ดวงใจภวินท์ - บทที่ 283 ไปรับที่สนามบิน
เมื่อเธอเดินไปที่ประตูออฟฟิศ เธอก็ยกมือขึ้นเคาะประตู เธอผลักประตูเพื่อรายงาน “คุณภวินท์คะ คุณนิวมาแล้ว”
ชายหนุ่มนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน สีหน้าเขาไม่ค่อยดีนัก เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา “อืม ให้เธอเข้ามา”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็หันกลับมาก็เห็นว่านิวราก้าวไปข้างหน้าแล้วยิ้มให้เธอ และเดินตรงเข้าไปในออฟฟิศ
ประตูปิดลง บดบังสายตาของญาธิดา เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติ แล้วหันไปทางอื่น
ในออฟฟิศ นิวราก้าวไปข้างหน้า ดูไม่ค่อยสบายใจนัก
ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นิวมาได้ยังไง”
นิวราตาแดงไปหมด “ที่จริงนิวก็ไม่ได้อยากมา ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้พี่ แต่พอได้เห็นข่าวเมื่อเช้านี้ นิวนั่งนิ่งไม่ไหวจริงๆ…”
มีข่าวลือเกี่ยวกับภวินท์และดาราสาวแพรวา เธอจะวางใจลงได้ยังไง
เธอลังเลว่าจะมาดีไหมตั้งแต่เช้า สุดท้ายก็มา อย่างแรกก็คืออยากจะรู้ให้ชัดไปเลยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแพรวากับภวินท์ อีกอย่างคือจะมาดูว่าญาธิดาได้เล่าเรื่องของเธอไปหรือเปล่า
“พี่วิน ในข่าวไม่จริงใช่ไหม”
ภวินท์รู้สึกกระสับกระส่ายในใจ เขายกมือกุมขมับ เสียงเข้มขึ้น “นิว จริงหรือไม่จริง เธอไม่ได้รู้อยู่แก่ใจเหรอ”
เขาเงยหน้าขึ้นมอง “หรือนิวก็เชื่อข่าวพวกนั้น”
เพราะว่าสายตาที่ดูดุดันของเขา นิวราก็รู้สึกเย็นวาบที่หลัง เธอรีบก้าวไปข้างหน้าเอื้อมมือไปคว้าแขนของภวินท์ “พี่วิน นิวแค่คิดมากเกินไป ไม่ได้ไม่เชื่อพี่นะคะ…”
พูดไป เธอก็น้ำตานอง ดูน่าสงสารมาก
ภวินท์ก็ใจอ่อนลง เอื้อมมือไปจับมือเธอ แล้วพูดว่า “พี่ไม่ได้จะว่าเธอ อย่าคิดมากนะ”
นิวราสูดจมูกแล้วเอามือโอบแขนของเขาไว้แน่น สักพักก็พูดเบาๆว่า “นิวรู้ค่ะพี่วิน ฉันแค่อยากช่วยแบ่งเบาภาระพี่ด้วย…”
ภวินท์พูดอย่างอ่อนโยน “นิวอยู่ให้สบายแหละดีแล้ว เดี๋ยวพี่จัดการเรื่องในบริษัทเสร็จ พี่จะมาอยู่ด้วยนะ”
นิวรายิ้มแล้วถามว่า “โอเค นิวจะเชื่อฟังพี่ งั้นคืนนี้ไปกินข้าวด้วยกันได้ไหมคะ”
“คืนนี้มีนัดกินข้าวน่ะ”
“แล้วคืนพรุ่งนี้ล่ะคะ”
ภวินท์ขมวดคิ้ว เงียบไปครู่หนึ่ง “พ่อของพี่จะกลับมาคืนพรุ่งนี้ พี่ต้องไปรับเขา”
เมื่อนิวราได้ยินแบบนั้น ตาก็ลุกวาวขึ้นมา พูดอย่างดีใจปนประหลาดใจ “พรุ่งนี้คุณลุงจะกลับมาเหรอคะ ถ้างั้นนิวจะไปด้วย”
การกลับมาของพ่อภวินท์เป็นโอกาสดีสำหรับนิวรา เดิมพวกเขาก็วางแผนหมั้นกันแล้ว ถ้าพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายได้เจอกัน เรื่องแต่งงานก็ง่ายขึ้นเยอะ!
