ดวงใจภวินท์ - บทที่ 248 ถือว่าเป็นเกียรติของเขา
อัญมณีที่อยู่อีกฝั่งไม่มีท่าทีลังเลสักนิด จึงอ้าปากพูดตอบกล้าหาญชาญชัย “อย่าพูดว่าช่วยสักครั้งเลย สิบครั้งฉันก็ยอมช่วย!”
ญาธิดายิ้มให้ พลันพูดเสียงแผ่วเบา “แกช่วยไปที่คอนโดของฉันได้มั้ย ช่วยเอาเสื้อผ้าหลายๆ ชุดมาให้ฉันเปลี่ยนที”
ถ้าเธอมาโรงพยาบาล ยังไงก็ต้องผ่านคอนโดแน่ อีกทั้งตอนที่เธอเพิ่งย้ายเข้าบ้านนั้น เธอก็ได้ให้กุญแจสำรองไว้ที่อัญมณีหนึ่งดอก
อัญมณีตอบรับอย่างไม่มีการลังเลสักนิด “ได้สิ แกจะเอาอะไรบ้าง จดมาให้ชัดเจนเลย อีกเดี๋ยวฉันจะเอาไปให้แกเอง”
รอจนวางสายเรียบร้อยแล้ว อัญมณีก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมตัวออกจากบ้าน
เธอเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเธอลงบันไดมา และเดินมายังห้องรับแขก ก็เห็นธีทัตกำลังนั่งอยู่หน้าโซฟา ซึ่งกำลังนั่งจิบชาและอ่านนิตยสารไปพร้อมกัน
เมื่อเห็นว่าเธอรีบหยิบของอย่างร้อนรน เขาเลิกคิ้วขึ้น และอ้าปากถามทันที “จะออกไปไหน?”
เมื่อเห็นว่าแววตาพี่ชายออกอาการถามไถ่ อัญมณีกลอกตามองบน ในใจก็พอจะเดาได้ถึงความหมายที่อยู่ในคำพูดของเขา เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเป็นมั่นเป็นเหมาะ “กลางวันแสกๆ ฉันไม่ไปผับหรอกค่ะ”
“งั้นแกจะไปทำอะไร?”
ชายหนุ่มวางแก้วที่อยู่ในมือด้วยท่วงท่าสง่างาม แววตาอันสดใสคอยจ้องมองเธอ ไม่ได้แสดงอำนาจ แต่กลับสื่อความกดดันออกมาอย่างไร้รูปลักษณ์
อัญมณีถอนหายใจอย่างหมดคำพูด ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เกิดเรื่องขึ้นในร้านเหล้า ธีทัตเข้มงวดเธอยิ่งกว่าการจองจำนักโทษ
อัญมณีเดินมาถึงทางเข้าประตูและกำลังเปลี่ยนรองเท้า จากนั้นก็หลุดปากพูดออกมา “ฉันจะไปดูธิดาหน่อย ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาล…”
เมื่อได้ยินคำว่า “ธิดา” แววตาธีทัตชะงักเล็กน้อย วินาทีต่อมาก็วางนิตยสารที่อยู่ในมือลงทางด้านข้าง จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินไปหาเธอ “เกิดอะไรขึ้นกับธิดา?”
อัญมณีมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของพี่ชายตนเอง จึงพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ “เธอไม่ได้เป็นไรค่ะ พ่อเธอต่างหากที่นอนอยู่โรงพยาบาล ฉันจะไปคอนโดจะไปเอาของและเอาไปส่งให้เธอ เลยว่าจะแวะไปหาเธอกับคุณลุงด้วย”
เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาเช่นนี้ ธีทัตถอนหายใจโล่งอกไปที จากนั้นก็พูดออกมาทันที “พี่จะไปกับแกด้วย”
อัญมณียกมุมปาก เดิมอยากจะแกล้งหยอกเย้าพี่ชายตัวเองอีกหลายประโยค แต่พอมองเวลาก็สายพอตัวแล้ว จึงโยนกุญแจรถให้เขา “จะไปก็รีบหน่อย พี่ขับรถนะ!”
หลังจากนั้นห้านาที ทั้งสองคนขึ้นรถ และมุ่งหน้าไปยังคอนโดเล็กๆ ของญาธิดาทันที
หลังจากนั้นสี่สิบนาที พวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาล และเดินมาถึงหน้าลิฟต์ ธีทัตอ้าปากถามไถ่ “พ่อของธิดาเป็นอะไรเหรอ?”
“โรคหัวใจแหละ เหมือนว่าเพิ่งจะผ่านการผ่าตัดมา ก่อนหน้านี้เคยได้ยินธิดาเอ่ยถึง และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อาการเป็นยังไงแล้วค่ะ”
อัญมณีมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของพี่ชายตนเอง จึงพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ “เธอไม่ได้เป็นไรค่ะ พ่อเธอต่างหากที่นอนอยู่โรงพยาบาล ฉันจะไปคอนโดจะไปเอาของและเอาไปส่งให้เธอ เลยว่าจะแวะไปหาเธอกับคุณลุงด้วย”
ทั้งสองคนถามไถ่รายละเอียดกันไปมาอยู่หลายประโยค และเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วยอย่างไม่รู้ตัว
“ธิดา!”
