ดวงใจภวินท์ - บทที่ 279 ใครให้เอกสิทธิ์กับคุณ
บทที่ 279 ใครให้เอกสิทธิ์กับคุณ
เมื่อเห็นญาธิดาไม่ยอมพูด ธีทัตก็ไม่ถามอะไรมากมาย เขาดื่มน้ำนิดหน่อย รู้สึกหนักที่ศีรษะ ตอนแรกจะพักครู่หนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าพอเอนตัวลงปิดตาก็หลับเลย
ญาธิดาก็เฝ้าอยู่ข้างๆ มองดูชายหนุ่มบนเตียงนอนหลับอย่างอบอุ่น ก็แอบโล่งใจ
เดิมเรื่องวันนี้ก็มากพอแล้ว เจ็บปวดแบบนี้ เธอยิ่งไม่สามารถดูแลเรื่องอื่นในตอนนี้ได้
และเธอแอบเข้าไปRambler Clubhouseในครั้งนี้ เพื่อไปหาภวินท์ถามเรื่องแผนธุรกิจให้ชัดเจน แต่พอเป็นแบบนี้ ดูเหมือนทุกอย่างจะคว้าน้ำเหลว
เธอไม่รู้ว่า ผู้ชายที่เธอนึกถึงคนนี้ อีกด้านหนึ่ง อาจจะรู้ทุกอย่างหมดแล้ว
ภวินท์อยู่ในห้องตรวจสอบ ดูภาพที่เคลื่อนไหวบนหน้าจอ คิ้วขมวดแน่น
เมื่อRambler Clubhouseได้เกิดเหตุ รถพยาบาลก็มาถึง ไม่นานข่าวนี้ก็กระจายไปทุกห้อง เดิมเขาก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่งพายุมารายงานสถานการณ์กับเขา เขาถึงรู้ว่าตัวละครหลักเรื่องนี้เป็นหล่อนกับธีทัต
พอได้ยินสองชื่อนี้ จู่ ๆเขาก็รู้สึกอารมณ์ไม่เป็นปกติ มุ่งทำความเข้าใจถึงที่ไปที่มาของเรื่องนี้ทันที แต่พนักงานของ Rambler Clubhouseก็พูดไม่ชัดเจน จนสุดท้าย เขาได้แต่วิ่งไปที่ห้องตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดด้วยตาเขาเอง
กล้องวรปิดถ่ายภาพประตูทางเข้าห้องน้ำชั้นหกทางทิศตะวันตกได้ชัดเจน ตั้งแต่ที่ญาธิดาเข้าไปแอบ จนถึงตอนสุดท้ายที่ธีทัตถูกคนตีด้วยขวดเหล้า วิดีโอท่อนนี้ เขาดูกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ
เกิดอะไรขึ้นกับเรื่องนี้ เขาก็พอจะรู้แล้ว
กัดฟัน เขาขมวดคิ้ว ยื่นมือใหญ่ๆไปแตะไปผู้ชายที่อยู่บนหน้าจอ พูดน้ำเสียงเย็นๆว่า “ คนพวกนี้ จะต้องจับให้ได้”
เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาไม่ได้
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ต้องลงมือกับญาธิดา ยังทำร้ายคนอีก หลังจากนั้นค่อยให้พวกเขาหนีไป ถือว่าRambler Clubhouseเป็นอาณาเขตของพวกเขาเองเหรอ
เมื่อพายุได้ยิน รีบตอบรับว่า “ ครับ คุณภวินท์”
ภวินท์จ้องที่หน้าจอ ภาพกะพริบ ตัดไปที่กล้องวงจรปิดที่ประตูทางเข้า ในกล้องวงจรปิด ญาธิดากำลังประคองธีทัต น้ำตาซึม ดูแล้วน่าสงสารจริงๆ
ภวินท์รู้สึกไม่ดี จู่ ๆในหัวก็นึกถึงภาพหนึ่ง ก่อนหน้านี้เตอนที่ขาประสบอุบัติเหตุรถที่ชั้นใต้ดิน ญาธิดาก็เป็นแบบนี้ ไม่คิดว่า พอเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่น เธอก็ประหม่าเหมือนเดิม