ได้ยินแบบนั้น ภวินท์ก็ไม่ลังเลใจและบอกไปตรงๆ ว่า “อย่าเพิ่งเลย ให้พวกเขาพักผ่อนกันสักหน่อย ค่อยหาเวลาเจอกันอีกทีดีกว่า”
นิวราได้ยินก็ผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังเชื่อฟังเขา “ก็ได้ค่ะ นิวตามใจพี่”
เธอเข้าใจดีกว่าถแธอยืนกรานที่จะไปด้วย อาจจะทำให้เรื่องกลับตาลปัตรก็ได้ ดังนั้นยังไงถอยก่อนแล้วก็ค่อยหาทางอื่นดีกว่า
ยังไงซะ เธอจะต้องหาทางทำให้พ่อแม่ได้พบกับครอบครัวของภวินท์ ต่อให้ไม่มีโอกาส เธอก็ต้องสร้างสถานการณ์ให้ได้เจอ!
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ทันทีที่ตลาดหุ้นเปิด หุ้นของSTNก็ตกลงไม่หยุด
ตอนที่สื่อต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตกำลังสนุกปากกันอยู่นั้น ภวินท์ก็ตอบรับการสัมภาษณ์ “แผนงานความร่วมมือระหว่าง STN Group กับไทเฮงกรุ๊ปรั่วไหล ส่งผลให้ข้อมูลสำคัญถูกเปิดเผย แม้ว่าการร่วมมือครั้งนี้ของSTNและไทเฮงกรุ๊ปจะยังไม่ได้บรรลุ แต่ความสัมพันธ์ของเรายังคงเหนียวแน่น เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสเป็นคู่ค้าในอนาคตอย่างแน่นอน”
นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงเรื่องอื้อฉาวออนไลน์เกี่ยวกับเขากับแพรวาด้วย ชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง และยังขอโทษทุกคน “ผมขอโทษที่ปัญหาส่วนตัวของผมครั้งนี้สร้างความวุ่นวายให้กับสังคม ผมตอบทุกข้อสงสัยและข้อกังหาที่นี่เพียงที่เดียว และจะไม่ตอบโด้อะไรอีก นอกจากนี้ ถ้ายังมีเรื่องหรือข่าวคราวอะไรที่ไม่เป็นจริงออกมาอีก ผมจะให้ทนายความจัดการในนามของ STNGroup”
คำพูดคราวนี้ปิดปากคนได้จำนวนมาก ทั้งยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ทั้งเป็นการตักเตือนคนที่ตั้งใจปล่อยข่าวลือเสียๆหายๆ กู้หน้าให้ STN กลับมาได้ไม่น้อยเลย
แล้วก็เป็นเพราะการสัมภาษณ์ ตลาดหุ้นที่ตกลงของ STN group ถึงได้ชะลอลง
แต่ STN ก็ได้รับความเสียหายมหาศาลอยู่ดี ทำให้กลับมาดีเหมือนเดิมในเวลาอันสั้นนั้นเป็นไปไม่ได้
ขณะที่สถานการณ์กำลังชะลอตัว คนในSTNทั้งคนใหญ่คนโตหรือพนักงานก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในช่วงบ่าย ภวินท์เรียกประชุมแผนกฉุกเฉิน ญาธิดากับลูกเกดต่างก็เฝ้าอยู่ด้านนอก
ลูกเกดง่วงเล็กน้อยจึงหาเรื่องคุยกับญาธิดา “ฉันไม่เห็นคุณพายุเลยตั้งแต่สัมภาษณ์เมื่อเช้า ทำไมเขาถึงไม่อยู่เหรอ”
ญาธิดาตอบ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันแสดงการกุศลของอันอัน พายุไม่อยู่ ต้องเป็นเพราะว่าเขาไปหาอันอันที่เมืองYแน่ๆ
เมื่อคิดแบบนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา
ลูกเกดที่อยู่ข้าง ๆขยี้ตา “ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ต้องมาทำโอทีหรือเปล่าเนอะ สองวันนี้เหนื่อยมากเลย”
ญาธิดายิ้ม ได้ยินเสียงจากห้องประชุม ยกมือขึ้นแล้วตบไหล่ผู้ช่วยหลิวเบา ๆ “ทนอีกนิดนะคะ ดูเหมือนการประชุมจะจบลงแล้วล่ะ”
ทันทีที่ได้ยินว่าการประชุมจบ ลูกเกดก็พยักหน้าและร่าเริงขึ้นทันที
ไม่นานประตูห้องประชุมก็เปิดออก หัวหน้าของแต่ละแผนกก็ออกมาทีละคน เมื่อเห็นพี่แนนจากฝ่ายธุรการ ญาธิดาก็ยิ้มทักทายเธอเงียบๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องประชุม และเริ่มเก็บของ..
