ดวงใจภวินท์ - บทที่ 220 ไปดูคอนเสิร์ต
ภวินท์หยุดพลิกดูเอกสาร เงยหน้าขึ้น เหลือบมองตั๋วบนโต๊ะ เห็นเวลาและสถานที่ชัดเจนแล้ว ดวงตาก็หนักอึ้งเล็กน้อย
เป็นวันมะรืนตอนเย็น สถานที่คือJC Hall
เขารู้สึกว่า สามารถไปดูได้
จากสำนักงานCEOกลับมาถึงแผนกธุรการ ญาธิดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาอัญมณี “เอาตั๋วไปให้แล้ว เขาบอกว่าจะไป”
ถ้าเธอไม่ส่งข้อความบอกหล่อนสักหน่อย ด้วยนิสัยของอันอัน เกรงว่าจะนั่งไม่เป็นสุขตลอดบ่าย
ยัยคนนี้ ไม่ปิดบังการโหยหาความรักของสาวน้อยเลยสักนิดเดียว ชอบหรือไม่ชอบปรากฏบนใบหน้าอย่างสมบูรณ์
อย่างที่คิดไว้ ตอบกลับมา ด้วยน้ำเสียงแข็งมาก “เขาจะไปไม่ไปฉันไม่สนหรอก!”
จากนั้นก็มีเสียง “ติ๊งๆ” ดังอีกสองที “แต่เธอต้องไป!”
ข้อความสุดท้ายคืออีโมจิยิ้มเจ้าเล่ห์
ญาธิดายกยิ้ม ไม่คิดอะไรมาก ตอบกลับแล้วก็เริ่มทำงาน
และอีกด้านหนึ่ง หลังจากอัญมณีได้รับข้อความจากญาธิดา ก็ส่งข้อความหาธีทัตพี่ชายตัวเอง “พี่ ธิดาบอกว่าเธอจะมาแน่”
หลังจากส่งเรียบร้อยแล้ว ในใจเธอก็รู้สึกเหมือนหักหลังเพื่อนสนิท แต่พอคิดว่าทำแบบนี้เพื่อให้เพื่อนสนิทตัวเองกลายเป็นว่าที่พี่สะใภ้ ก็ทิ้งความรู้สึกผิดทั้งหมดไว้ด้านหลัง
ในพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปสองวัน ตั้งแต่เช้าตรู่ถึงตอนบ่าย ญาธิดาได้รับข้อความเตือนจากอัญมณีหลายข้อความ
ทันทีที่เพิ่งเลิกงาน เธอก็รีบออกจากบริษัท ทานอะไรง่ายๆ สักหน่อย ก็กลับคอนโดไปเปลี่ยนชุด
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วันนี้เป็น “วันสำคัญ” ของอัญมณี เธอต้องสวมชุดเป็นทางการไม่มากก็น้อย
สวมชุดกระโปรงยาวสีครีม ปกคอวีดูสบายๆ เป็นกันเอง เอวกระชับเห็นสัดส่วนร่างกายชัด ปลายกระโปรงกว้าง ทุกย่างก้าวเผยน่องและข้อเท้าเรียวเล็กอันงดงาม ผมดัดลอนเล็กน้อย แต่งหน้าอ่อนๆ มีเสน่ห์
ญาธิดามองตัวเองในกระจก รู้สึกตัวเองไม่เคยเหมือนผู้หญิงขนาดนี้มาก่อน
เธอสวมชุดแบบนี้ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้อัญมณีเสียหน้า
สวมรองเท้าส้นสูงสีชมพูนู้ดคู่หนึ่ง เธอยกยิ้มอย่างพึงพอใจ หยิบกระเป๋ามุกขึ้นมา แล้วก้าวเท้าเดินออกไป
ออกไปอย่างเป็นทางการเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึกเกิดภาพลวงตาเหมือนออกไปเดต แต่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีคู่เดตสักหน่อย เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะตัวเอง
มาถึงJC Hall เป็นเวลาทุ่มครึ่ง คอนเสิร์ตเริ่มอย่างเป็นทางการสองทุ่ม หลังจากญาธิดาเข้าไปในสถานที่จัดงานแล้วหาที่นั่งนั่งลง ส่งข้อความหาอัญมณีสองสามข้อความก็ไม่เห็นตอบกลับ ในใจคิดว่าเธออาจจะยุ่งกับการเตรียมตัวอยู่ เลยไม่ได้ส่งอีก
ผ่านไปไม่นาน ภายในหอประชุมก็มีคนเข้ามาจำนวนไม่น้อย ส่วนมากจะอยู่กันเป็นกลุ่มสองสามคน นั่งด้วยกันกระซิบคุยกันเบาๆ
ในชั่วขณะหนึ่ง ญาธิดารู้สึกว่าตัวเองอ้างว้าง
ใครจะไปรู้ ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นมาไม่กี่วินาที ทางเดินข้างๆ ก็มีเสียงรองเท้าหนังดังขึ้น จากนั้นก็มีคนเดินมาทางเธอ
ญาธิดาหันหน้าไปด้วยจิตใต้สำนึก มองไปทางนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่ม จึงอึ้งเล็กน้อย
“……คุณธีทัต?”
