ดวงใจภวินท์ - บทที่ 259 คนที่ช่วยตระกูลวรโชติได้มีเพียงเขา
ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ข่าวที่บริษัทวรโชติลงไม้ลงมือกับแรงงานที่มาเรียกร้องสิทธิก็รายงานลงในพาดหัวสื่อใหญ่ๆ แล้ว
การกระทำเล็กน้อยมีผลกระทบรุนแรง บนโลกอินเทอร์เน็ตระเบิดความวุ่นวายขึ้น ชาวเน็ตทั้งหมดแทบจะมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ดำเนินการประท้วงต่อบริษัทวรโชติแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวพัฒนาไปยังทิศทางที่ย่ำแย่ที่สุด ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทวรโชติใช้กำลังที่มีทั้งหมดออกไป สูญเงินไปไม่น้อย ตั้งแต่ต้นจนจบโทรศัพท์โทรมาไม่หยุด แต่สถานการณ์การวิจารณ์ในอินเทอร์เน็ตเพียงแต่จะเพิ่มไม่มีลด แม้กระทั่งขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งของการค้นหาในเมืองJ
“ไม่ได้เรื่อง!”
ร่างกายของชนัดพลสั่นทันที เขามองปริญที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอย่างเข้มงวดก็หวังให้เขาได้ดี นิ้วมือสั่นเทาอยากจะทิ่มหน้าผากเขาจนใจแทบขาด
“ฉันมีแกเป็นลูกที่เลวทรามทำให้ผิดหวังขนาดนี้ได้ยังไง!”
เขากำชับเขาเป็นพิเศษว่าอย่าวู่วามเป็นอันขาด ขอเพียงจ่ายเงินนิดหน่อยกดสถานการณ์ลงไป เรื่องนี้ก็สามารถปกปิดไปได้ แต่นึกไม่ถึง ปริญจะพาคนมาทรมานแบบนี้ เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณชนในที่สุด ชื่อเสียงของบริษัทวรโชติพังทลายเป็นไม่เหลือสิ้นดีทันที
ปริญคุกเข่าอยู่บนพื้น สีหน้าดูแย่ และไม่กล้าพูดอะไรมาก สุดท้าย เขาทนไม่ไหว เอ่ยปากพูดแบบโกรธเคืองพอสมควร “พ่อครับ ผมทำเพื่อบริษัท พ่อไม่รู้ว่าแรงงานพวกนั้นว่าพวกเราอย่างไร!”
“ขาดความอดทนเรื่องเล็กๆ ทำเสียการใหญ่!” ชนัดพลคว้าเอกสารบนโต๊ะด้านข้างขึ้น โยนเข้าไปทางเขาแบบทั้งโกรธทั้งเกลียด “หลักการอันนี้ยังไม่เข้าใจ เสียแรงที่อยู่ข้างกายฉันมานานหลายปีขนาดนี้!”
ปริญก็รู้ว่าครั้งนี้ตนเองทำผิดพลาดใหญ่เข้าแล้ว เขารู้สึกแย่อยู่พักหนึ่ง กัดฟันแล้ว ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก
“วันนี้ไม่มีคำสั่งของฉัน แกคุกเข่าอยู่ที่นี่ ห้ามลุกขึ้น!”
ชนัดพลสั่งการไปด้วยน้ำเสียงทุ้มและเย็นยะเยือก ก้าวเท้าออกอยากจะเดินไปข้างนอก
“พ่อครับ นี่คือที่บริษัท!” สีหน้าปริญเปลี่ยนไปมาก “พ่ออยากให้ผมขายขี้หน้าจริงเหรอครับ!”
ให้เขาคุกเข่าที่ห้องทำงานของตนเอง นี่ถ้าพนักงานในบริษัทมาเห็นเข้า มันจะเป็นอย่างไรกัน!
ชนัดพลโมโหเดือดดาลจริง โมโหจนกัดฟันแน่น “ถ้าแกยังเห็นฉันคนนี้เป็นพ่อ! ก็คุกเข่าไปแบบซื่อฟังให้ฉัน!”
ปริญเห็นเขาเอาจริงเอาจัง รู้ว่าพูดอีกก็ไม่มีประโยชน์ จึงได้แต่เงียบนิ่งไม่พูดไม่จา
ชนัดพลก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอก พลางพูดพึมพำกับตนเองพูดอย่างขุ่นเคือง “เทียบกับภวินท์ไม่ได้ถึงหนึ่งในสิบจริงๆ!”
เสียงของเขาไม่ถือว่าดัง แต่ปริญที่คุกเข่าอยู่ในห้องกลับได้ยินชัดแจ๋ว ครู่เดียว ในสายตาชายหนุ่มมีแสงอึมครึมเย็นเฉียบแวบผ่าน มือที่ห้อยอยู่ข้างตัวค่อยๆ กุมหมัดแน่น
ภวินท์ ภวินท์ ภวินท์อีกแล้ว!
