ดวงใจภวินท์ - บทที่ 205 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานตอนภวินท์มาทานอาหารที่บ้านของเขา ได้เคยพูดเรื่องเขากับไอซ์ ต่อหน้าเขาด้วย!
สื่อเปิดเผยวันไหนไม่เปิด แต่มาเปิดวันนี้ที่พวกเขาบริษัทวรโชติร่วมธุรกิจกับบริษัทดาเซิง และเมื่อวานเพิ่งเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกับภวินท์พอดี ทุกสิ่งทุกอย่างชี้ไปในทางที่มีลับลมคมใน
เมื่อปริญคิดได้แล้วหัวใจก็ยิ่งมีแต่ความโกรธจัด เขายกมือขึ้นปัดแก้วบนโต๊ะลงกับพื้น “เพล้ง” แก้วน้ำตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ
เขาแทบกัดฟันเค้นออกมาประโยคหนึ่ง “ภวินท์ นายกล้าดียังไง!”
เพิ่งสิ้นเสียง มีเลขาคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เห็นเศษแก้วกระจายเกลื่อนพื้นและปริญที่กำลังโกรธจัด พลันตกใจจนละล้าละลัง ถามอย่างหวาดกลัวว่า “คุณปริญคุณ……”
ปริญกวาดมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “ไสหัวออกไป!”
เลขาสาวตัวสั่น กำลังรีบออกจากห้องประชุมไปอย่างรวดเร็ว
สายตาของปริญไปตกที่ด้านหลังของเธอ แววตามืดมนครู่หนึ่ง เรียกเธอไว้อีกครั้ง “หยุด!”
เมื่อครู่เขาถูกพ่อตบ และเขาคิดได้ว่าเรื่องนี้อาจเป็นฝีมือภวินท์ ตอนนี้ไฟแห่งความโกรธปะทุในท้อง กำลังไม่มีที่ให้ระบาย
เลขาสาวได้ยินดังนั้นจึงกลับมาอย่างหวาดกลัวตัวสั่นงันงก ก้มหน้าพูดว่า “คุณปริญมีอะไรจะสั่งคะ”
ปริญส่งเสียงเยาะ ดวงตาเข้มขึงขังคล้ายกับดวงตาของชนัดพล พาให้ผู้คนหนาวยะเยือก
เขาก้าวเดินเข้าหาอย่างรวดเร็ว ปิดล็อคประตูห้องประชุมโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าเลขาสาวมากดลงบนโต๊ะประชุม “เป็นที่ระบายให้กูเดี๋ยวนี้!”
เลขาสาวตกใจหน้าซีด ดิ้นออกจากตัวเขา ก้าวถอยหลังไม่หยุด “คุณปริญ อย่าทำแบบนี้!”
ปริญสีหน้าไม่พอใจในฉับพลัน เขาเอื้อมมือออกไปคว้าแขนเธอต้องการใช้กำลังบังคับ หลังจากยื้อยุดกันครู่หนึ่ง เลขาสาวก็ร้องไห้ไม่ยอมท่าเดียว
หลังจากวุ่นวายกันอยู่เป็นเวลานาน ปริญที่ไม่ได้ลิ้มรสความหวานสักนิด ความหงุดหงิดก็ปะทุขึ้นในใจ จู่ๆ ก็หมดความสนใจ สบถด่าและเตะเศษแก้วที่กระจายเกลื่อนพื้น แววตาเกิดประกายเย็นชา เขาออกแรงผลักอีกฝ่ายล้มลงกับพื้น
“อ๊ะ!”
มือของเลขาบังเอิญกดลงเศษแก้วพอดี ทันทีที่ยกมือขึ้น ฝ่ามือก็มีแต่เลือดแดงเถือก
ปริญชำเลืองมองเธออย่างเย็นชาและส่งเสียงด่า “นังนี่! เธอหาเรื่องใส่ตัวเองนะ!”
ด่าไปหนึ่งประโยคแล้วเอากระเป๋าเงินออกมา โยนธนบัตรสีให้ไปปึกหนึ่ง “ค่ารักษาพยาบาล เอาแล้วไสหัวออกไป!”
