ดวงใจภวินท์ - บทที่ 239 ทักทายกันหน่อย
ทั้งสองคนอิ่มหนำสำราญ พลังเต็มเปี่ยม จึงเริ่มเดินดูของภายในห้าง
หลังจากเดินไปดูหลายร้าน ก็ไม่มีกระโปรงสั้นแบบที่คิดเอาไว้ สุดท้ายอัญมณีจึงเล็งร้านที่ใหญ่ที่สุดอยู่ใจกลางห้าง พลางดึงญาธิดาให้เดินไปทางนั้น
ญาธิดาเหลือบมองแบรนด์ จึงพูดทักท้วงทันที “อันอัน แบรนด์นั้นแพงมากนะ”
“ไปเดินดูก่อนไง ถ้าถูกใจแล้วค่อยว่ากัน”
อัญมณีพูด พร้อมทั้งดึงเธอเข้ามาด้านใน
ซึ่งเป็นไปตามที่คาดคิดเอาไว้ เมื่อเดินเข้าไปแล้ว เสื้อผ้าในร้านราวกับเกรดสูงขึ้นหลายเท่า เนื้อผ้าสัมผัสยอดเยี่ยม ซึ่งแน่นอนว่าราคาก็สูงขึ้นหลายเท่าตัวกับร้านค้าเหล่านั้นที่ไปดูมาเมื่อครู่
ญาธิดาเดินวนหนึ่งรอบ จนมีตัวที่ชอบอยู่หลายตัว ตอนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับราคานั้น ก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังอยู่ในตำแหน่งไม่ไกลมากนัก “หลายตัวนี่นิวชอบหมดเลยค่ะ แต่มันเยอะมาก นิวกลัวว่าจะใส่ไม่หมด…”
พลันมีเสียงสุขุมของชายหนุ่มดังขึ้น ปะปนด้วยเสียงรอยยิ้มจางๆ “ไม่เป็นไร ซื้อหมดนี่แหละ”
พอได้ยิน ญาธิดาตัวแข็งทื่อ จึงชะเง้อมองตามสัญชาตญาณ ซึ่งก็เห็นภวิน์ คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเขาก็คือนิวรา!
ดูเหมือนว่าเขามาเดินซื้อของเป็นเพื่อนเธอ
หัวใจญาธิดาบีบรัดเล็กน้อย พลันเกิดความรู้สึกเจ็บปวดฉายขึ้นมาในหัวใจ เธอกัดฟัน ความนึกคิดสับสน
ระยะเวลาที่เธอได้พบเจอกับภวินท์เพิ่งผ่านไปสองวันเอง พูดกันตามหลักการแล้วระยะเวลาแค่สองวัน ภวินท์ไม่ควรจะออกจากโรงพยาบาลเร็วขนาดนี้ ทว่าตอนนี้เขากำลังมาเดินซื้อของเป็นเพื่อนนิวรา…
ที่แท้พลังแห่งความรักนั้นมันช่างยิ่งใหญ่มากจริงๆ
ญาธิดากำลังครุ่นคิดอยู่ จู่ๆ อัญมณีก็หยิบกระโปรงสั้นเดินเข้ามาหา “ธิดา แกดูตัวนี้เป็นไงบ้าง?”
เดิมทีเสียงของเธอก็ไม่ใช่เสียงเบาเป็นต้นทุนอยู่แล้ว การออกปากเรียกเช่นนี้ ทางนั้นก็ต้องได้ยินอย่างแน่นอน!
ญาธิดาตัวเกร็งขึ้นทันที พลางหันหลังให้พวกเขาทันควัน และกัดฟันกดเสียงพูด “สวยดีนะ”
การที่ได้พบเจอกับพวกเขาที่นี่ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ประดักประเดิดมากอยู่แล้ว การที่ไม่ต้องเจอหน้ากันถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
ทว่าเรื่องมันกลับพลิกไปในแง่ที่ไม่อยากให้เกิด เสียงอัญมณีที่คอยเรียกเมื่อครู่นี้ ราวกับทำให้ภวินท์และนิวราหันหน้ามามองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
นิวราเห็นญาธิดา แววตาฉายความพอใจออกมาทันควัน และค่อยๆ หายไป พริบตาเดียว เธอก็จูงมือภวินท์ พลันโค้งศีรษะยิ้มให้เล็กน้อย จนแก้มทั้งสองคนมีลักยิ้ม “คนนั้นเหมือนคุณญาธิดาเลยค่ะ!”