ธีทัตสวมชุดสูทสีเทาอ่อน รูปร่างสูงทันสมัย ทรงผมเหมือนถูกจัดแต่งอย่างเอาใจใส่ เผยให้เห็นหน้าผากอิ่มเรียบเนียน
ธีทัตยกมุมปาก เสียงนุ่มนวลน่าฟังเหมือนเคย “ธิดา มาเร็วจัง”
เดิมทีญาธิดาประหลาดใจนิดหน่อย แต่นึกถึงเขาในฐานะพี่ชายของอัญมณี ก็ต้องมาให้กำลังใจอยู่แล้ว ความสงสัยที่ผุดขึ้นมาในใจก็หายไป
เธอยิ้มสุภาพให้กับเขา เก็บขาให้เขาเดินเข้าไป แล้วพูดเบาๆ “คอนเสิร์ตอันอัน ฉันต้องมาเร็วอยู่แล้วค่ะ”
ธีทัตนั่งข้างๆ เธอ แล้วยิ้มลึกซึ้ง พูดขึ้นเบาๆ “เธอมีเพื่อนอย่างคุณ ดีจังเลย”
ถูกคนชมโดยไม่ทันตั้งตัว ธิดาก็เขินนิดหน่อย ยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้น “เธอก็ดีมากเหมือนกันค่ะ”
เธอกับอัญมณีช่วยเหลือกันตลอด กล่าวได้ว่า หากไม่มีอีกฝ่าย พวกเธอก็คงไม่กลายเป็นตัวเองในวันนี้
ธีทัตพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยถาม “เป็นไงบ้าง ช่วงนี้งานยุ่งไหม?”
“ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ” ญาธิดาเก็บสีหน้า แล้วตอบอย่างถูกจุด “งานไม่ยุ่งเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”
หลังจากเธอเซ็นสัญญาฉบับนั้น ภาระบนบ่าเธอก็ผ่อนคลายขึ้นเยอะ ยังไงแล้วก็ควรขอบคุณภวินท์เหมือนกัน
ธีทัตกำชับอย่างอ่อนโยน “งั้นก็ดีแล้ว ไม่ว่ายังไง ก็ต้องระวังเรื่องสุขภาพด้วย”
ทั้งคู่กำลังคุยกัน ก็ผ่านไปสิบกว่านาทีโดยไม่รู้ตัว เห็นที่นั่งแขกเริ่มเต็มแล้ว ญาธิดาก็หันไปมองที่นั่งว่างด้านขวา รู้สึกกังวลนิดหน่อย
อีกไม่กี่นาทีจะเริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ไม่เห็นร่างพายุเลย เขาบอกแล้วว่าจะมาไม่ใช่เหรอ?
เธอหันไปมองทางเข้าหอประชุมอยู่หลายครั้ง ธีทัตที่นั่งด้านซ้ายเธอก็สังเกตเห็นความผิดปกติ จึงโน้มตัวเข้ามาใกล้เล็กน้อย แล้วถามเบาๆ “กำลังมองหาอะไรเหรอ?”
