ดวงใจภวินท์ - บทที่ 294 การหมั้นเป็นโมฆะ
บทที่ 294 การหมั้นเป็นโมฆะ
เมื่อมาถึงบ้านเก่าของครอบครัวสถิรานนท์ ทันทีที่เข้าประตูมานิวราก็เห็นมรกตนั่งอยู่บนโซฟา
มรกตเห็นแบบนั้น ก็ยิ้มและลุกขึ้นทักทาย “นิว มาแล้วเหรอจ้ะ!”
นิวรารีบยิ้มแป้มเดินไปข้างหน้าทันที “คุณน้า วันนี้นิวทำซุปมาจากบ้าน ตั้งใจจะเอามาให้พี่วินค่ะ. .”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของมรกตก็เปลี่ยนไป เธอขยับริมฝีปากและพูดว่า “วิน เขา…”
หัวใจของนิวราว้าวุ่น รีบถามว่า “เขาทำไมเหรอคะ”
มรกตถอนหายใจเบาๆ “เขาออกไปแล้ว ไม่ได้อยู่บ้านจ่ะ”
“อะไรนะคะ” นิวราเบิกตากว้าง “เขายังบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
“เห้อ กรณ์ให้คุณญาธิดาออกจากบ้านเราแล้วไปพักฟื้นที่โรงพยาบาล ก็เพื่อตัวเธอเอง ไม่รู้ว่าเรื่องไปเข้าหูวินเขาได้ยังไง คิดว่าเราใจร้ายกับเธอ เขาโกรธแล้วก็ออกไปด้วยน่ะสิ”
พูดพลางชำเลืองมองดูหน้าซีดของนิวรา แล้วพูดต่อว่า “เขาน่าจะไปหาเลขานั่นแหละ ทั้งสายทั้งข้อความก็ไม่รับไม่ตอบเลย น้าล่ะกังวลแทบบ้า!”
นิวราขยับริมฝีปาก พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ เธอกัดฟันพูดด้วยรอยยิ้ม“พี่วินก็ไม่รับสายนิว เขาโกรธนิวด้วยเหรอคะ”
มรกตแสร้งทำเป็นแปลกใจ “เป็นไปได้ยังไงกันนะ เธอเป็นแฟนเขานะ เวลาแบบนี้ทำไมเขาถึงไม่ติดต่อหนูล่ะ”
ทันใดนั้นหน้าของนิวราก็บูดบึ้งขึ้น ครู่หนึ่ง ดวงตาของเธอก็แดง น้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย “น้าคะ น้าคิดว่าพี่วินจะไม่ชอบหนูแล้วหรือเปล่าคะ ช่วงนี้เขาสนิทกับเลขาคนนั้นมากเลย หนูรู้เรื่องความสัมพันธ์เมื่อก่อนของพวกเขา แต่ว่าก็จบกันไปแล้ว ทำไมถึงยังไม่ขาดกันอีกนะ…”
เธอพูดพลาง น้ำตาก็ไหลลงเป็นสาย มรกตเห็นแบบนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง
ทันใดนั้น เมื่อเห็นร่างที่ปรากฏขึ้นตรงปลายบันได เธอก็ขึ้นเสียงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เห้อ ฉันว่าวินน่าจะหลงกลเลขาคนนั้นแล้วมากกว่านะ หนูกับเขารู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว เขาไม่มีทางทิ้งหนูไปหาผู้หญิงคนนั้นหรอก!”
นิวราร้องไห้หนัก “พี่วินบอกว่าจะหมั้นกับหนูแล้ว แต่ตอนนี้ดันไปพัวพันกับผู้หญิงคนอื่น หนูเสียใจมากเลยค่ะ…”
ขณะนั้นเอง เสียงเย็นชาก็ดังขึ้น “ไปพัวพันกับใครกัน”
นิวราตกใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปกรณ์ใบหน้าจริงจัง เขายืนอยู่ตรงปลายบันได ถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือ หน้าเขียวปั๊ด
นิวราสูดน้ำมูกแล้วพูดอย่างน้อยใจว่า “คุณลุงคะ หนูโทรหาพี่วินเขาก็ไม่รับสายตอนนี้เขายังใกล้ชิดกับคุณญาธิดาอีก หนูกลัวว่าการหมั้นของเราสองคนจะเป็นโมฆะไป…”
“ใครบอกว่าโมฆะ!” ปกรณ์ไม่พอใจ “ถ้าฉันยังอยู่ เขาจะกล้าปฏิเสธเหรอ!”