พูดจบเขาก็ก้าวออกจากห้องประชุมไปโดยไม่หันกลับมามอง
ปริญออกจากบริษัทอย่างเต็มไปด้วยความโกรธจัด มีแรงกระตุ้นอยากไปคิดบัญชีกับภวินท์อยู่หลายรอบ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่พ่อกำชับ เขาก็ทำได้แค่อดทนไว้ก่อน
ถ้าเขาไปคิดบัญชีกับภวินท์ในเวลานี้ แล้วถูกสื่อถ่ายภาพ สถานการณ์จะยิ่งแย่ลง ไม่สู้ไปหาที่ดื่มหลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจจะดีกว่า
อย่างไรบัญชีนี้ไม่ช้าก็เร็ว เขาต้องชำระกับภวินท์ให้ได้!
สามชั่วโมงต่อมา ข่าวยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่จะไม่ถูกทีมประชาสัมพันธ์ของบริษัทวรโชติระงับเท่านั้น กลับกันยังมีแนวโน้มว่าจะเดือดดาลขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
ห้องทำงานของประธาน STN Group ภวินท์นั่งบนโซฟา กำลังเลื่อนดูพาดหัวข่าวล่าสุด
“คุณชายปริญคุกคามพนักงานในบริษัท วิดีโอที่รั่วไหลออกมาน่าตกใจ!”
เขาเลื่อนลงมาและเห็นภาพเคลื่อนไหวของกล้องวงจรปิดที่แนบมากับข่าว ภาพชัดจนเห็นใบหน้าได้ชัดเจน เป็นปริญจริงๆ
รอยยิ้มจางๆ ฉายบนริมฝีปากของภวินท์ เขาเอ่ยถามบางเบา “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
พายุที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้นจึงรีบรายงานทันที “ได้ยินว่าปริญลงมือกับเลขาในห้องประชุมครับ เลขาไม่ยอมก็เลยถูกเขาผลักล้มลงไปบนพื้นที่มีเศษแก้ว จากนั้นเลขาก็เอาในกล้องวงจรปิดออกมา ถ่ายรูปบาดแผลและโพสต์ลงโซเชียลครับ”
ฟังเขาพูดดังนั้น ภวินท์ฉีกยิ้มมุมปาก พูดด้วยเสียงหนัก “นิสัยเขาไม่เปลี่ยนเลยสักนิด”
สงบสติอารมณ์ไม่ได้ แถมยังสงบเสงี่ยมไม่เป็น
ตอนแรกเขาแค่จงใจเปิดเผยข้อมูลที่รวบรวมเอาไว้ให้กับสื่อ คิดไม่ถึงว่าผ่านไปแป๊บเดียวปริญก็หาเรื่องใส่ตัวเอง จนเรื่องราวเกินควบคุม
เดิมทีเป็นแค่เรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์ของคุณชายปริญเท่านั้น แต่ตอนนี้เรื่องได้เพิ่มขึ้นถึงระดับของการล่วงละเมิดทางเพศและการละเมิดต่อพนักงานแล้ว เมื่อเป็นแบบนี้ มันมีแต่จะทำให้เลวร้ายลงเท่านั้น ทิศทางความคิดเห็นของสาธารณชนก็จะยากต่อการควบคุม
สำหรับปริญมันไม่ใช่เรื่องดี แต่สำหรับเขากลับเป็นเซอร์ไพรส์ที่เกินคาด
พายุที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นภวินท์มีสีหน้าอ่อนลง จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “คุณภวินท์ เมื่อวานคุณมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับเขา วันนี้มีเรื่องแดงออกมา จะไม่ถูกเขาสงสัยเอาเหรอครับ”
ภวินท์ได้ยินดังนั้นก็หยิบถ้วยชาขึ้นมาอย่างสบาย จิบหนึ่งอึกและพูดเสียงอ่อน “ฉันไม่เคยกลัวถ้าจะถูกเขาสงสัย”
เรื่องครั้งนี้ ต่อให้ปริญจะหัวสมองทื่อแค่ไหน คาดว่าก็สามารถคิดออกได้ และเขาก็สั่งพายุเป็นพิเศษด้วยว่าอย่ากลบเกลื่อนเบาะแสให้สะอาดเกินไป
นี่เป็นแค่คำเตือนเล็กๆ น้อยๆ สำหรับปริญที่ส่งรูปไปให้ดร.ยติภัทรคราวก่อน และเกมที่เขาจะเล่นกับปริญเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน ในห้องVIPของWesker Nightclub ปริญกำลังโอบกอดสาวร้อนแรงอยู่ในอ้อมแขน ดื่มไวน์ไปพลางดูเพื่อนเล่นมุขขำๆ ส่งเสียงดังสนุกสนานอยู่ข้างๆ ท่าทางมีความสุขมาก
