ดวงใจภวินท์ - บทที่ 218 ฉันไร้ประโยชน์มากเลยใช่ไหม
เกล้าแก้วพยักหน้า หยิบสายจูงและอุปกรณ์มาจากข้างๆ กำลังจะพยุงภูผาเข้าไป ใครจะไปรู้ว่าชายหนุ่มยกมือขึ้นกะทันหัน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ฉันอยากลองทำเอง”
ในช่วงเวลานี้ เขาให้ความร่วมมือในการรักษา ในส่วนของขารู้สึกขึ้นแล้วจริงๆ จากเดิมทียืนไม่ได้ จนต่อมาสามารถประคองอะไรบางอย่างแล้วยืนขึ้นได้หนึ่งวิ สองวิ สามวิ……
มีสัญญาณอาการดีขึ้น
แน่นอนว่า นอกจากผลงานของนักบำบัด การมีอยู่ของเกล้าแก้วก็มีส่วนช่วยเหลือ ตอนนี้การฝึกกายภาพกลายเป็นโครงการที่พวกเขาต้องทำทุกวันไปแล้ว
เกล้าแก้วได้ยินดังนั้น ก็ลังเลนิดหน่อย “นักบำบัดบอกว่าทางที่ดี……”
น้ำเสียงภูผาเย็นชาลงทันที ขัดคำพูดเธอ “ฉันอยากลอง”
เกล้าแก้วขมวดคิ้ว มองขาของเขา สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรอีก
ภูผาพยุงสองข้างของรถเข็น แขนทั้งสองค่อยๆ ปล่อยแรง ประคองร่างตัวเองขึ้นมาทีละนิด
คนทั่วไปยืนขึ้นมาหลักๆ จะพึ่งการพยุงของขาสองข้าง แต่เขาต้องพึ่งพากำลังแขน
ขาสองข้าง อ่อนปวกเปียก เหมือนท่อนไม้ประกบเข้าด้วยกัน มันไม่มีแรงพยุงเลย
เขาหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลง ค่อยๆ เคลื่อนจุดศูนย์กลางพยุงจากแขนไปยังขา ช่วงที่ปล่อยมือไปแล้ว ร่างกายเขาก็หยุดนิ่ง
หนึ่งวิ สองวิ สามวิ……
สามวินาทีต่อมา ขาเขาก็อ่อนทันที ร่างกายล้มไปข้างๆ โดยไม่ทันตั้งตัว
ในวันปกติมีการช่วยเหลือจากอุปกรณ์ เขาจะไม่ล้ม แต่ตอนนี้เขาไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือ ถ้าล้มขึ้นมา ไม่แน่ขาสองข้างอาจจะได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง
“โครม!”
ร่างล้มลงบนพื้น ภูผารู้สึกร่างกายช่วงล่างอ่อนปวกเปียก เมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นเกล้าแก้วพุ่งเข้ามาเป็นเบาะมนุษย์รองใต้ตัวเขาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
“เธอ……”
เกล้าแก้วกลั้นความเจ็บขณะถามขึ้น “คุณภูผา คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ขณะที่เธอพูด ก็ค่อยๆ ลุกขึ้น พยุงร่างภูผาให้ยืนตรง
ไม่ว่าอย่างไร ภูผาก็มีน้ำหนักของผู้ชายที่โตแล้ว เกล้าแก้วต้องการพยุงเขาขึ้นมา ก็ใช้แรงไม่น้อยเลยจริงๆ
พยุงเขานั่งบนรถเข็นแล้ว เธอก็โล่งอก ถามต่อ “คุณภูผา คุณยังโอเคไหม……”
ภูผาผลุบตาลง เห็นข้อศอกหญิงสาวถลอกเป็นสีแดง เขาหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลงอย่างเจ็บปวด
เขาในตอนนี้ ไม่คิดว่าต้องพึ่งหญิงสาวคนหนึ่งจริงๆ!
“คุณภูผา?” เกล้าแก้วเห็นเขาไม่พูดเป็นเวลานาน ก็ลองเรียกดูอีกครั้ง
ภูผาลืมตาขึ้นสองข้าง จ้องมองเธอด้วยใบหน้าจริงจัง สายตาลึกซึ้ง หยุดชะงักไปสองวินาที เขาก็เอ่ยปากขึ้นทันที “ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ฉันไร้ประโยชน์มากเลยใช่ไหม?”