เขาพูดพลางเดินไปหานิวรา “เธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันเห็นมาตั้งแต่เด็ก ฐานะที่บ้านก็รู้ๆกัน เธอกับวินก็เข้ากันได้ดี ในเมื่อเขาขอเธอแล้ว ก็ต้องทำตามที่พูด ฉันไม่มีทางให้ผู้หญิงคนอื่นที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเหยียบเข้ามาในตระกูลแน่!”
หลังจากพูดเสร็จ นิวราก็ดีใจมาก แต่บนใบหน้าก็ยังมีคราบน้ำตา “คุณลุงคะได้ยินแบบนี้หนูก็วางใจขึ้นแล้วล่ะค่ะ”
ปกรณ์พยักหน้าเล็กน้อย “เอาล่ะ ผิง คุณปลอบนิวเถอะ นี่ก็สายแล้ว เดี๋ยวให้คนไปส่งเธอกลับบ้านด้วย ส่วนเจ้าพวกนั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปหาด้วยตัวเอง!”
มรกตได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าทันที พานิวราไปนั่งที่โซฟา ให้เธอดื่มชาร้อน ผ่อนคลายอารมณ์สักหน่อย
นิวราเหลือบมองดูเวลา “คุณน้าสายมากแล้ว หนูควรกลับไปดีกว่า”
มรกตลุกขึ้นพาเธอไปที่ประตู โบกมือลาเธอ “ถึงบ้านแล้วบอกน้าด้วยนะ น้าจะได้ไม่ต้องกังวล”
นิวราพยักหน้า ยิ้มให้เธอ แล้วขึ้นรถไป
รถเลี้ยวออกจากบ้านไป นิวราโยนถุงในมือไปที่เบาะหลัง หายใจแรงด้วยความโกรธ “นังนั่น! ร้ายจริงๆนะ!”
เธอไม่เคยจัดการหล่อนแบบร้ายๆเลย แต่ไม่คิดเลยว่าหล่อนจะลงมือเจ็บตัวแล้วเอาภวินท์ไปแบบนี้! เธอจะไม่โกรธได้ยังไง!
ชยินเห็นแบบนั้นก็พูดเบา ๆ ว่า “คุณหนูครับ ใจเย็น ๆก่อน”
“ส่งฉันกลับบ้านแล้วรีบไปตรวจสอบที่อยู่ของภวินท์ด้วย!”
