ดวงใจภวินท์ - บทที่ 213 ไปเที่ยวกับคุณย่า
เช้าวันต่อมา ญาธิดาตื่นแต่เช้า สวมเชิ้ตกระโปรงสีเหลืองทรงเพรียว สวมรองเท้าลำลองสีขาว แล้วออกจากบ้านไปพร้อมกระเป๋าหนึ่งใบ
เธอตั้งใจจะออกจากบ้านมาก่อนครึ่งชั่วโมง อ้อมไปซื้อขนมที่คุณย่าชอบ จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินตรงไปที่สวนนิเวศน์
เพิ่งมาถึงประตูใหญ่ทางเข้าสวนนิเวศน์ไม่นาน ก็มีรถสีดำคันหนึ่งมาจอดตรงหน้าญาธิดา
ประตูรถเปิดออก คุณย่าชะโงกศีรษะออกมาด้วยความตื่นเต้น โบกมือให้ญาธิดา “ธิดา!”
ญาธิดาส่งเสียงตอบ ยิ้มหวานแล้วรีบเข้าไปพยุงเธอลงจากรถ
“ช่วงนี้ย่าอึดอัดจะแย่อยู่แล้ว พอเจอเธอ ฉันก็อารมณ์ดีขึ้นมากเลย!”
เมื่อคุณย่าลงจากรถ ก็จับมือญาธิดามาพูดไม่หยุด ประตูรถอีกฝั่งก็เปิดออก ชายร่างสูงใหญ่สวมชุดบอดี้การ์ดเดินมา พูดกับคุณย่าด้วยความเคารพ “นายท่าน ต้องการรถเข็นไหมครับ?”
เมื่อคุณย่าได้ยิน ก็ทำหน้าบึ้งตึง โบกมือให้กับเขา “กว่าจะได้ออกมาเดินเล่น จะเอารถเข็นไปทำไม มีธิดาอยู่ นายไม่ต้องตามมานะ”
บอดี้การ์ดขมวดคิ้ว เอ่ยปากอย่างลำบากใจเล็กน้อย “คุณภวินท์สั่งมาเป็นพิเศษ ให้ผมรับผิดชอบความปลอดภัยของคุณครับ”
คุณย่าโบกมือปฏิเสธอย่างดื้อดึง “มีธิดาอยู่ด้วยฉันไม่เป็นไร นายไม่ต้องตามมาแล้ว ไม่บ่อยนักที่ฉันจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง”
บอดี้การ์ดคนนั้นเห็นว่าโน้มน้าวไม่ได้ ก็ทำได้แค่ตอบตกลง ไม่ตามไปอีก
เดินออกมาไม่กี่ก้าว คุณย่าก็อดทำเสียงฮึดฮัดไม่ได้ “นี่บอดี้การ์ดที่เจ้าวินหามาให้ย่า ร่างสูงใหญ่ แต่นิสัยเหมือนก้อนหิน น่าอึดอัดมาก นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ น่าเบื่อมาก!”
เห็นคุณย่าบ่นเหมือนเด็ก ญาธิดาก็ยกมุมปากอย่างอดไม่ได้ หัวเราะเบาๆ แล้วพูดโน้มน้าว “พวกเขาหวังดีกับคุณย่านะคะ วันนี้ฉันอยู่กับย่า เที่ยวให้เต็มที่เลยค่ะ”
คุณย่าได้ยินดังนั้น ก็จับมือญาธิดาแน่น ลูบหลังมือเธอเบาๆ ยิ้มเล็กน้อยพูดขึ้น “เธอยังใส่ใจ เข้าใจฉันเหมือนเดิมเลย!”
เดินเข้ามาในสวนนิเวศน์ สิ่งที่เข้ามาในสายตาคือสนามหญ้าสีเขียวขนาดใหญ่ มีรูปแกะสลักและศาลาขนาดเล็กแตกต่างกันออกไปตั้งอยู่
วันนี้อากาศดีมาก ท้องฟ้าแจ่มใส เด็กน้อยจำนวนมากกำลังเล่นว่าวที่สนามหญ้า พอดูไกลๆ ก็น่าพึงพอใจมาก
ญาธิดาและคุณย่าเดินไปด้วยคุยไปด้วย บรรยากาศกลมกลืนกัน
คุณย่ามองเหล่าเด็กๆ เล่นเกมกัน ดวงตาก็วาดโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว ชี้ให้ญาธิดามองไป “เธอดูสิ พวกเด็กน้อยกลุ่มนั้น น่ารักกันมากเลย!”
