ดวงใจภวินท์ - บทที่ 293 พวกเราไม่ได้เป็นแฟนกัน
บทที่ 293 พวกเราไม่ได้เป็นแฟนกัน
ญาธิดาหยุดฝีเท้า แล้วหันมามองเขา
เห็นเพียงภวินท์ที่เลิกคิ้วอยู่ เหลือบมองที่โต๊ะ แล้วกระแอมเบาๆ “ไหนๆ ก็มา มากินด้วยกันเลยสิ”
ญาธิดาก็มองดู บนโต๊ะมีอาหารอยู่เยอะมาก กลิ่นอาหารกระจายไปทั่วห้อง ท้องของเธอก็ร้องครวญครางอย่างควบคุมไม่ได้ “จ๊อก จ๊อก”
เธอหน้าแดง ไม่รู้ว่าจะตกลงดีหรือไม่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นดวงตาสีดำลึกของชายหนุ่ม เธอทำได้แค่ตอบรับ
หลุยส์พิงกำแพง มองดูคนสองคนที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยความสนใจ กระแอมเบาๆ แล้วพูดติดตลกด้วยรอยยิ้มว่า “แหม่วิน แกนี่ทำหน้าซื่อเก่งจังนะ ที่บ้านให้ฉันซื้ออาหารมาเพิ่ม ที่แท้ก็เพราะ…”
ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ สายตาเยือกเย็นของภวินท์ก็หันไปหาเขาทันที เขาหุบปากทันทีพร้อมกับขยิบตาแบบมีเลศนัย
ภวินท์ขมวดคิ้ว “นายออกไปเลย”
“วิน นายเนี่ยนะ ใจร้ายจริงๆ…”
หลุยส์พูดด้วยรอยยิ้ม ถึงปากจะบอกว่าไม่ยอม แต่เขาก็รีบเดินออกไปทันที
ประตูห้องปิดลง บรรยากาศในห้องก็เงียบลง
เมื่อเห็นภวินท์วางตะเกียบไว้ข้าง ๆ เธอก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินไปนั่งข้าง ๆแล้วเริ่มกินโดยไม่ละสายตาจากไปอาหารเลย
อาจเป็นเพราะคำพูดของหลุยส์ เมื่อครู่นี้ทำให้ญาธิดารู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอก้มหน้ากินข้าวและไม่เงยหน้าขึ้นมองเลย
ภวินท์กินไปสองสามคำก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของญาธิดา เขาขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองเธอ เขาเผลอยิ้ม
ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนโง่ขนาดนี้มาก่อน บอกให้กินข้าวเธอก็มุ่งกินแต่ข้าว แก้มของเธอเป็นสีชมพู เธอดูเขินอายและทำตัวไม่ถูก
“ญาธิดา” ภวินท์เลิกคิ้ว “ทำไมไม่กินกับด้วย”
ได้ยินแบบนั้น ญาธิดาก็เงยหน้าขึ้น “…ฉันกำลังกิน”
เธอพูดพลาง คีบผักยัดเข้าไปในปากของเธอ
จู่ๆ ภวินท์ก็หัวเราะออกมาเบาๆ สีหน้าเย็นชาของเขาหายไปเยอะเลย
ญาธิดาทำหน้างง “หัวเราะอะไร ฉันเป็นอะไร”
จู่ๆ ภวินท์ก็เอื้อมมือออกไป มือเรียวสวยยกคางเธอขึ้นเล็กน้อย นิ้วโป้งลูบไล้เบาๆที่ริมฝีปากล่าง เก็บเม็ดข้าวจากมุมริมฝีปากของเธอออกไป
จากนั้น เสียงของเขาก็ดังขึ้น “กินไม่ห่วงสวยเลยแฮะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็เอามือกลับ
ขณะนั้นเอง ญาธิดาก็รู้สึกเพียงว่ามุมริมฝีปากร้อนขึ้น เหมือนโดนเหล็กร้อนประทับลงเลย ร้อนๆชาๆไปทั้งตัว
น่าอายจัง!
ไม่นาน เธอก็กลับมามีสติอีกครั้ง แล้ววางกล่องอาหารลงอย่างรวดเร็ว เอื้อมมือไปหาทิชชูในกระเป๋า
ตอนนั้นเอง ภวินท์ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย “เอานี่”
พูดพลาง เขาก็หยิบกระดาษทิชชูสองแผ่นแล้วยื่นมา
เธอยังไม่ทันรับมา ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วมีคนเดินเข้ามา เป็นพยาบาลที่เปลี่ยนยาวันนี้ “มาเช็กห้องหน่อยนะคะ”
พอเธอเห็นภาพในห้องก็ยิ้มเล็กๆทันที แล้วพูดกึ่งติดตลกว่า “ก็ว่าทำไมห้องข้างๆไม่มีคน ที่แท้ก็มาอยู่ห้องของคุณแฟนนี่เองนะคะ!”