ญาธิดาหันศีรษะกลับมา ด้วยความกังวลเล็กน้อย พูดขึ้นเบาๆ “มีเพื่อนคนหนึ่งตกลงแล้วว่าจะมา……”
คิ้วเธอลู่ต่ำลง ดูแล้วหดหู่นิดหน่อย
สายตาธีทัตชะงักเล็กน้อย กวาดมองที่นั่งว่างด้านขวาเธอ ไม่รู้ทำไมในหัวสมองจู่ๆ ถึงได้ผุดใบหน้าภวินท์ขึ้นมา
คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง?
เขายกมือขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ เหลืออีกสี่นาทีคอนเสิร์ตเริ่ม ไฟบนเวทีสว่างขึ้นมาแล้ว มีเพียงม่านสีแดงเท่านั้นที่ยังไม่เปิด
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็คงมา”
กลั้นความสงสัยในใจ ธีทัตไม่ถามอะไรมาก และเอื้อมมือออกไปแตะไหล่เธอเบาๆ
ญาธิดาพยักหน้า มองไปข้างหน้า ในใจรู้สึกคาดเดาไม่ได้
รู้งี้น่าจะโทรไปยืนยันกับพายุอีกที ไม่อย่างนั้นถ้าเขาตกลงว่าจะมาแต่ไม่มา เกรงว่าอันอันจะผิดหวัง
และในเวลานี้ ก็มีร่างเพรียวร่างหนึ่งเข้ามาจากทางเข้า กวาดตามองแถวที่นั่ง แล้วเดินมา
ชายหนุ่มมีท่าทางไม่ธรรมดา เดินไปข้างหน้า ก็ดึงดูดผู้ชมสองข้างทางให้มองไปทางเขาโดยไม่รู้ตัว
สายตาเขาจับจ้องไปที่นั่งแถวนั้น เมื่อกวาดตามองไป สายตาก็หยุดลงที่แผ่นหลังผมยาวที่สวมชุดสีครีม มุมปากเขาเพิ่งยกขึ้น แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มที่อยู่อีกด้านของหญิงสาว ดวงตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดทันที
ทำไมเป็นเขา?
คิ้วขมวดแน่นขึ้น ภวินท์เดินไป เมื่อเห็นญาธิดาหันหน้าโน้มตัวไปเล็กน้อย ยิ้มขณะพูดคุยกับธีทัต สีหน้าเขาก็ย่ำแย่อีกครั้ง
“ขอทาง” เขาค่อยๆ เอ่ยปาก พูดกับคนที่อยู่นอกสุดของแถว จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน
ทางด้านนั้น จู่ๆ ญาธิดาก็ได้ยินเสียงคุ้นเคย แผ่นหลังเกร็งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อหันหน้าไป ก็เห็นชายหนุ่มเดินมาทางนี้
ภวินท์……เขามาได้ยังไง?
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายเธอไป เธอยืดตัวตรง ริมฝีปากบางอ้าเล็กน้อย มองเขาด้วยความตกใจ
เขาเอาตั๋วให้พายุชัดๆ นี่หน่า ทำไมคนมาคือเขา?
ไม่รอให้เธอตอบสนอง ภวินท์ก็นั่งลงข้างเธออย่างที่ควรจะเป็น ใบหน้าหล่อคมมีความก้าวร้าว
เธอกัดปาก กดเสียงต่ำพูดขึ้น “ทำไมเป็นคุณ?”
ภวินท์หันข้างเล็กน้อย ถามกลับด้วยเสียงเบาสงบนิ่ง “ทำไมเป็นฉันไม่ได้ล่ะ?”
ญาธิดาขมวดคิ้ว แล้วมองไปทางด้านหลัง “พายุล่ะ?”
เธอบอกอันอันไปแล้วแท้ๆ ว่าเอาตั๋วให้พายุ ใครจะไปรู้ว่าคนที่มากลับเป็นภวินท์ ถึงตอนนั้นถ้าอันอันถามขึ้นมา เธอควรอธิบายอย่างไร?