ดวงใจภวินท์ - บทที่ 208 สนใจเธอขนาดนี้เลยเหรอ
สองนาทีต่อมา โทรศัพท์มือถือก็ดัง “ติ๊งต่อง” หลุยส์กดเปิดดู เห็นภวินท์ตอบข้อความกลับมา
สามคำสั้นๆ ง่ายๆ “ไม่สนใจ”
หลุยส์กระตุกยิ้มมุมปาก แทบจะเดาได้ถึงสีหน้าเย็นชาเฉยเมยของภวินท์
เขาเปิดกล้องอย่างสบายๆ และเล็งไปที่กลางเวที
แสงโทนเย็นแบบนอร์ดิกที่ส่องผ่านเข้ากลางเวทีทำให้เกิดแสงเป็นวงกลมซึ่งบังเอิญกระทบกับตัวญาธิดาพอดี จนเกิดแสงเปล่งประกายอันอบอุ่น เมื่อเธอร้องถึงท่อนคอรัส บรรยากาศก็กำลังดี ทำให้คนดูและ ฟังอดไม่ได้ที่จะซึมซับตกอยู่ในภวังค์
ประโยคหนึ่งผุดขึ้นในใจของหลุยส์ “ผู้หญิงคนนี้เป็นนางฟ้า”
ไม่ใช่ความงามแบบที่ทำให้โลกตกตะลึง แต่ดวงหน้าของเธอพาให้คนจดจำ
หลังจากถ่ายวิดีโอสั้นๆ เป็นเวลาสิบห้าวินาที เขาก็ขยับนิ้วกดส่งตรงไปให้ภวินท์และถามว่า “แล้วคนนี้ล่ะ รู้สึกสนใจไหม”
ในเวลาเดียวกัน ภวินท์ที่กำลังนั่งอยู่ในรถ เขาหลับตาเอนพิงเบาะหลัง โทรศัพท์มือถือสั่นดังติ๊งต่องๆ สองครั้งติดต่อกัน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ปลดล็อคหน้าจอเหลือบมองดูข้อความ
มันเป็นวิดีโอ เขากวาดมองร่างบนหน้าปกของวิดีโอแล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะนั่งตัวตรงเล็กน้อยและคลิกบนวิดีโอโดยไม่ลังเล
เสียงไพเราะของหญิงสาวดังออกมา ไม่มีการปรับแต่งสักนิด และร้องเพลงได้ค่อนข้างดีทีเดียว
ภวินท์สายตานิ่งไปเล็กน้อย และตกลงบนมือซ้ายของเธอที่ยังคงพันผ้าก๊อซ สีหน้ามืดมนในทันใด
นี่เธอไปเป็นนักร้องประจำที่บาร์เหรอ
ผู้หญิงคนนี้ทำหูทวนลมใส่คำพูดของเขาจริงๆ! เขาบอกว่าเขาจะช่วยเธอและให้เธอไม่ต้องยุ่งเรื่องการหาเงิน แต่ตอนนี้เป็นยังไง ยังวิ่งไปที่บาร์ด้วยงั้นเหรอ
จู่ๆ ความไม่พอใจก็ปรากฏขึ้นในจิตใจ ภวินท์ขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับส่งข้อความหาหลุยส์ “อยู่ไหน”
ไม่นานหลุยส์ก็ส่งโลเคชั่นมา ภวินท์สั่งพายุให้หักรถตรงไปยังบาร์Kทันที
ญาธิดาดื้อรั้นกว่าที่เขาคิด แถมยังกล้าหาญกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก หลังจากเหตุการณ์ที่Wesker Nightclubครั้งก่อน เดิมทีเขาคิดว่าเธอจะไม่เหยียบไปในสถานที่ที่เป็นเหมือนบาร์อีก คิดไม่ถึงว่าความกล้าของเธอกลับยิ่งมากกว่าเดิม!