ตั้งแต่เด็กจนโต พอมีเรื่องอะไร ชนัดพลมักจะเอาเขาไปเปรียบเทียบกับภวินท์ แต่ไหนแต่ไรการมีตัวตนของภวินท์คือสิ่งที่เรียกว่า“ลูกดีเด่นของบ้านอื่น” ส่วนเขา ในสายตาของชนัดพล เหมือนไม่ใช่ใครทั้งนั้น
ชั่วพริบตาเดียวไฟโกรธส่วนนี้แผ่ซ่านเข้าจิตใจของเขาแล้ว ปริญโกรธจนกัดฟันแน่น
สถานการณ์ระหว่างเขากับภวินท์ คงซับซ้อนเพิ่มมากแล้ว ต้องมีสักวัน เขาจะทำให้ภวินท์ล้มตรงแทบเท้าเขาแน่ ลุกอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้น
พอชนัดพลออกจากห้องทำงานของปริญไป ก็รีบกลับไปที่หน้าโต๊ะทำงานของตนเอง ต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่ง
ไม่นาน โทรศัพท์สายนั้นมีเสียงผู้หญิงที่ใสแจ๋วหวานชื่นลอยมา “พ่อคะ ทำไมถึงโทรหาหนูกะทันหันคะ?”
ก็คือเสียงของนิวรา
ชนัดพลกระแอมสองทีอย่างกระอักกระอ่วนพอสมควร จากนั้นถามเสียงเบาๆ ว่า “แกอ่านข่าวแล้วหรือยัง?”
นิวราในสายนั้นตะลึง ในน้ำเสียงมีความลังเลระดับหนึ่ง “อ่านแล้วค่ะ พ่อ……”
“นิว เวลานี้มีแค่แกที่ช่วยตระกูลวรโชติได้!”
“หนู?” นิวรารู้สึกสับสน “ช่วยอย่างไรคะ?”
ตั้งแต่เด็กจนโต ชนัดพลคุยเรื่องที่บ้านกับเธอจริงจังขนาดนี้น้อยครั้งมากๆ เธอรู้สึกว่าแปลก และไม่สบายใจระดับหนึ่ง
“สถานการณ์ในตอนนี้ ครอบครัวเราใช้เวลาอีกไม่นานคงต้องแย่แล้ว!” กั้นด้วยโทรศัพท์ ชนัดพลพูดด้วยน้ำเสียงนักหน่วง “นิว พ่ออยากให้แกไปคุยกับภวินท์สักหน่อย เวลานี้คนที่สามารถดึงบริษัทวรโชติไว้ได้ ก็มีเพียงเขาแล้ว!”
พูดแบบนี้ออกมา นิวราเข้าใจความหมายของบิดาเธอทันที เธอกัดริมฝีปาก ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร
ถึงแม้เธอกับภวินท์คิดจะหมั้นหมายกัน ถึงตอนนั้นตระกูลวรโชติกับตระกูลสถิรานนท์ก็เป็นญาติกัน แต่ว่าตอนนี้เธอเป็นเพียงแฟนของภวินท์เท่านั้น ขอร้องให้ช่วยเหลือแบบนี้ ยังจะล่วงเกินไปอยู่บ้าง
เห็นนิวราไม่พูดจาตั้งนาน ชนัดพลกระแอมเบาๆ “นิว ถ้าแกไม่สะดวก งั้นถือเสียว่าพ่อไม่ได้พูดอะไร”
นิวราสูดหายใจลึก ตอบว่า “พ่อคะ หนูจะลองดูแล้วกันค่ะ”
เรื่องของตระกูลวรโชติก็คือเรื่องของเธอ เวลานี้ ถ้าเธอไม่ช่วย รอให้ตระกูลวรโชติเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ แล้ว เธอก็ไม่ได้รู้สึกดีหรอก
ในสายโทรศัพท์นั้นมีเสียงตื่นเต้นอยู่บ้างของชนัดพลลอยมา “ดี ดี นิว ไม่เสียแรงที่พ่อเลี้ยงแกมา”
วางสายโทรศัพท์ลง ถือว่าเขาหายใจยาวๆ ได้สักที
ถึงแม้ตั้งแต่เริ่มแรกเขาจะไม่เคยให้ความสนใจกับลูกสาวคนนี้ แต่ถึงเวลาแบบนี้ ควรใช้ประโยชน์ก็ต้องใช้ประโยชน์