เกล้าแก้วตกตะลึง จากนั้นก็เอ่ยปากพูดขึ้น “ไม่นะคะ คุณผู้ชาย คุณอย่าคิดแบบนี้ บนโลกนี้……”
ภูผากัดฟันด้วยความเจ็บปวด ยื่นมือออกไปทันควัน คว้าข้อมือขาวเนียนของหญิงสาวเอาไว้ ดึงเธอเข้ามาใกล้ อารมณ์ในสายตาเขามืดครึ้มคลุมเครือ แทบจะกัดฟันขณะพูด “เธออย่าหลอกฉัน!”
คำปลอบโยนแบบนี้มันไม่มีค่าอะไรเลย! ตั้งแต่ขาสองข้างเขาพิการ ยืนไม่ได้ ก็ได้ยินคนพูดแบบนี้กับเขามานับครั้งไม่ถ้วน! ตอนนี้ได้ยินอีก นอกจากเอือมระอา ก็ไม่รู้สึกอย่างอื่น!
เกล้าแก้วเบิกตากว้างจ้องมองเขาอย่างตื่นตกใจ เหมือนไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้
พวกเขาสองคนมองหน้ากัน บรรยากาศภายในห้องเย็นยะเยือกจนขีดสุด ในเวลานี้ จู่ๆ ก้อนเมฆที่ยืนบนชั้นวางนกแก้วที่อยู่ด้านข้างก็ตะโกนออกมา “สุขภาพแข็งแรง ทุกอย่างราบรื่น! สุขภาพแข็งแรง ทุกอย่างราบรื่น!”
นี่คือคำพูดเป็นสิริมงคลคำใหม่ที่เกล้าแก้วเพียรพยายามสอนให้ก้อนเมฆพูดในช่วงสองสามวันนี้ เดิมทีก็เพื่ออวยพรให้ภูผา แต่ไม่คิดว่ามันจะเอ่ยปากในเวลานี้ ซึ่งมันค่อนข้างเยาะเย้ย
ภูผาโกรธจัดในชั่วขณะหนึ่ง ปล่อยข้อมือเกล้าแก้วทันที คว้าผ้าห่มบนรถเข็นขึ้นมาปาใส่ก้อนเมฆด้วยความโกรธ
ก้อนเมฆกะพรือปีกบินขึ้น ร้องแคว้กๆ สองที กระโดดขึ้นไปอีกด้านหนึ่งของชั้นวาง เอียงศีรษะมองมาทางนี้อย่างระมัดระวัง
ภูผาพูดด้วยความโกรธ “ไสหัวไป! เอามันไปด้วย!”
เกล้าแก้วไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ก็ตกใจมาก รีบตอบรับ คว้านกแก้วที่ยืนบนชั้นบนโต๊ะขึ้นมา แล้วเดินออกจากห้องฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
ปิดประตูลง เธอก็หายใจหอบอย่างหนัก เมื่อเดินมาถึงปากบันได ก้อนเมฆก็เอียงศีรษะ ร้องแคว้กๆ ต่อไป “สุขภาพแข็งแรง ทุกอย่างราบรื่น!”
เจ้าตัวน้อยที่ดูภูมิใจนั้น เหมือนกำลังขอคำชม เกล้าแก้วทั้งโกรธทั้งขำ ยื่นมือไปจิ้มศีรษะเล็กของมัน “เจ้าก้อนเมฆทึ่ม แกพูดไม่ถูกเวลา! โทษแกเลย ทำให้คุณภูผาโกรธแล้ว!”
ขณะที่พูด เธอก็เดินมาถึงปากบันได นึกถึงอาการของภูผาเมื่อครู่นี้ เธอก็วางใจไม่ลง รีบไปหาครามที่ชั้นหนึ่ง
หลังจากอธิบายสถานการณ์ เธอก็พูดขึ้นเบาๆ “ฉันเป็นห่วงที่คุณชายอยู่ในห้องคนเดียว คุณไปดูหน่อยนะคะ……”
ครามพยักหน้า พูดอย่างเข้มงวด “ครับ”
ขึ้นมาถึงห้องฟื้นฟูชั้นสอง เขายกมือขึ้นเคาะประตู
หยุดชะงักไปสักพัก ที่ห้องก็มีเสียงภูผาดังขึ้น “เข้ามา”
ครามผลักประตูเข้าไป เห็นแผ่นหลังภูผานั่งบนรถเข็น ก็เดินไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้น “คุณชายน้อย คุณยังโอเคไหมครับ?”