พายุมองชายที่สีหน้ามืดมนตรงเบาะหลังรถ ไม่กล้าถามอะไรมาก เหยียบคันเร่งเพื่อเร่งความเร็วในทันที
ในบาร์K ญาธิดาร้องเพลงจบแล้ว ลงจากเวทีมาคุยกับอัญมณีและแมทธิว
หลังจากเธอร้องเพลงเมื่อครู่ แมทธิวก็มองเธอด้วยความชื่นชมขึ้นมาก กระทั่งเธอลงจากเวที เขาก็เชิญชวนทันที “ธิดา เธอร้องเพลงได้ดีจริงๆ! อยากมาร้องเพลงกับพวกเราที่นี่ไหม”
ไม่รอให้ญาธิดาตอบ อัญมณีที่อยู่ข้างๆ ก็พูดอย่างอดไม่ไหว “ธิดาเพื่อนฉันต้องทำงาน ไหนเลยจะมีเวลาว่างมาที่บาร์ของนายได้”
แมทธิวได้ยินดังนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “กลางวันไม่มาก็มากลางคืนก็ได้ ยังมีวันเสาร์อาทิตย์ด้วย แน่นอนว่าค่าตอบแทนที่ฉันให้มันพอสมควร เธอคิดว่ายังไงบ้างธิดา”
เห็นแมทธิวสีหน้าจริงจัง ไม่เหมือนเป็นการพูดเล่น ญาธิดาจึงอมยิ้มให้เขาอย่างขอโทษ และพูดเสียงอ่อนว่า “เกรงว่าฉันจะไม่ว่าง ขอโทษด้วยนะ”
แมทธิวได้ยินดังนั้นก็ค่อนข้างผิดหวัง แกล้งทำเป็นเสียใจ และทำท่ากุมหัวใจตัวเอง “ธิดา การปฏิเสธของเธอทำให้หัวใจฉันเจ็บไปหมด……”
อัญมณีเห็นเขาทำแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นตีเขาเบา ๆ “พอได้ล่ะ! เลิกเสแสร้งได้แล้ว ดราม่าเก่ง!”
แมทธิวแสร้งทำเป็นไอหลายครั้งหลังจากถูกตี ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพวกเธออีกครั้ง “ที่ฉันพูดน่ะจริงนะ! เธอจะไม่ลองคิดดูอีกทีเหรอธิดา”
ธิดาไม่ชอบการปฏิเสธ อัญมณีที่อยู่ข้างๆ จึงช่วยเธอให้พ้นจากการคะยั้นคะยอ “ธิดา หรือว่าเธอจะขึ้นไปร้องอีกสักเพลง ถือว่าเป็นการชดเชยให้แมทธิวเล็กๆน้อยๆ แล้วกัน!”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็อ้ำอึ้งพูดไม่ออก “เอ่อ……”
แมทธิวพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ใช่เลย! อีกเพลงนะ! เมื่อครู่ร้องเพราะมาก ไม่เคยฟังแล้วติดใจแบบนี้มาก่อนเลย!”
อัญมณีกับแมทธิวสองคนพูดเออออกันไปมา ญาธิดาปฏิเสธไม่ได้ ได้แต่พยักหน้าตกลง
มีแขกรับเชิญขึ้นมาร้องเพลงบนเวที ขณะที่รอว่าง ญาธิดาหยิบแก้ว “Pride and Prejudice” ที่บาร์เทนเดอร์ชงให้เธอ
ของเหลวที่เปล่งแสงสีน้ำเงินใต้แสงไฟนั้นสวยงามมาก รสมะนาวเปรี้ยว รสไวน์จางๆ เข้ากันได้ดีมาก
เพิ่งดื่มไวน์เสร็จ คนที่อยู่บนเวทีก็ร้องเพลงจบ อัญมณีกระทุ้งแขนญาธิดาทันทีและขยิบตาให้เธอ “คราวนี้ร้อง Cry on My Shoulder นะ ฉันชอบ”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็อมยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย “ได้ ร้องเพลงนี้”
เธอก้าวขึ้นไปบนเวที และเริ่มร้องเพลงตามเสียงดนตรี
ในเวลาเดียวกัน ไมบัคสีดำจอดตรงทางเข้าบาร์ ภวินท์กับพายุลงจากรถและเดินตรงเข้าไป
บาร์ไม่ใหญ่ สามารถมองเห็นทัศนียภาพจากประตูได้ เมื่อภวินท์เดินเข้ามา สิ่งแรกที่เห็นคือผู้หญิงนั่งร้องเพลงอยู่บนเวที
เธอสวมเสื้อเชิ้ตมีขนพู่สีขาว แสงส่องกระทบผิวแก้มเรียบเนียน ผิวขาวนวลกระจ่างใส คิ้วตาราวกับภาพวาด