อีกด้านหนึ่ง นิวราคิดไปคิดมา ไม่ได้รีบขยับตัวทันที ปัจจุบันนี้เรื่องราวเพิ่งเกิดขึ้น คำวิพากษ์วิจารณ์ในอินเทอร์เน็ตยังวุ่นวายต่อเนื่อง ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ยังไม่ถึงหนึ่งวัน เธอไปหาภวินท์แบบนี้ กลับเห็นได้ชัดว่าตระกูลวรโชติไร้ความสามารถเหลือเกิน
ยิ่งไปกว่านั้น เวลายังไม่เช้าเท่าไร ถึงเธอไป ก็ไม่สามารถไปมือเปล่าได้
เมื่อกำชับแม่บ้านในบ้านต้มซุปบำรุงหม้อหนึ่ง ช่วงเช้าวันต่อมา ใกล้เวลาอาหารเที่ยง นิวราตั้งใจแต่งตัว ถึงนำซุปที่ตุ๋นสิบกว่าชั่วโมงและกับข้าวรสเลิศมุ่งหน้าไปยังSTN Group
สำนักงานCEOของ STN Group ภวินท์กำลังยุ่งอยู่ พลิกอ่านสัญญาฉบับหนึ่งในมือ มีคนเคาะประตูห้องดังขึ้น “คุณภวินท์”
พายุเข้ามา รายงานว่า “คุณนิวมาครับ บอกว่าอยากพบคุณ”
พอได้ยิน ภวินท์เงยหน้าเล็กน้อย นิ่งแล้ว พูดเสียงผ่อนคลาย “ให้หล่อนไปที่ห้องรับแขกด้านข้างก่อน ฉันจะตามไป”
“ครับ”
มองเอกสารกองหนาบนโต๊ะ ภวินท์ยกมือกดๆ ระหว่างคิ้ว ดื่มกาแฟอึกหนึ่ง ลุกขึ้นก้าวเท้าเดินไปข้างนอก
เดินมาถึงห้องรับแขก เพิ่งเปิดประตูออก ก็มีภาพคนอ่อนช้อยงดงามใส่ชุดสีเหลืองอ่อนกระโจนเข้ามา “พี่วิน!”
พายุถอยไปแบบไม่ทิ้งร่องรอย ถือโอกาสปิดประตูด้วยเลย
ภวินท์ก้มหน้า มองเห็นหญิงสาวที่ใบหน้างดงาม ความตึงเครียดและเย็นชาบนหน้าอ่อนโยนลงระดับหนึ่ง เขาโอบเอวจองเธอไว้ ถามว่า “วันนี้ทำไมถึงคิดว่ามาบริษัท?”
นิวราได้ยิน บุ้ยปากทำท่าทางน้อยใจ “พี่ยังกล้าถามมาอีก พี่ไม่มาหานิวกี่วันแล้วล่ะ?”
ภวินท์วาดรอยยิ้มขึ้นจางๆ “ช่วงนี้งานยุ่งมาก ทำงานช่วงนี้เสร็จ จะตั้งใจอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
นิวราหัวเราะเบาๆ ดึงเขาเดินไปทางโซฟา “นี่ก็พอได้”
ทั้งสองคนนั่งลงบนโซฟา เธอเปิดกล่องเก็บความร้อนแต่ละอันนอกมาอย่างอดใจไม่ไหว “ฉันกลัวพี่ยุ่งจนไม่ได้กินข้าวดีๆ วันนี้เลยตั้งใจให้แม่บ้านทำกับข้าวที่พี่ชอบกินเอาเข้ามาให้ แล้วกินด้วยกันกับพี่!”
ภวินท์ได้ยิน ความเหนื่อยล้าระหว่างคิ้วหายไประดับหนึ่ง “ขอบใจ”
ช่วงนี้เรื่องราวในบริษัทเยอะมากจริงๆ นิวราเข้ามา กลับทำให้เขาผ่อนคลายได้ช่วงสั้นๆ
นิวรารู้จักรสปากของเขาดีมาก กับข้าวก็เป็นของที่สั่งแม่บ้านให้ทำเป็นพิเศษ รสชาติดีมาก ภวินท์กินไปไม่น้อย
นิวราตักซุปปลิงทะเลถ้วยหนึ่ง ยื่นให้เขาพูดว่า “ซุปนี้นิวให้แม่บ้านตุ๋นไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น พี่รีบชิมดู”
ภวินท์ชิมไปคำหนึ่ง ยกปากเล็กน้อย “อืม อร่อยมาก”
นิวราเห็นแบบนี้ แอบโล่งอกไปทีหนึ่ง รู้สึกว่าเวลาก็พอเหมาะแล้ว จึงเก็บกล่องอาหารด้านข้างไปด้วย พลางถอนหายใจยาวๆ
ภวินท์สังเกตได้ หันหน้ามองทางเธอเล็กน้อย ถามเสียงเบาๆ “นิว เป็นอะไรแล้ว?”