วางสาย
ญาธิดาเหลือบมองหน้าจอที่มืดดับลง แล้วส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อนใจเล็กน้อย
เมื่อไรอัญมณีจะเลิกนิสัยพูดเร็วทำเร็วแบบนี้สักที
เธอเหลือบมองบาดแผลที่ได้รับการรักษาแล้ว จากนั้นลงลิฟต์ตรงไปยังล็อบบี้ชั้นหนึ่งของโรงพยาบาล และหาเก้าอี้ตัวหนึ่งนั่งลง
กว่ายี่สิบนาทีต่อมา ญาธิดาเห็นอัญมณีเดินเข้าประตูมาอย่างเร่งรีบ และก้าวเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เธอรีบลุกขึ้นยืน เธอโบกมือขวาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
เมื่ออัญมณีเห็นก็รีบเดินเข้าหาทันที คว้าข้อมือของเธอขึ้นมาสำรวจดู “ขอฉันดูหน่อย ยังเจ็บตรงไหนอีกไหม”
เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ ญาธิดารู้สึกอบอุ่นในใจ จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย “ไม่มีแล้วๆ แค่แผลเล็กๆ บนมือและก็มือพันผ้าพันแผลแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว”
เมื่ออัญมณีได้ยินคำพูดนี้ ก็คว้ามือซ้ายที่พันด้วยผ้าก๊อซเป็นชั้นๆ ขึ้นมาดูซ้ำไปซ้ำมา ขมวดคิ้วและพูดอย่างปวดใจ “เจ็บมากเลยสินะ ดูคลิปวีดีโอตั้งหลายรอบแล้ว ดูแล้วก็ปวดใจ ต่อให้หายดีก็ต้องทิ้งรอยแผลเป็นไว้ใช่ไหม”
เห็นอัญมณีบ่นตัวเองไม่หยุด ญาธิดาก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ยกมือขวาขึ้นตบๆ หลังเธอพลางพูดปลอบ “ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไรจริงๆ!”
อัญมณีดึงญาธิดานั่งลง เริ่มดุเธออย่างทนไม่ไหว “ถ้าชิ้นส่วนโลหะข้างในมันคมกว่านี้หน่อย บางทีนิ้วของเธออาจจะถูกตัดขัดเลยนะ! ธิดา ทำไมเธอยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่อีก!”
ญาธิดายิ้มและชู “สามนิ้ว” ขึ้นสาบานว่า “โอเค ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ ฉันสัญญากับเธอ คราวหน้าฉันจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนี้อีก!”
เห็นเธอทำท่าตลกแบบนี้ อัญมณีก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ทั้งโมโหทั้งขำ “เธอยังคิดว่าจะมีครั้งต่อไปอีกเหรอ!”
ทั้งสองพูดคุยหัวเราะกัน นับว่าบรรยากาศผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
ในเวลานี้ ทั้งคู่ไม่ได้สังเกต ไม่ไกลจากข้างหลังพวกเธอ มีร่างหนึ่งที่คุ้นเคยเดินเข้ามาใกล้
พายุเดินผ่านม้านั่งหลายแถวเข้ามาใกล้พวกเธอ จนพอจะได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองอย่างชัดเจน
งานกิจกรรมเพิ่งจบลง เขาก็รีบมาทันทีโดยไม่มีการหยุดพัก คิดไม่ถึงว่าประธานภวินท์จะออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม งานที่ประธานภวินท์มอบให้เขาคือการพาญาธิดากลับบ้าน ตอนนี้มาเห็นภาพนี้ มีอัญมณีอยู่เป็นเพื่อน เขาก็ไม่ต้องเป็นห่วงมากแล้ว
“อันอัน เธอบอกว่าเธอเห็นการถ่ายทอดสดถึงได้รู้ว่าฉันได้รับบาดเจ็บเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ! ตอนนี้บนอินเตอร์คงยังดูได้อยู่ ธิดา คราวนี้เธอดังจริงๆ แล้ว!”
เมื่อได้ยินอันอันพูดแบบนี้ ใบหน้าญาธิดาไม่ได้ดูมีความสุขแม้แต่น้อย แต่กำชายเสื้อแน่นด้วยความไม่สบายใจแทน
อัญมณีสังเกตเห็นความผิดปกติจึงรีบถามว่า “เป็นอะไรไป”
ญาธิดาพูดเสียงแผ่ว “ฉันกลัวว่าพ่อกับแม่จะเห็น ถึงตอนนั้นพวกเขาต้องกังวลแน่ ช่วงนี้ฉันกำลังหาค่าผ่าตัดเพิ่ม ถ้าคุณพ่อเห็นคลิปวีดีโอแล้วจะเสียใจ……”
บรรยากาศหดหู่ในทันใด อัญมณีอ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้ควรพูดอย่างไรดี
นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสียงเบา “ธิดา ค่าผ่าตัดเท่าไร ฉันมีเงินเก็บอยู่บ้าง แม้จะไม่มาก แต่ให้เธอก่อนก็ได้……”
“………”
พายุที่อยู่ไม่ไกลเงี่ยหูฟังการสนทนาระหว่างคนทั้งสอง หลังจากเขาลังเล เดิมทีอยากโทรหาภวินท์ทันทีเพื่อแจ้งสถานการณ์ แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วมันดีกว่าหากรายงานเรื่องแบบนี้ให้เขาทราบต่อหน้า
ในเวลาเดียวกัน คฤหาสน์ตระกูลวรโชติ
“คุณพ่อคุณแม่คะ หนูกลับมาแล้วค่ะ”
นิวรามีริ้วแดงปรากฏบนใบหน้าจางๆ อมยิ้มเล็กน้อย และดึงภวินท์เข้าไปในห้องโถงตระกูลวรโชติ
ชนัดพลซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาได้ยินเสียง จึงเลื่อนสายตาขึ้นนิดหน่อย ชำเลืองมองภวินท์ ฉีกยิ้มมุมปากและยืนขึ้น “มาแล้วเหรอวิน”
ภวินท์สีหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกว่ายินดีหรือไม่ชอบใจ เขาทักทายชนัดพลกับคุณพิม“สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า”
คุณพิมมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า รีบให้ภวินท์นั่งลง “วินนั่งเร็ว! วันนี้ทันทีที่ป้าได้ยินว่าเธอจะมา ก็ให้พ่อครัวทำของโปรดของเธอเพิ่มเป็นพิเศษหลายอย่างเลย!”