เมื่อได้ยินเสียงร้องของหญิงสาวดังมา หัวใจของภวินท์พลันกระชับขึ้นเล็กน้อย แววตามีความสั่นไหวที่ยากจะมองออก
หลังจากนิ่งไปครึ่งวินาที เขาก็รู้สึกตัวและเดินไปทางนั้น ยังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ หลุยส์ก็เดินมาข้างๆ มาขวางเขาพร้อมกับหัวเราะ
เขาดึงภวินท์ไปนั่งบนเก้าอี้ทรงสูงข้างนอก และพูดหยอกล้อว่า “ยังเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า มีผู้หญิงนายถึงมา”
ภวินท์สีหน้าขุ่นมัวเล็กน้อย เหลือบมองหลุยส์บางเบา แล้วหันกลับไปมองหญิงสาวบนเวทีอีกครั้ง และพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันมาหาเธอเพราะมีธุระ”
หลุยส์เห็นดังนั้นก็ยิ่งกดยิ้มลึก และยังคงพูดหยั่งเชิงเล็กน้อยต่อไป “วิน ฉันไม่เคยเห็นนายสนใจผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้มาก่อนเลย นายคงจะไม่……”
ไม่รอให้เขาพูดจบ ภวินท์ก็เหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “เป็นไปไม่ได้”
หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นหนี้ญาธิดาและตระกูลภูสิทธ์อุดม เขาจะไม่เข้าไปยุ่งกับเธอเลย
“ไม่ใช่ก็ดี” หลุยส์หัวเราะแล้วถามว่า “นายจะดื่มอะไร”
เขาเพิ่งพูดจบ ภวินท์ก็ลุกขึ้นยืนและทิ้งไว้หนึ่งประโยค “นายดื่มเองเถอะ”
พูดจบเขาก็ก้าวเดินตรงไปทางเวที
รอบเวทีมีโต๊ะกลมและเก้าอี้โซฟาสำหรับ 3-4 คน ภวินท์ก้าวเข้าไปและเลือกที่นั่งว่างที่ใกล้กับเวทีมากที่สุด พายุก็ตามเขาไปนั่งด้วย
อัญมณีและแมทธิวอยู่ตรงฝั่งบาร์กำลังดื่มและพูดคุยกัน เธอหันศีรษะโดยไม่ได้ตั้งใจและเห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ตรงโต๊ะกลม เธอคิดว่าตัวเองมองผิด ถึงขั้นเบิกตากว้างแล้วอุทานว่า “บ้าอะไรเนี่ย”
เธอคงจะไม่เห็นภาพหลอนหรอกใช่ไหม ทำไมเห็นพายุอยู่ที่นี่
เธอรีบขยี้ตาและเบิกตากว้างเพ่งมองอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เธอจะเห็นพายุ แต่เธอยังเห็นภวินท์ด้วย!
พวกเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่
แมทธิวที่อยู่ข้างๆ เห็นเช่นนี้ จึงรีบถาม “มีอะไรเหรอ”
อัญมณีทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ เวลานี้ญาธิดาร้องมาได้ครึ่งเพลงแล้ว เธอไม่สามารถเข้าไปลากออกไปได้ แถมพายุก็ยังอยู่ตรงนั้น……
“ไม่…ไม่มีอะไร”
ได้แต่รอต่อไป รอญาธิดาร้องเพลงจบ เธอจะไปพาญาธิดาออกไปทันที
ญาธิดาที่อยู่บนเวทีจดจ่อไปกับการร้องเพลง ไม่รู้ถึงสถานการณ์ตรงนั้น เธอไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย แต่มักรู้สึกว่าด้านล่างเวทีมีสายตาหนึ่งจ้องมองเธอ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
ศีรษะเล็กหันไปโดยบังเอิญ เมื่อเห็นชายหนุ่มอยู่ข้างล่างเวทีไม่ไกล มือของเธอที่ถือไมโครโฟนก็แข็งทื่อไปเล็กน้อยทันที
ภวินท์! เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!