ชยิน พยักหน้าตอบ ไม่ได้พูดอะไร
ระหว่างทางกลับ อากาศค่อนข้างแย่ เมฆมืดครึ้มลง ลมก็พัดมา
เมื่อใกล้ถึงบ้านวรโชติชยินก็เตือนเบา ๆ “คุณหนูครับ คืนนี้มีพายุ อย่าลืมปิดหน้าต่างด้วยนะครับ”
นิวราโกรธมาก เธอหลับตาแล้วเอนตัวพิงเบาะนั่ง ตอบรับเสียงเบา
หลังจากส่งเธอกลับไปที่บ้านวรโชติแล้ว ชยินก็ไม่ได้พักและขับรถออกไปอีก
มีเสียงกึกก้องมาจากไกลๆ ราวกับจะเตือนว่าจะมีฝนตกหนัก
ถึงกระนั้น ชยินก็ไม่หวั่นใจ แค่เป็นคำสั่งของคุณหนู จะขึ้นเขาลงห้วยหรืออะไรเขาก็ไม่หวั่น
และแล้วในหนึ่งชั่วโมงนั้น ฝนก็เริ่มตก เสียงฟ้าร้องดังขึ้น ทำให้คนเกรงอยู่นิดหน่อย
บนเตียงในโรงพยาบาล ภวินท์มองโน้ตบุ๊กตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บแต่งานด่วนในบริษัทก็ปล่อยไว้ไม่ได้ หลังจากที่พายุกลับมาจากเมืองY เขาก็ถูกใช้ให้ไปอยู่ในบริษัท ส่วนเขาก็ทำงานจากระยะไกลที่นี่ ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่
สำหรับความคิดเห็นไม่ดีบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับ STN group หลังจากเดือดอยู่ 2 วัน ท่าทีก็ค่อยๆเบาลงแล้ว บวกกับฝีมือของคนในบริษัท สถานการณ์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
หุ้นที่ร่วงลงไป จะให้ฟื้นตัวขึ้นมานั้นไม่ง่ายนัก หลายโครงการถูกระงับ เป็นปัญหาที่ยากมากเช่นกัน
ภวินท์ยกมือขึ้นบีบคิ้ว ละสายตาจากหน้าจอ มองดูฟ้าแลบฟ้าร้องข้างนอก ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
เวลานี้ ญาธิดาน่าจะหลับไปแล้วล่ะมั้ง
เขายังจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ญาธิดาเคยอาศัยอยู่ในบ้านนั้น เธอกลัวฟ้าร้องและฝนแบบนี้มาก
ครั้งหนึ่งกลางดึกที่มีพายุฝนฟ้าคะนองเธอก็เข้ามาในอ้อมแขนของเขาโดยไม่รู้ตัว ขยุกตัวราวกับเม่นน้อยตัวสั่น
ตอนนี้เธอไม่มีใครอยู่เคียงข้าง ไม่มีใครให้พึ่งพา
อยู่ๆหัวใจก็สั่นขึ้นมา ภวินท์สูดหายใจเข้าลึกๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ ลุกออกจากเตียง
ไม่รู้เป็นเพราะฉนวนกันเสียงในโรงพยาบาลไม่ดีหรือเปล่า ฟ้าร้องทีไรก็จะได้ยินทั้งห้อง ฟ้าแลบกระทบผนังเย็นๆ น่ากลัวจริงๆ
ภวินท์ก้าวออกจากห้องผู้ป่วย เดินตรงไปยังห้องข้างๆ ผลักประตูให้เปิดออกเบาๆ
ห้องนั้นมืดมิด ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงฟ้าร้องข้างนอก ภวินท์เดินไปอย่างช้าๆ ก็เกิดฟ้าแลบ เขาเห็นคนที่ซุกตัวอยู่บนเตียงลางๆ
ญาธิดานั่งอยู่ เอนหลังพิงหัวเตียง ผ้าห่มคลุมตัวเธอ เป็นมุมสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ดูเหมือนจะสั่นเล็กน้อย
ภวินท์ตื่นเต้น ก้าวไปข้างหน้า ยกมือขึ้นกดสวิตช์ที่หัวเตียง “ติ้ด” ห้องก็สว่างขึ้น
คนที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มก็หยุดเคลื่อนไหว หลังจากนั้นไม่กี่วิ มุมหนึ่งของผ้าก็ถูกยกขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเซียว
“คุณมาที่นี่ได้ไง”
“คุณกลัวหรอ” ภวินท์พูดเสียงเข้ม “ผมอยู่เป็นเพื่อน”
เขานั่งลงข้างเตียงแล้วเหยียดแขนยาวโอบไหล่ของญาธิดา
ญาธิดาสะดุ้ง ร่างกายแข็งทื่อ “ไม่…เปล่า ฉันไม่ได้กลัว แค่นอนไม่หลับ”
เธอดูกระสับกระส่าย พูดไม่ได้ศัพท์
ภวินท์หัวเราะ ไม่พูดอะไร เอื้อมมือไปเหยียดขาที่งอของเธอให้ตรง ห่มผ้าห่มให้ พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “วันนี้ผมจะนอนเป็นเพื่อน”