ประตูห้องพักผู้ป่วยเปิดแง้มอยู่ พริบตาเดียวอัญมณีก็เห็นเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายวัน จนตื่นเต้นจนทนไม่ไหว และวิ่งเหยาะๆ เข้าไปด้านใน เมื่อเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย จังหวะที่เธอเห็นดร.ยติภัทรกำลังนอนหลับสนิทที่อยู่บนเตียง จึงหุบปากลงทันที และฉีกยิ้มให้ญาธิดาและคุณปภาวีอย่างเคอะเขิน
เมื่อมองมาทางอัญมณี ปภาวีก็เข้ามาต้อนรับปภาวีอย่างกระตือรือร้น พร้อมทั้งทักทายเธอเสียงแผ่วเบา “อันอันมาแล้วเหรอ”
ญาธิดายิ้มให้ เมื่อเห็นว่าเธอถือตะกร้าผลไม้และนมอยู่ในมือเธอ พลันตกตะลึงตอนที่กำลังจะอ้าปากถามว่าเธอลืมเอาเสื้อผ้าของเธอมาหรือเปล่า ใครจะไปรู้ว่าเวลานั้นเอง กลับมีร่างกายสูงโปร่งเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย
“ทัต…”
“ธิดา” ธีทัตยกมุมปากคลี่ยิ้มให้ ราวกับความอบอุ่นของลมพัดในฤดูใบไม้ผลิเขานำถุงที่อยู่ในมือวางไว้ด้านข้าง พลางกระซิบพูดอย่างแผ่วเบา “นี่คือเสื้อผ้าที่อันอันเป็นคนไปเอามาให้คุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ญาธิดาพูด พร้อมทั้งเหล่ตามองดร.ยติภัทรที่นอนอยู่บนเตียง พลันกระซิบพูด “พวกเราออกไปคุยข้างนอกกันเถอะค่ะ”
ซึ่งตอนนี้ยติภัทรต้องการพักฟื้น โดยปกติจะนอนเยอะมาก จู่ๆ ภายในห้องมีคนเพิ่มอีกสองคน เธอเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเขา
อัญมณีกับธีทัตเข้าใจทันที จึงเดินตามเธอออกไป ปภาวีก็เดินตามออกไป พร้อมทั้งทักทายธีทัตอย่างสนิทสนม “ทัต ไม่เจอกันเสียนานนะ”
ธีทัตโค้งตัวให้เธอตามมารยาท จากนั้นก็อ้าปากพูด “ไม่ได้เจอกันนานนะครับคุณป้า ตอนนี้สุขภาพร่างกายเป็นไงบ้างครับ?”
ปภาวีประทับใจธีทัตมาก ยิ้มไม่หุบปาก จึงตอบกลับทันควัน “สบายดีจ๊ะ”
พวกเขาทักทายกันอย่างถูกคอ อัญมณีที่อยู่ด้านข้างอดทนไม่ไหวจนต้องสอบถามญาธิดาออกมาทันที “ธิดา เกิดอะไรขึ้นกับคุณลุงเหรอ รู้สึกว่าเขาอ่อนแอมาก…ไหนพูดว่าผ่าตัดแล้วไง?”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันกระซิบพูดทันควัน “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยพ่อได้รับผลกระทบกระเทือนจากจิตใจ ดังนั้นอาการจึงส่อไปในทางที่ไม่ดีนัก ดังนั้นตอนนี้ฉันก็คอยเฝ้าอยู่ข้างเขาอยู่ตลอดเวลา”
อัญมณีได้ยิน พลางถอนหายใจทันที จึงเหลือบมองเตียงคนป่วยที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก จึงอ้าปากถามไถ่ด้วยความวิตกกังวล “งั้นตอนกลางคืนแกกับคุณป้านอนที่ไหนล่ะ?”