ภวินท์ช้อนตามอง จนสายกวาดเรียบเฉยมองเห็นร่างกายของผู้หญิงทางฝั่งนั้น เมื่อเห็นแผ่นหลังของเธอค่อยๆ เกร็งขึ้นเล็กน้อย พลางออกปากรับอย่างไร้ความรู้สึก “อืม”
นิวราจ้องมองใบหน้าภวินท์ที่สีหน้าไร้ความเปลี่ยนแปลง หัวใจเธอดีใจอยู่เงียบๆ ทว่ายังยื่นมือออกไปเพื่อดึงเขาไปทางด้านนั้น “พี่วินขา เราไปทักทายกันหน่อยนะ!”
เธอพูด พร้อมทั้งเกี่ยวแขนภวินท์เอาไว้ และก้าวเท้าเดินมาทางนั้นด้วย
ส่วนทางนี้ อัญมณีสังเกตเห็นสีหน้าญาธิดาที่ผิดปกติ ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม เมื่อเงยหน้าก็เห็นนิวรากับภวินท์เดินมุ่งหน้ามาทางนี้
เธอชะงักทันที พลางอ้าปาก โดยที่ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดี จึงวางเสื้อที่อยู่ในมือทันควัน และคว้ามือญาธิดาให้เตรียมเดินหนี “ธิดาอย่าหันหน้ากลับไป!”
ญาธิดาย่อมชัดเจนถึงสถานการณ์ดี พลันส่งเสียงตอบ จากนั้นเธอก็เร่งฝีเท้าเดินไปอีกทาง
“คุณญาธิดา!”
ทว่าในเวลานั้น กลับมีเสียงผู้หญิงดังชัดเจนดังขึ้น
นิวราลากภวินท์ให้เร่งฝีเท้าตามพวกเธอ พลันเข้ามาดักหน้าพวกเธอเอาไว้ “บังเอิญจริงๆ ค่ะ คุณญาธิดา คุณเองก็มาเลือกเสื้อผ้าเหมือนกันเหรอคะ?”
ญาธิดาเงยหน้ามองนิวรา พลางฝืนพูด “ค่ะ บังเอิญมาก”
เธอมองตรงหน้า แต่กลับรู้สึกว่าภวินท์ที่อยู่ด้านข้างนิวรากำลังจดจ้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย โดยที่สายตาเปิดเผยไม่มีการปิดบัง พลันทำให้เธอไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี
“ช่างบังเอิญมากจริงๆ!” นิวรายิ้มให้ดั่งคนไม่มีพิษมีภัย “ฉันถูกใจกระโปรงหลายตัวมาก แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเลือกตัวไหนดี พี่วินบอกว่าสวยทุกตัว ก็เลยจะซื้อให้หมด ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้วจริงๆ!”
เธอพูด พร้อมทั้งเหลือบตามองภวินท์อย่างตัดพ้อ ซึ่งแสดงให้เห็นความพยายามออดอ้อนของสาวน้อยได้อย่างชัดเจน จากนั้นก็ดึงมือญาธิดาทันที “พอดีเลยได้มาเจอคุณ คุณช่วยเลือกให้ฉันหน่อยสิ…”
ญาธิดาขนหัวลุก แถมยังไร้วิธีการปฏิเสธ พลันมองอัญมณีที่อยู่ด้านข้าง ยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไร ก็ถูกนิวราลากมาอีกฝั่งแล้ว
“คุณดูสิ ตัวนี้ หรือตัวนี้ แถมยังมีหลายตัวเลย คุณคิดว่าตัวไหนสวย?”
ราวแขวนเสื้อทางด้านข้าง ญาธิดามองนิวราที่กำลังเลือกกระโปรงอยู่ จนรู้สึกอึดอัดใจ
เธอเม้มริมฝีปาก ฝืนเรียกพลัง และชี้ไปที่สองตัวหนึ่งในนั้น “สองตัวนี้มันเหมาะลักษณะนิสัยของคุณมากกว่า”
“ใช่มั้ย!” นิวรายิ้มให้เล็กน้อย พร้อมทั้งเห็นด้วย “ฉันก็ชอบสองตัวนี้ที่สุดค่ะ! ต้องให้ผู้หญิงมาเดินช็อปปิ้งด้วยกัน ไม่เหมือนพี่วินนี่…”
เธอพูด ราวกับฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ พลันหยุดทันที และเก็บคำพูดไปทันควันโดยหันมามองและพูดกับเธอ “ธิดา คุณไปลองชุดเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ!”
เธอพูด พร้อมทั้งหยิบกระโปรงสองตัวนั้นมา อีกมือก็ยื่นไปคว้าแขนญาธิดา ทว่าใครเล่าจะรู้มือที่เพิ่งจะสัมผัสมือของเธอ นิวราสะดุดล้ม จนร่างกายเซไปทางด้านข้างทันที
“ว๊าย!”
