ดวงใจภวินท์ - บทที่ 299 กลับมาที่บริษัท
บทที่ 299 กลับมาที่บริษัท
ความคิดก็สับสนวุ่นวาย ทันใดนั้น พายุก็ผลักประตูเข้ามา “ท่านประธานครับ”
ภวินท์ได้สติกลับมา พยักหน้าเล็กน้อย “ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง”
“การประชุมจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงครับ” พายุกำลังรายงาน ทันใดนั้นก็คิดอะไรบางอย่างออก พูดอย่างลังเล
“เอ่อ ยังมีเรื่องด่วนอีกเรื่องครับ เกิดเรื่องขึ้นกับหัวหน้าฝ่ายการเงินของบริษัทเรา เพราะว่าปัญหาทางด้านการเงินส่วนตัวของเขา ก็เลยโดนตรวจสอบ”
ได้ยินเช่นนั้น แววตาของภวินท์ก็เยือกเย็นขึ้น “คนของเราเหรอ”
พายุพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ครับ ธยศที่คุณเคยย้ายเขาไปที่แผนกการเงิน”
จู่ๆ ห้องก็เงียบลง ใบหน้าของภวินท์ก็ดูไม่ค่อยพอใจ
แม้ว่าตอนนี้เขาจะดูแลควบคุมบริษัท แต่จากทุกแผนกก็มีคนของปกรณ์ทั้งนั้น หลังจากที่เขารับตำแหน่งนี้เขาก็เปลี่ยนพนักงานบางคน ให้คนที่ไว้ใจได้เข้าไปทำ ไม่คิดเลยว่าคนที่เขาหาไว้ที่แผนกการเงินจะมาเกิดเรื่องเอาตอนนี้
เกิดเรื่องตอนไหนไม่เกิด ดันมาเกิดเอาตอนที่เขาออกจากโรงพยาบาล กำลังจะกลับไปที่บริษัท เรื่องนี้ต้องมีอะไรแน่ ต้องมีอะไรซับซ้อนกว่านั้นแน่ อาจจะเป็นฝีมือของปกรณ์หรือฝีมือของภูผาก็เป็นไปได้มาก
ภวินท์ขมวดคิ้ว สวมเสื้อสูท ติดกระดุม แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ไป กลับบริษัทกัน”
หลังจากพักฟื้นในโรงพยาบาลไม่กี่วัน แผลดีขึ้นนิดหน่อย ภวินท์ก็ตัดสินใจกลับไปบริษัท ไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับไปที่บ้าน รีบกลับไปจัดประชุมเรื่องการกลับมาที่ STN เขานึกว่าภูผาจะเข้ามาทำงานอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ตอนนี้ สิ่งที่เขาทำกลับตรงกันข้าม ไมบัคคันสีดำวิ่งไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็หยุดอยู่ที่ข้างล่างบริษัท ผู้คนจากออฟฟิศผู้บริกหารก็ยืนรอต้อนรับกันอยู่ที่ประตู
จากระยะไกลๆ ภวินท์เห็นร่างขาวๆยืนอยู่ข้างหน้าผ่านทางหน้าต่างรถ ญาธิดาสวมชุดสีขาว ม้วนผมขึ้น ดูเป็นมืออาชีพมาก
ภวินท์กวาดสายตามองผ่านร่างของเธอ แล้วก็รีบละสายตา
ดูเหมือนว่าเธอจะหายดี กลับมาทำงานแล้ว
รถจอดลง ไม่นานก็มีคนมาเปิดประตูให้ภวินท์ลงจากรถ
ชายหนุ่มก้าวลงจากรถก้าวใหญ่ๆ ชุดสูทสีดำที่เข้าชุดกันอย่างลงตัวก็ไม่เห็นรอยยับเลยแม้แต่นิดเดียว โชว์ให้เห็นรูปร่างที่สวยงามของชายหนุ่มอย่างสมบูรณ์แบบ
ข้างๆกัน ญาธิดาที่ก้มหน้าอยู่ ก็เห็นร่างนั้น ใจของเธอสั่น และแอบกวาดสายตาเขา