ญาธิดากัดริมฝีปากเอาไว้ พลันพูดอย่างลังเล “ก็นอนบนเก้าอี้ในห้องคนป่วยนั่นแหละ บ้างก็บนเก้าอี้ตรงทางเดิน”
หลายวันติด เธอไม่เคยนอนหลับเต็มตาเลยจริงๆ แต่จะอยู่ข้างกายบิดาเพื่อดูแลเขาให้ดีๆ เมื่อเห็นว่าเขาค่อยๆ ดีขึ้น เธอก็อิ่มเอมใจมากแล้ว
อัญมณีพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ฉันก็ว่าอยู่ว่าทำไมดูแกซีดเซียวลงมาก น่าสงสารชะมัดเลย…”
ธีทัตที่ยืนอยู่ข้างกายเธอได้ยินดังนั้น แววตาเหลือบมองต่ำ จังหวะที่เห็นใต้ตาญาธิดาเริ่มช้ำเป็นจ้ำ จึงปวดใจอย่างทนไม่ได้
เมื่อลังเลอยู่สักพัก เขาจึงควานหาโทรศัพท์ออกมา เพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคน “ขอโทษที พวกคุณคุยกันไปนะ ผมขอออกไปโทรศัพท์สักครู่”
เขาพูด พร้อมทั้งกุมโทรศัพท์และหันตัวเดินจากไป
คุณปภาวีที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจทันที จากนั้นก็ดึงอัญมณีมาคุย “ป้าอยากจะให้ธิดากลับไปพัก แต่เธอก็ไม่ฟัง อันอัน หนูช่วยป้ากล่อมเธอทีสิ!”
โดยที่ไม่รอให้อัญมณีพูดอะไรออกมา ญาธิดาก็รีบฉวยพูดก่อน น้ำเสียงหนักแน่น “แม่ ตอนนี้พ่ออยู่ในสภาพแบบนี้ ถึงแม้ให้หนูกลับไป หนูก็ไม่วางใจอยู่ดี…”
เมื่อเธอพูดจบ บรรยากาศที่อยู่โดยรอบก็เงียบสนิท
สิ่งที่เธอก็ไม่ผิด อาการของยติภัทรในเวลานี้ยังไม่ค่อยทรงตัวสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเธอกลับไปแล้วจริงๆ เกรงว่าใจตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่ดี
“ช่างเถอะ” ปภาวีโบกมือไปมา จนต้องหายใจออกมา จากนั้นก็ย่างฝีเท้าเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
เมื่อเห็นปภาวีเดินจากไป ในที่สุดอัญมณีก็อ้าปาก และเริ่มกระซิบพูดเกลี้ยกล่อม“ธิดา แกก็อย่าเหนื่อยเกินเหตุ ต้องรักษาสุขภาพไว้ด้วย”
“ฉันรู้น่า วางใจเถอะ”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ไม่กี่ประโยค ธีทัตถึงได้หันหลังเดินกลับมา ผ่านไปไม่นาน ก็มีพยาบาลสองคนเดินเข้ามา ในมือยกเตียงพับมาให้หนึ่งอัน
ธีทัตเดินเข้าหา และรับสิ่งของมาจากพวกเขา พร้อมทั้งกระซิบเสียงแผ่วเบา “ส่งให้ผมก็พอแล้วครับ”
ญาธิดากับอัญมณีที่อยู่ด้านข้างต่างตกตะลึงเล็กน้อย โดยที่ยังไม่ทันสติทัน ก็เห็นเขาหิ้วของชิ้นนั้นเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยแล้ว
ญาธิดารีบเข้าไปหาทันที “เอ่อนี่คือ…”
ธีทัตยกมุมปากยิ้มให้ น้ำเสียงคำพูดคำจาอ่อนโยน “ผมมีเพื่อนคนหนึ่งทำงานอยู่ในโรงพยาบาลนี้ ผมก็เลยให้เขาหาเตียงพับมาให้หนึ่งอัน วางเอาไว้ในห้องพักผู้ป่วย ตอนกลางคืนพวกคุณก็สามารถนอนพักได้”
พูดจบ เขาก็ย้ายเตียงพับเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย และจัดการเอาเตียงวางชิดกับหน้าต่างจรดพื้น พร้อมทั้งจัดการดึงเตียงพับออกมาอย่างคล่องแคล่ว
ญาธิดาจ้องมองเขาที่เสกเตียงขึ้นมาต่อหน้าต่อตาเธอราวกับเป็นนักมายากล และจัดการดึงผ้าปูเตียงออกมาปูให้ได้อย่างคล่องแคล่ว ท่ามกลางเวลาตกใจนั้น รู้สึกถึงความอ่อนโยนเพิ่มพูนขึ้นในหัวใจ
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ธีทัตก็ลุกขึ้น จากนั้นหันไปมองญาธิดาและปภาวีพลางกระซิบพูด “มีเตียงให้เอนหลังนอนได้อย่างสบายแล้ว แค่อันนี้มันดูคับแคบเกิน ไว้วันอื่นผมจะหาที่กว้างกว่านี้มาให้ครับ”
ปภาวีที่แสดงอาการตกใจอยู่ด้านข้าง จึงรีบพูดทันควัน “ดีมากจริงๆ เลย ทัต ขอบใจนะ!”
ธีทัตยกมุมปากคลี่ยิ้มให้ และพูดด้วยความอ่อนโยน “ไม่เป็นไรครับ”
พูดจบ สายตาของเขา ก็หันไปมองดวงตาดำขลับของญาธิดา และยิ้มให้เธอเล็กน้อย
การที่ได้ช่วยเหลือญาธิดา นี่ถือว่าเป็นเกียรติของเขา