ญาธิดาไหวพริบดี ซึ่งเห็นกับตาว่าจะมีคนล้ม เธอก็รีบยื่นมือออกไปคว้าทันทีทว่าใครจะรู้ว่าเท้าจะลื่น จนเซล้มตามลง จนร่างกายกระโจนทับลงบนตัวนิวรา
วินาทีนั้น พนักงานในร้านต่างรีบกรูเข้ามาหา ภวินท์ที่อยู่ด้านข้างก็ก้าวเท้ายาวเดินมาทางด้านหน้า เมื่อเห็นผู้หญิงสองคนล้มไปกองอยู่ที่พื้น จนหัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
อัญมณีวิ่งเข้ามาหาอย่างกระหืดกระหอบ เมื่อเห็นมองญาธิดาล้มลงไป พลันฉุดดึงเธอขึ้นมาทันที “ธิดา แกไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
ญาธิดาเพิ่งจะส่ายหน้า ก็เห็นภวินท์ทำหน้าตาเคร่งเครียดเย็นชาพลางประคองนิวราขึ้นมา แถมพูดด้วยน้ำเสียงปะปนความร้อนใจออกมา “นิว บาดเจ็บอะไรมั้ย?”
หน้าตานิวราย่นเข้าหากัน ทำหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ พลันพิงแผงอกของภวินท์อย่างอ่อนโยน น้ำตาคลอเบ้าและส่ายหน้าไปมา “พี่วินขา นิวไม่เป็นไรค่ะ”
พอได้ยิน ราวกับภวินท์ถอนหายใจ ถึงได้ช้อนสายตามองมาทางญาธิดา
หัวใจญาธิดาบีบรัดทันที พลันนำแขนที่เจ็บแสบซุกไว้ทางด้านหลังตามสัญชาตญาณทันที โดยที่ไม่อยากให้เขาเห็นและอ้าปากถามทันที “ฉันไม่เป็นไร คุณนิวราคะ คุณเป็นไงบ้าง?”
เมื่อเห็นหญิงสาวซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของภวิทน์ พลางส่ายหน้าเล็กน้อย และไม่ได้ตอบกลับ จากนั้นก็เงยหน้ามองภวินท์ และพูดจาด้วยเสียงทุกข์ใจ “พี่วินคะนิวไม่ค่อยสบาย…”
ณ เวลานั้น หัวคิ้วภวินท์ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นัยน์ตาปลุกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งอีกชั้น พลางเหลือบมองญาธิดาอย่างเย็นชา และคอยๆ โค้งตัวอุ้มนิวราขึ้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง “พี่จะพาเธอออกไป”
พูดจบ เขาก็ก้าวฝีเท้า โดยที่อุ้มนิวราออกไป โดยทิ้งความเย็นเฉียบที่ขยายเป็นวงกว้างไว้ทางเบื้องหลัง
หัวใจญาธิดาหดตัว และไม่สามารถพูดตอบโตอะไรได้ในเวลานั้น
อัญมณีที่อยู่ด้านข้างทนต่อไปไม่ไหวจนต้องพูดออกมา “ธิดา สีหน้าภวินท์หมายความว่ายังไง? ทำไมดูแล้วมันมีความหมายว่ากำลังโทษแกอยู่ล่ะ?”
ญาธิดาได้สติกลับมา จึงคลี่มุมปากด้วยความรู้สึกขื่นขม
ใช่ไหมล่ะ ลักษณะท่าทางของภวินท์เมื่อกี้นี้ แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเป็นการกล่าวโทษเธอ คล้ายว่ารู้สึกเป็นเพราะว่าเธอ ถึงทำให้นิวราล้ม
“ช่างเถอะ” ญาธิดาคลี่ยิ้มให้อัญมณี “เรากลับกันเถอะ”
เดิมทีอัญมณีอยากจะพูดอะไรค่อ ทว่าเห็นว่าญาธิดาไม่ค่อยอยากจะพูดต่ออีกแล้ว ทำได้เพียงกลืนคำพูดที่ติดปากลงท้องไป “ได้สิ ไม่มีอารมณ์จะช็อปปิ้งต่อแล้วแหละ กลับกันเถอะ”
เธอพูด พร้อมทั้งยื่นมือออกมาเกี่ยวแขนของญาธิดา ทว่าใครเล่าจะรู้ญาธิดาหดมือไปอีกทางตามสัญชาตญาณ
เธอก้มศีรษะลงมา ถึงได้พบว่า ท่อนแขนญาธิดาและบริเวณข้อศอกมีแผลถลอกเป็นวงกว้าง!