ประหม่าแบบนี้ กังวลใจ ลนลาน สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่แค่สำหรับเขาอยู่ดี
ตอนนั้น อารมณ์โกรธเพิ่มมากขึ้น ภวินท์ขมวดคิ้ว กำมือไว้แน่น
เมื่อออกมาจากห้องตรวจสอบ เขามองไปที่พายุที่อยู่ข้างๆ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นๆว่า “ วันนี้ญาธิดาโทรศัพท์หานายใช่ไหม”
พายุอึ้งไปชั่วครู่ พยักหน้าพูดว่า “ เธอถามผมถึงที่ที่คุณอยู่ ผมเลยแจ้งว่าอยู่ที่นี่ตอนแรกคิดว่าเธอคงไม่มา ไม่คิดว่าจะแอบเข้ามาจริงๆ”
ภวินท์หรี่ตาเล็กน้อย
เสื้อของญาธิดาที่อยู่ในภาพกล้องวงจรปิดเมื่อกี้ แต่เขาเห็นได้ชัดเจนว่า มันคือชุดทำงานของบริกรRambler Clubhouse คาดไม่ถึงว่า เธอจะกล้าขนาดนี้ กล้าดียังไงแอบเข้าด้วยวิธีนี้
เมื่อปิดตาลง ภาพผู้หญิงที่น้ำตาไหลกำลังประคองธีทัตก็ปรากฏตรงหน้า ภวินท์ขมวดคิ้ว สุดท้ายเกิดความลังเลในใจ จึงออกคำสั่งว่า “ ส่งคนไปตามหากลุ่มชายที่ลงมือทำร้าย ตอนนี้กลับบ้านพัก ”
พายุนิ่งไปพักหนึ่งและถามว่า “ จะไปดูคุณญาธิดาที่โรงพยาบาลไหมครับ”
เสียงของชายหนุ่มที่มีน้ำเสียงเย็นชาเอ่ยว่า “ ไม่ไป”
เธอไปโรงพยาบาลกับผู้ชายคนอื่น เขาจะไปเป็นก้างขวางคอได้ยังไงละ
หาความทุกข์ใส่ตัว แต่ไหนแต่ไรไม่ใช่รูปแบบการทำงานของเขา
วันต่อมา แสงแดดส่องเข้ามาที่หัวเตียงของห้องพักผู้ป่วย แสงระเรื่อได้ส่องมาบนใบหน้าของญาธิดา ส่องแสงให้กับใบหน้าของเธอพอดี
เธอฟุบอยู่บนขอบเตียง มีเสื้อปิดคลุมอยู่บนตัว โผล่แต่หน้าเล็กๆใสๆ นอนหลับสบาย
ธีทัตรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนั้น ทันใดนั้น ก็รู้สึกใจอ่อนเล็กน้อย
เขาที่กำลังมองดูใบหน้าของหญิงสาว แค่รู้สึกว่าอยากดูต่อไปเรื่อยเรื่อย ดูยังไงก็ดูไม่พอ
ผู้หญิงที่กำลังหลับฝันเหมือนจะรับรู้ถึงแววตาของเขา ขยับร่างกาย ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
เมื่อเห็นธีทัต เธอก็ตื่นในทันที รีบลุกขึ้นมา “ คุณ……ตื่นแล้วเหรอ”
ธีทัตยิ้มอ่อนๆที่มุมปาก สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ อืม เพิ่งตื่น”
เมื่อโดนมองด้วยสายตาเขามองแบบนั้นก็รู้สึกเขินเล็กน้อย ญาธิดารีบขยี้ตา “ ฉันจะไปตามคุณหมอมาดูอาการคุณสักหน่อย”
ผ่านไปหนึ่งคืน ถ้าธีทัตไม่มีอาการอะไร ก็กลับไปรักษาที่บ้านได้
เมื่อคุณหมอมา หลังจากที่ตรวจดูคร่าวๆ ก็กำชับว่า “ ค่าทั้งหมดเป็นปกติ กลับไปรักษาต่อที่บ้านได้ สามวันหลังจากนี้อย่าลืมกลับมาตรวจอีกครั้ง หลังจากนั้นห้าวันมาตัดไหมออก ”
เมื่อได้ยินคุณหมอพูดแบบนี้ ญาธิดาก็แอบโล่งใจ รอให้คุณหมอกลับไป เธอจึงรีบพูดว่า “คุณทัต ให้ฉันไปส่งคุณเถอะ หรือจะโทรศัพท์หาอันอัน…….”