ภวินท์เลื่อนสายตาขึ้นเล็กน้อย และยิ้มให้คุณพิมเป็นคำตอบ เมื่อถอนสายตากลับมา ก็บังเอิญเห็นชนัดพลกำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างมีความหมายบางอย่าง
ในที่สุดชนัดพลก็พูดอย่างสบายๆ “วิน ไม่ได้มาที่นี่สักพักแล้ว เช่นนั้นก็ใช้โอกาสนี้ในวันนี้ เรามาดื่มกันให้สนุกเถอะ”
“แล้วแต่คุณลุงเลยครับ”
ภวินท์ตอบ เลื่อนสายตาขึ้นมองชายที่อายุเกินห้าสิบปี เส้นผมข้างขมับเป็นสีดอกเลา รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
ทั้งสองมองหน้ากันและยิ้ม แต่รอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตา สายตาที่สบกันมีกระแสแห่งความเป็นปริปักษ์
ทันใดนั้น เสียงของนิวราที่อยู่ข้างๆ ก็ดังขึ้น “คุณพ่อบอกว่าพี่ปริญกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอคะ ทำไมไม่เห็นใครเลย”
ชนัดพลได้ยินดังนั้นก็ลดสายตาลงเล็กน้อย มองไปทางอื่น แววตาเกิดประกายเย็นชา เขาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ชั้นบน เดี๋ยวอีกสักพักลงมา”
ภวินท์มองชนัดพล สายตาสลัวลงเรื่อยๆ เป็นความลึกล้ำที่คาดเดาไม่ได้ คุณพิมที่นั่งถัดไปเสิร์ฟชาให้ เขาถึงได้เบนสายตามา
ความขัดแย้งระหว่างพวกเขามันฝังรากลึกไม่ใช่ว่าพูดแค่คำสองคำแล้วจะอธิบายได้อย่างชัดเจน แต่ภวินท์กำลังรอเวลาที่เหมาะสม เพื่อส่งชนัดพลลงนรกด้วยตัวเอง ให้เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดมหาศาล!
แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
กดเก็บความรู้สึกในหัวใจ ภวินท์สายตาเรียบเฉย และหลังจากพูดคุยกับคุณพิมสองสามคำ ทางฝั่งครัวก็เกือบพร้อมแล้ว
คุณพิมยิ้มบาง และเอ่ยเตือนเสียงเบา “นิว วิน อาหารพร้อมแล้ว พวกเธอไปล้างมือไป จะได้ไปที่โต๊ะอาหาร”
นิวราได้ยินจึงรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะคุณแม่ หนูจะพาพี่วินไปล้างมือ!”
อยู่บ้านตัวเอง เห็นได้ชัดว่านิวรามีความกระตือรือร้นมากกว่าอยู่ข้างนอก และตอนนี้เหมือนเป็นการพาแฟนมาพบพ่อแม่ เธอจึงทำตัวเป็นลูกสาวตัวน้อย แก้มแดงก่ำ ขี้อายบอบบาง
จูงภวินท์เข้าไปล้วงมือในครัว นิวราพูดออกมาอย่างอดไม่ได้ “พี่วิน ที่จริงแล้วคุณพ่อคุณแม่อยากให้พี่มาทานอาหารที่บ้านมาตลอด นิวเห็นว่าพี่ยุ่งกับงานก็เลยไม่ได้บอกพี่ คราวนี้พี่มาได้นิวเลยมีความสุขมาก และฉันก็มองออกว่าพวกเขาก็มีความสุขมากเหมือนกัน!”
ฟังน้ำเสียงตื่นเต้นจนยากจะปกปิดของเธอ ภวินท์ก็กระตุกมุมปากยิ้มเยาะ เขาถามกลับว่า “จริงเหรอ”
นิวราไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ เธอส่งเสียงยืนยัน “แน่นอนค่ะ!”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็เอียงศีรษะมองชายที่อยู่ข้างๆ พูดพร้อมกับยิ้มจนตาหยี “พี่วิน คราวหน้ามาเที่ยวบ่อยๆ ได้ไหมคะ”
เมื่อมองรอยยิ้มของนิวรา ภวินท์แววตานิ่งไปเล็กน้อย ค่อนข้างสับสนไปชั่วขณะ
เขาเกลียดตระกูลวรโชติ เกลียดชนัดพลมากที่สุด เพราะความโชคร้ายทั้งหมดที่เขาได้รับ ล้วนเป็นผลทางอ้อมจากตัวเขา
แต่สิ่งที่ทำให้ยุ่งยากใจเขาก็คือคนของตระกูลวรโชติได้มอบความอบอุ่นและความห่วงใยแก่เขาในช่วงเวลาที่แสนจะทรมาน
มีหลายครั้งที่เขาต้องการลงมือทำลายตระกูลวรโชติ และมีอีกนับไม่ถ้วนที่ความคิดและแรงกระตุ้นของเขาหยุดลงที่รอยยิ้มบริสุทธิ์ของนิวรา