ภวินท์นั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม ยังไม่ออกไป มองขึ้นก็เห็นญาธิดาเดินมา แล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้น “ไม่ต้องเก็บแล้ว คุณเก็บของ เดี๋ยวออกไปกับผมหน่อย”
ญาธิดาอ้าปากค้าง “ฉันหรือ โอเคค่ะ…”
เธอไม่ค่อยออกไปข้างนอกกับภวินท์ เป็นพายุที่ทำอะไรแบบนี้ ครั้งนี้พายุไม่อยู่ เขาต้องพาใครสักคนไปด้วย เวลาเขาต้องการ ออกไปข้างนอก
ญาธิดาเดินกลับเก็บของ แล้วเติมแป้งก่อนจะออกไปกับภวินท์
ขึ้นรถแล้ว ญาธิดาก็ไม่ถามอะไรมาก จนเธอสังเกตว่ารถกำลังมุ่งหน้าไปยังชานเมือง เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมองชายที่อยู่ข้างๆ เธอถาม “คุณภวินท์ เรา จะ…ไปไหนกัน”
นึกว่าภวินท์จะไปนัดเข้าสังคมแต่ดูท่านี้แล้วไม่น่าจะใช่
ชายหนุ่มที่กำลังอ่านเอกสารอยู่ได้ยินเสียงนั้นจึงค่อย ๆ หันหน้าไปมองเธอ ตาของเขาปกติไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไร “ไปรับพ่อของฉันที่สนามบิน”
ญาธิดาพูดด้วยความประหลาดใจ “ห้ะ”
เมื่อได้ยินว่าจะไปเจอพ่อของภวินท์ เธอก็ประหม่าเล็กน้อย
ภวินท์เห็นกิริยาไม่ปกติของเธอก็ถามว่า “เป็นอะไรไป”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำเป็นใจเย็น “ไม่มีอะไรค่ะ”
หลังจากคุยกันไม่กี่คำ ในรถก็เงียบลงอีกครั้ง ญาธิดาบีบมือแน่นโดยไม่รู้ตัว
ความประหม่าแบบนี้เหมือนจะคล้ายกับความประหม่าที่ได้เจอพ่อแม่แฟน แต่จู่ๆ ญาธิดาก็สงบลง รู้ดีว่าตอนนี้เธอเป็นใคร ความคิดพวกนี้ก็ค่อยๆ หายไป
เธอเป็นแค่เลขาของภวินท์เท่านั้นแล้วจะตื่นเต้นไปทำไม
เมื่อคิดแบบนี้ ความตึงเครียดในใจก็หายไปในทันใด
บนถนนรถค่อนข้างติด ตอนที่รถมาถึงสนามบินก็ดึกแล้ว ภวินท์รีบเดินไปที่ทางออกและโทรศัพท์ไปหาพ่อของเขา
ไม่นานก็มีคนรับสาย เสียงของภูผาก็ดังขึ้นจากปลายสายพร้อมด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้ม “พี่ ผมไปรับพ่อกับแม่มาแล้ว ตอนนี้กำลังจะกลับบ้าน”