“ ไม่เป็นไร ผมให้ลูกน้องมารับละกัน”
เขาเพิ่งจะพูดจบ จู่ ๆโทรศัพท์ของญาธิดาก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นลูกเกดโทรเข้ามา ญาธิดาจึงไม่ลังเล รับโทรศัพท์ทันที
“ คุณญาธิดา คุณอยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่มาบริษัทอีกละ คุณภวินท์มาถึงบริษัทก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมง เห็นคุณไม่อยู่ ดูเหมือนจะโกรธมาก”
เมื่อได้ยิน ญาธิดารู้สึกเครียด
เธอเพิ่งตื่นนอน ลืมเรื่องที่จะไปทำงานสนิทเลย
“ ฉัน……..ฉันกำลังไป”
หลังจากที่พูดสองสามประโยคก็วางสาย ญาธิดามองธีทัตด้วยความรู้สึกลำบากใจ ยังไม่ทันรอให้เธอเอ่ยปากพูดอะไร ธีทัตเหมือนจะรู้ความคิดทุกอย่างของเธอ “ คุณรีบไปเถอะ ตรงนี้ฉันไม่มีอะไรแล้ว”
ขณะที่พูด เขายังหันไปทำสัญญาณให้เธอมองไปที่โต๊ะข้างเตียง “ ฉันให้ลูกน้องไปซื้อเสื้อผ้ามาให้ก่อน ให้เธอเปลี่ยน แล้วค่อยไปบริษัทน่าจะทันแหละ”
เมื่อญาธิดาได้ยิน จึงเห็นถุงใส่ของวางอยู่ข้างๆ เธอรู้สึกอบอุ่น รู้สึกซาบซึ้งเกินที่จะบรรยายออกมา
ธีทัตคนนั้นเป็นคนละเอียดที่สุด พิจารณาถึงความเหมาะสมของทุกเรื่อง
ญาธิดารู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะขอบคุณ แต่ก็ไม่เสแสร้ง หลังจากที่บอกลาธีทัตแล้ว ก็ไปห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า รีบไปบริษัท
หลังจากที่ถึงบริษัท เธอก็มาสายไปหนึ่งชั่วโมง
เมื่อถึงสำนักงานCEO ลูกเกด ก็รีบเข้ามาหา ชูนิ้วและค่อยๆชี้ไปทางห้องสำนักงาน “ คุณภวินท์บอกว่าถ้าคุณมาแล้วให้ไปหาเขาที่ห้องทำงาน”
ญาธิดาที่เพิ่งจะรู้สึกวางใจก็ถามขึ้นมาอีกว่า “ เขาบอกไหมเพราะอะไร”
ลูกเกดส่ายหน้าแบบเห็นอกเห็นใจ “ ไม่มี คุณรีบไปเถอะ”
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ กัดฟัน เดินไปข้างหน้าเคาะประตู ได้ยินเสียงตอบรับจากข้างในถึงจะผลักประตูเข้าไป
ตอนที่ญิดาเดินเข้าไป ภวินท์กำลังก้มหน้าอ่านเอกสาร เมื่อได้ยินเสียง เขาทำงานต่อโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
ญาธิดาเดินไปยืนอยู่หน้าโต๊ะ รอให้เขาเอ่ยปากพูด
แต่ว่าผ่านไปสามนาทีแล้ว ชายหนุ่มยังคงไม่มีทีท่าจะเงยหน้าขึ้นมา ราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน
รออีกพักหนึ่ง ญาธิดาเห็นเอกสารชุดนั้นที่อยู่ในมือเขาเปิดถึงหน้าสุดท้าย เธอจึงกัดฟัน เอ่ยปากพูดก่อนว่า “ คุณภวินท์”
เมื่อภวินท์ได้ยิน ขมวดคิ้ว มองเธออย่างเย็นชา ปิดเอกสารที่อยู่ในมือ
สายตาของเขาเหลือบไปเห็นเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ สีหน้าเคร่งขรึม ปากที่ปิดแน่นก็เริ่มขยับ “ ญาธิดา ใครให้เอกสิทธิ์กับเธอที่ไม่ต้องมาทำงาน”
ธีทัตเหรอ
เพื่อจะดูแลผู้ชายและขาดงาน เธอก็ไม่กลัวว่าจะตกงานใช่ไหม