“คนมันแก่แล้วน่ะ ก็ชอบดูอะไรที่มีชีวิตชีวา ก็เลยชอบเด็ก ถ้าเธอกับภวินท์สามารถ……”
คุณย่าพูดไปพูดมา ก็ดึงญาธิดากับภวินท์มาเกี่ยวข้องโดยไม่รู้ตัว ยังพูดไม่จบ ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม จึงหยุดพูดทันที
ญาธิดาที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเธอพูดแบบนี้ รอยยิ้มบนหน้าก็แข็งทื่อ ไม่รู้ทำไมในใจรู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อย
ถ้าพูดถึงเด็ก เธอกับภวินท์เคยมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ชีวิตตัวน้อยอันแสนสั้นนั้น……
เห็นสีหน้าญาธิดามีความผิดหวัง คุณย่าก็รีบพูดขึ้น “ไม่พูดแล้วๆ ย่าผิดเอง ที่เอาแต่พูดเรื่องในอดีต……”
ญาธิดายิ้มจางๆ พูดขึ้นเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า”
คุณย่าได้ยินดังนั้น ก็ลูบมือเธอ เดินไปข้างหน้าพร้อมพูดเบาๆ “จริงๆ แล้วย่าชอบเธอมาก และอยากให้วินคืนดีกับเธอด้วย แต่ย่าเคารพการตัดสินใจของเธอ ถึงเธอไม่กลับมาใช้ชีวิตกับวิน ฉันก็ยังเป็นย่าของเธอเหมือนเดิม”
ไม่กี่ประโยคของคุณย่า ทำให้ญาธิดาแสบปลายจมูก รู้สึกประทับใจ
ไม่คิดว่า คุณย่าจะเห็นเธอเป็นคนในครอบครัวอยู่ตลอด
เธอหายใจเข้าลึกๆ เค้นยิ้มออกมา ยกยิ้มมุมปากให้เธอ “คุณย่า ฉันก็จะอยู่กับคุณย่าตลอด ภวินท์ก็จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง เขามีคนที่อยากปกป้อง ฉันก็เคารพการตัดสินใจของเขาเหมือนกันค่ะ”
สิ้นเสียงของเธอ สีหน้าคุณย่าก็เปลี่ยนไป หยุดชะงักไปสักพัก เหมือนพยายามเข้าใจความหมายในคำพูดเธอ รู้ตัวอีกทีก็ถามขึ้นว่า “เธอหมายถึง……วินเขามีคนที่ชอบเหรอ?”
ญาธิดาได้ยินคุณย่าถามแบบนี้ ก็ตอบสนองทันที บางทีเรื่องของนิวรา คุณย่าอาจจะยังไม่รู้ก็ได้นะ เมื่อครู่นี้เธอพูดออกไปโดยไม่ได้ระวัง!
“ฉัน……”
คุณย่าซักถามต่อ “ใช่ไหม? ธิดา เธอรู้ใช่ไหม?”
ถูกถามหลายครั้ง ญาธิดาก็ลังเลไม่รู้ควรตอบอย่างไรดี สบตาคู่นั้นของคุณย่า เธอจำเป็นต้องพยักหน้า พูดขึ้นเบาๆ “ใช่ค่ะ เขามีคนที่ชอบ……”
นิวราคือผู้หญิงคนแรกที่ภวินท์พาเข้าบริษัทมาอย่างเปิดเผย และเขายอมทุ่มทุนแต่งงานหาคนที่เป็นแหล่งไตมาเพื่อเธอ สิ่งเหล่านี้ทำให้ดูออกว่า นิวราสำคัญแค่ไหนสำหรับเขา
ถึงแม้เธอรู้ว่าข้างกายภวินท์ยังมีดาราสาวอย่างแพรวาอยู่ แต่นิวราคือคนที่เขาใส่ใจมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
คุณย่าดึงญาธิดามาถามอย่างตื่นเต้น “ธิดา เธอบอกฉัน คนที่วินชอบคือใคร?”