อีกด้าน โทรศัพท์มือถือที่ตกลงไปในช่องว่างระหว่างโซฟาสั่นไม่หยุด หน้าจอสว่างและดับลง ไม่รู้ว่าดังมานานแค่ไหนแล้ว
ในที่สุดโทรศัพท์มือถือที่สั่นก็ถูกคนเห็นเข้า ผู้ชายที่ผมไถข้างหยิบขึ้นมาเหลือบมอง แล้วยื่นให้ปริญ “พี่ปริญ โทรศัพท์ของคุณ”
ปริญยื่นมือรับมาเหลือบมอง รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อ นั่งตัวตรงทันที
บนนั้นมีสายที่ไม่ได้รับมากกว่าหนึ่งโหล ในนั้นสามสายมาจากชนัดพล ปกติพ่อของเขาจะไม่โทรมามากมายภายในครั้งเดียว เว้นแต่จะมีเรื่องด่วนเกิดขึ้น
ส่วนที่เหลือเป็นฟิล์ม ลูกน้องของเขาโทรมา
หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ปริญไม่กล้ารอช้า ลุกขึ้นเดินออกจากห้องที่วุ่นวายทันที โทรหาฟิล์มผู้เป็นลูกน้องก่อน “ฮัลโหล เกิดอะไรขึ้น”
น้ำเสียงของฟิล์มที่ปลายสายค่อนข้างกังวล “คุณยังไม่รู้เหรอครับคุณปริญ ข่าวกำลังดังไปทั่วแล้วนะครับ!”
ปริญเกาศีรษะอย่างหงุดหงิดและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ ข่าวยังไม่ถูกระงับอีกเหรอ”
ฟิล์มได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานก็ได้สติกลับมาแล้วพูดอีกว่า “คุณควรรีบดูข่าวนะครับคุณปริญ ทางบริษัทคุณชนัดพลไม่สามารถช่วยได้อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้จ่ายเงินก็ปิดข่าวไม่ได้ ความนิยมก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตลอดเวลา”
ปริญสบถด่าแล้วเปิดสปีกเกอร์โฟน เลื่อนเปิดข่าวดู ทันใดนั้นก็ตกตะลึง
ถ้อยคำต่างๆ นานาหลากหลายทั้ง “ทารุณกรรมลูกจ้าง” และ “ล่วงละเมิดทางเพศ” เข้าสู่สายตา เขารีบเปิดอย่างรวดเร็ว สีหน้าพลันขุ่นมัวพอสมควร
คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่เขาทำกับเลขาสาวจะแดงขึ้นมา! ใครมันให้ความกล้ากับเธอกัน!
เขาไล่บี้ถามด้วยความยากจะเชื่อ “ใครเป็นคนทำ”
ฟิล์มตอบว่า “ทราย เลขาสำนักงานผู้จัดการทั่วไปครับ เธอลาออกแล้ว”
“บัดซบ! คิดไม่ถึงเลยว่าเวลาแบบนี้ยังถูกนังนั่นเล่นงานเอาได้อีก!” ปริญโมโหจนเส้นเลือดสีเขียวนูนขึ้นหน้าผาก “ฟิล์ม ฉันไม่สนใจว่านายจะใช้วิธีไหน ต้องระงับความคิดเห็นของสาธารณชนให้ได้เดี๋ยวนี้!”
ปกติเขาอยู่บริษัทคุ้นเคยกับการทำเรื่องไม่ดี บางครั้งลงมือกับผู้หญิงในบริษัทก็ไม่ได้มีเรื่องเดือดร้อนใดๆ คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ เขาไม่เพียงถูกภวินท์ลอบจัดการ แต่ยังถูกนังผู้หญิงในบริษัทเล่นงานอีกด้วย!
“คุณปริญ ตอนนี้เรื่องมันดังไม่หยุด ทีมประชาสัมพันธ์พยายามอย่างเต็มที่ก็ไม่สามารถระงับข่าวได้……”
ไม่รอฟิล์มพูดจบ ปริญก็ขัดจังหวะคำพูดเขาอย่างโกรธจัด “ฉันไม่สนว่านายจะใช้วิธีไหน! ต้องระงับมันให้ได้! ไม่อย่างนั้นนายก็ลาออกไปเลย!”
พูดจบเขาก็วางสายไปทันที กัดฟันอย่างโกรธจัด เขาหันกลับมา และเห็นชายคนหนึ่งอยู่ไม่ไกล คิ้วพลันขมวดแน่นขึ้นทันใด