เธอพูดพลาง กะพริบตาให้ญาธิดา “งั้นไม่รบกวนแล้วนะคะ”
แก้มของญาธิดาก็ร้อนผ่าว หายใจเข้าลึกๆ พวกเรา…ไม่ใช่แฟนกันค่ะ”
หลังจากอึ้งไป เธอก็ยิ้มๆ “งั้นก็… ขอโทษนะคะ ฉันคิดว่า…”
ญาธิดายิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ”
จู่ๆ สายตาของพยาบาลก็ดูงุนงงขึ้น เธอก็ยิ้มอย่างเคอะเขิน แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ญาธิดาแอบถอนหายใจโล่งอก โดนคนอื่นเข้าใจผิดตลอดเลยเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเขา เขาต้องไม่สบายใจแน่
ทันทีที่เธอหันหน้าไป เธอก็เห็นว่าใบหน้าของชายหนุ่มดูหงอยเล็กน้อย เธอสูดหายใจเข้า “ฉันอธิบายให้เธอฟังแล้ว คราวหน้าเธอคงจะไม่พูดอะไรอีกแล้วล่ะค่ะ”
แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ภวินท์ฟังเธออธิบายจบ หน้าเขาก็ยิ่งบูดบึ้งกว่าเดิม เขาไม่พูดอะไร หยิบแก้วน้ำข้างๆ แล้วดื่มน้ำไม่ได้พูดอะไร
เมื่อมองดูท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของชายหนุ่ม ญาธิดาก็คิดไม่ตก แต่ก็ไม่กล้าถาม ทำได้แค่รีบกินอาหารในมือ
เหมือนว่าตอนนี้บรรยากาศในห้องวังเวงขึ้นเยอะเลย ญาธิดารีบกินข้าวเสร็จก็รีบเช็ดปาก “กินเสร็จแล้วค่ะ ฉันกลับก่อนนะคะ”
เห็นว่าภวินท์ไม่พูดอะไร ญาธิดาหันกลับจะเดินจากไป แต่ทันทีที่ก้าวไป ก็มีใครบางคนมาคว้าข้อมือเธอไว้
ภวินท์พูดอย่างเย็นชาว่า “ต่อจากนี้ไป ในตอนที่อยู่ที่นี่ อาหารสามมื้อเธอต้องมากินที่นี่”
ญาธิดาแปลกใจ “ทำไมกันคะ”
กฎเกณฑ์อะไรเนี่ย
ภวินท์พูดเบาๆ “ไม่มีอะไรนี่ คุณช่วยรับแส้ไว้ให้ผม อาหารแค่นี้ผมเลี้ยงได้สบายมาก”
พูดเสร็จแล้วเขาก็ปล่อยมือเธอ
หลังจากญาธิดาจากไป หลุยส์ก็กลับเข้ามา ยืนที่ปลายเตียงแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยว่า “วิน ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ”
“นอกจากเรื่องซุบซิบอะไรทำนองนี้แล้วเนี่ย นายยังคิดเรื่องอื่นได้อีกไหม” ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”
“กำลังจับตาดูพวกนั้นอยู่ ช่วงนี้การเคลื่อนไหวของพวกเขาน่าสงสัย ไม่รู้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวอะไร”
ภวินท์น้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย “ตามดูต่อไป ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไร”
หลุยส์หมุนไฟแช็กเล่นอยู่ในมือ พูดเสียงทุ้ม “ใช่แล้ว ฝั่งด้านนายก็ต้องระวังตัวให้ดี พ่อนายกลับมาครั้งนี้ เกรงว่าจะไม่ใช่แค่เรื่องที่บริษัทมีปัญหานะ ระวังไว้ก่อนเถอะ แล้วก็ยังมีภูผานั่นอีก ระวังเขาด้วย”
ภวินท์แววตาจริงจัง “เข้าใจแล้ว”
เขารู้ดีว่าถ้าหากอำนาจของเขาใน STN ถูกแบ่งออกไป ต่อไปเขาก็จะทำอะไรได้ไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้ว
นอกจากนี้ยังมีภูผา เขารู้มานานแล้วว่าเขาอยากได้ตำแหน่งรองประธานบริษัทมานานแล้ว แต่ถึงแม้เขาจะได้นั่งตำแหน่งจริงๆ เขาก็ไม่กลัว
สักพัก หลุยส์ก็ข้ามาถามว่า “ฉันถามมากเรื่องหนึ่งนะ เรื่องแผนงานของบริษัทของนายที่รั่วไหล ไม่เกี่ยวกับคุณญาธิดาจริงๆหรอ”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ภวินท์ก็ปฏิเสธ “ไม่ใช่เธอ”
สัญชาตญาณของเขาบอกว่าไม่ใช่เธอ
แต่อีกคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะใช่
“โอเค ใจนายรู้ดีก็พอละ ฉันไปก่อนนะ มีอะไรก็โทรมาละกัน” หลุยส์มองออกไปนอกหน้าต่าง “ได้ยินว่าคืนนี้ฝนจะตกหนัก ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ไปก่อนล่ะ”
ภวินท์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วมองเขาจากไป แล้วก็เห็นหน้าจอมือถือกะพริบอยู่พอดี เมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากนิวรา เขาก็ปิดจอ ไม่รับสาย
อีกฝั่งของสาย นิวรามองสายที่วางไป ในใจก็ร้อนรนนิดหน่อย แต่ไม่คิดอะไรมาก รีบไปที่ห้องครัว นำซุปรีบไปบ้านเก่าของครอบครัวสถิรานนท์
ไม่ตอบข้อความ ไม่รับสาย เธอจะบ้าตายอยู่แล้ว! ช่วงนี้ภวินท์มีท่าทีต่อเธอไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน หรือว่าเขาจะรู้เรื่องที่เธอทำกันนะ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้น รีบเร่งชยินที่ขับรถอยู่ “ขับเร็วๆเลย!”
ช่วงนี้ เธอต้องระวังตัวตลอดเวลา มิฉะนั้นจะโดนนังผู้หญิงญาธิดาคนนั้นใช้ประโยชน์จากเธอ จะมาเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้ว!