มาถึงช่วงวิกฤต ถึงญาธิดาจะอยากโกหก ก็แต่งเรื่องไม่ออก สบตาสืบสวนของคุณย่าคู่นั้น เธอก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดขึ้นทีละคำ “เธอชื่อนิวรา……”
เมื่อได้ยินคำว่า “นิวรา” คุณย่าก็ตกใจ ตกตะลึง ไม่กี่วินาทีต่อมา แววตาในดวงตาก็มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น
“ไม่คิดว่าเป็นหล่อน”
ได้ยินคุณย่าพูดแบบนี้ ญาธิดาก็เข้าใจทันที
ดูเหมือนคุณย่าจะรู้จักนิวรา
ความสงสัยแต่เดิมที่มีต่อนิวรา มันก็เพิ่มขึ้นทันใด
คุณย่าดึงญาธิดาแล้วค่อยๆ เดินไปข้างหน้า เหมือนกำลังลังเลอะไรบางอย่าง ไม่พูดอะไรเป็นเวลานานสักพัก สุดท้ายก็ถอนหายใจพูดขึ้น “ก็ไม่น่าแปลกใจ”
ขณะที่เธอพูด ก็หันหน้าเล็กน้อยไปมองญาธิดาข้างๆ พูดขึ้นเบาๆ “เธอน่าจะยังไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างวินกับนิวราใช่ไหม?”
ญาธิดาชะงักไปครึ่งวินาที แล้วส่ายหน้า
“แต่ก่อนความสัมพันธ์ของตระกูลวรโชติกับตระกูลสถิรานนท์ของเราไม่เลวเลย เด็กน้อยของสองครอบครัวก็สนิทกัน ต่อมาแม่แท้ๆ ของวินเสียชีวิต พ่อเขาก็พามรกตและภูผาเข้าบ้าน วินเจ้าคิดเจ้าแค้นพวกเขามาตลอด ช่วงที่เขาเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากที่สุด ก็มีนิวราอยู่เป็นเพื่อนเขา ดังนั้น……”
ที่เหลือ ถึงแม้คุณย่าไม่พูด ญาธิดาก็เดาได้เช่นกัน
ไม่แปลกใจที่นิวราจะสำคัญกับภวินท์ขนาดนี้ ที่แท้พวกเขาก็ไม่ใช่แค่คู่รักในวัยเด็ก แต่ยังผ่านเรื่องราวด้วยกันมามากมาย……
จิตใจญาธิดาหนักอึ้ง รู้สึกแย่แปลกๆ ผ่านไปสักพัก เธอก็ยิ้มเยาะตัวเอง พูดขึ้นเบาๆ “คู่รักในวัยเด็ก กิ่งทองใบหยก เหมาะสมกันมากจริงๆ”
คุณย่าได้ยินดังนั้น ก็พูดขึ้นโดยไม่ลังเล “ย่าไม่ชอบหล่อน”
ญาธิดาหันหน้าไปมองเธออย่างประหลาดใจ อดไม่ได้ที่จะถาม “ทำไมคะ?”
นิวราเป็นคนสดใสน่ารัก เป็นประเภทที่พวกผู้ใหญ่ชอบอย่างแท้จริง
คุณย่าส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ผู้หญิงคนนั้น ความคิดไม่ธรรมดา แล้วในตระกูลวรโชติ แต่ละคนก็ไม่ใช่คนดี น้ำนิ่งไหลลึก ไม่คุ้มที่จะคบด้วย”
ญาธิดาตกตะลึง ไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน
คุณย่าข้างกายก็ลูบหลังมือเธอ พูดขึ้นเบาๆ “ไม่พูดแล้ว เราไม่พูดเรื่องพวกนี้กันแล้ว ธิดา เราไปดูทะเลสาบกัน……”
ญาธิดาได้สติกลับมา เห็นทะเลสาบเทียมที่อยู่ไม่ไกล ก็ยกยิ้มจางๆ ประคองคุณย่าเดินไปทางนั้น
เดินอ้อมริมทะเลสาบไปมากกว่าครึ่งรอบ คุณย่าก็ร้อนจนเหงื่อแตก ญาธิดาพาเธอเดินไปที่ม้านั่งใต้ร่มเงาต้นไม้ ประคองเธอนั่งลง
“คุณย่า นี่ขนมที่ฉันซื้อมา เป็นแบบหวานน้อย คุณย่ากินก่อนได้นะคะ ฉันจะไปซื้อน้ำที่นั่น คุณย่ารอฉันอยู่ตรงนี้สักพัก โอเคไหมคะ?”
คุณย่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เช็ดเหงื่อ ยิ้มให้เธอแล้วพูดขึ้น “โอเค เธอไปเถอะ ฉันจะรอเธอ”
ญาธิดาเห็นแบบนี้ ก็ยิ้มสบายใจ แล้วเดินไปที่ขายน้ำ
เธอไม่ได้สังเกตเลยว่า ด้านหลังหินประดับที่อยู่ไม่ไกล มีสองคนกำลังจ้องมาทางนี้ไม่ขยับไปไหน