ภูผาตอบ “อืม” เรียบๆ
ครามหยุดไปสักพัก คิดแล้วอธิบายอีกครั้ง “คุณเกล้าแก้วพยายามตั้งหลายวัน กว่าจะสอนก้อนเมฆให้พูดประโยคนี้ได้ เธอไม่ได้มีเจตนาร้ายนะครับ”
ภูผาพูดอย่างเย็นชา “ฉันรู้”
เขารู้ว่าเกล้าแก้วมีเจตนาที่ดี เขาก็ไม่ได้กล่าวโทษเธอจริงๆ หรอก
คนที่เขาควรกล่าวโทษมากที่สุด ไม่ใช่ใครอื่น ไม่ใช่ตัวเขาเองด้วย แต่คือไอ้คนนั้นที่นำความโชคร้ายเหล่านี้มาให้เขา——ภวินท์
ดวงตาหนักอึ้ง เขาพูดด้วยเสียงเย็นชา “เดี๋ยวฉันฝากไปขอโทษคุณเกล้าแก้วหน่อย แล้วขึ้นเงินเดือนให้เธอสามสิบเปอร์เซ็นต์”
ครามพยักหน้าตอบตกลง “ครับ”
ภูผามองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง แล้วพูดต่อ “แล้วก็ปริญ หาเวลานัดเขาออกมาหน่อย”
“ช่วงนี้ปริญไปมาเก๊า เกรงว่ายังกลับมาไม่ได้สักพักครับ”
ภูผาได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มเยาะพูดขึ้น “นายไปบอกเขา มีน้องๆ เพิ่งมาจากต่างประเทศ ชายหญิงมีหมด ถามเขาว่าจะเอาไหม เชื่อฉันเถอะ เขาต้องกลับมาแน่”
เขารู้จักปริญดีมาก ถูกชนัดพลควบคุมเรื่องเงินทุน ถึงจะไปเล่นการพนันที่มาเก๊าก็ยังมีขอบเขตอยู่ ที่เขามีเหยื่อล่อ เขาต้องรีบกลับมาแน่นอน
ยังไงแล้ว เมื่อเทียบสองสิ่ง สิ่งที่ปริญชอบมากกว่าก็คือเซ็กซ์
วันที่สองหลังจากญาธิดาเซ็นสัญญาฉบับนั้น คุณหมอเธียรชัยเป็นคนติดต่อเธอก่อน กำหนดเวลาผ่าตัด และแจ้งเธอว่าค่าผ่าตัดชำระแล้ว
ไม่คิดว่า ภวินท์จะเริ่มทำตามสัญญาเร็วขนาดนี้
แต่เพราะสัญญาฉบับนั้น มันทำให้เธอนอนหลับไม่สนิทหลายวันติดต่อกัน
สัญญาที่คาดเดาไม่ได้ฉบับนั้น มันเหมือนสัญญาขายตัว มักทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอยู่รางๆ
แต่ทำงานมาหลายวัน ทุกอย่างปกติดี ภวินท์ไม่ได้มาหาเธอ ราวกับไม่มีอะไรแตกต่างจากเมื่อก่อน
เธอแอบผ่อนคลายอย่างช้าๆ หินก้อนใหญ่ที่ทับหัวใจก็หายไปโดยไม่รู้ตัว
เวลาพักผ่อนตอนกลางวัน ญาธิดาและชมพู่มาดื่มกาแฟพลางพูดคุยกันที่ระเบียงเขตพักผ่อน ขณะที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา คลำโทรศัพท์ออกมาดู อัญมณีโทรมา
เพิ่งรับสาย เสียงตื่นเต้นของอัญมณีก็ดังมาจากปลายสาย “ธิดา นี่เธอลืมวันสำคัญของฉันไปแล้วใช่ไหม?”
ญาธิดาอึ้งเล็กน้อย วันสำคัญอะไร?