เธอไม่ได้เจอภวินท์มาหลายวันแล้ว ช่วงนี้เธอรับมือกับหัวใจของตัวเองได้แล้ว แต่พอเห็นเขา ก็อดมองไม่ได้
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อเห็นภวินท์นำคนมาทางตน เธอก็โค้งคำนับทันที “ยินดีต้อนรับคุณภวินท์กลับมาค่ะ”
ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ก็โค้งทักทายเช่นกัน นี่คือการต้อนรับที่ออฟฟิศผู้บริหารเป็นคนริเริ่ม เพื่อต้อนรับการกลับมาของภวินท์โดยเฉพาะ
ภวินท์พยักหน้าเล็กน้อย นัยน์ตากวาดผ่านญาธิดาไปเบา ๆ ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเย็นชาเหมือนเช่นเคย “พอแล้ว กลับไปทำงานต่อที่ออฟฟิศเถอะ”
พูดจบ เขาก็รีบเดินออกไป เดินมาทางลิฟต์ พายุก็เดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ญาธิดาเงยหน้าขึ้นรวบรวมความกล้ามองแผ่นหลังของชายหนุ่ม แล้วพูดกับลูกเกดที่อยู่ข้างๆ ว่า “ไปกันเถอะค่ะ กลับกันเถอะ”
ลูกเกดรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “คุณธิดา เมื่อกี้ฉันเห็นสีหน้าคุณภวินท์ไม่ดีเลย เป็นเพราะการประชุมที่จะเกินขึ้นหรือเปล่าคะ”
ได้ยินว่าการประชุมจะจัดขึ้นเพื่อต้อนรับภวินท์กลับบริษัท แต่จริงๆแล้วมีไว้เพื่อประกาศอย่างเป็นทางการว่าภูผาเป็นรองประธานบริษัท ความจริงภูผาอยู่ในบริษัทมาหลายวันแล้ว และทุกคนในบริษัทได้เรียกเขาว่า “ท่านรองประธาน”
เมื่อเทียบกับภวินท์ที่ดูเคร่งขรึม ภูผานั้นอ่อนโยนกว่ามาก ทันทีที่เขาเข้ามาในบริษัท เขาได้รับคะแนนมากมาย ได้รับความไว้วางใจจากคนในบริษัทไม่น้อย
คนอื่นๆ อาจไม่รู้อะไรเรื่องนี้ แต่คนที่ออฟฟิศผู้บริหารพากันหวั่นใจเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าการมีตัวตนของภูผาเป็นภัยคุกคามต่อภวินท์
ญาธิดาก็รู้สึกหวั่นใจเช่นกัน เธอลดเสียงลงแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เดี๋ยวเราไปห้องประชุมกันเถอะ”
“ก็ได้ค่ะ”
กลับมาที่ออฟฟิศผู้บริหาร ญาธิดาก็พาลูกเกดไปที่ห้องประชุมใหญ่ที่ชั้นเดียวกัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมที่จะจัดขึ้น
เพราะว่าเวลาที่เร่งรีบ เอกสารและชาเพิ่งจัดเสร็จ ผู้บริหารชั้นสูงก็พากันเข้ามาแล้ว
ผู้ถือหุ้นและผู้บริหารระดับสูงหลายคนนั่งกระซิบกัน ใบหน้าของพวกเขาดูจริงจังอย่างบอกไม่ถูก
“ใครจะไม่รู้เจตนาของประธาน เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ อีกหน่อยคงจะมีเรื่องสนุกให้ได้ดูแน่”
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการแย่งชิงอำนาจกันในธุรกิจของครอบครัว เราต้องเลือกข้าง พวกนายเชียร์ใครนะ…”
“… ”
เมื่อญาธิดาส่งโน้ตบุ๊กให้ เธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยแซงแซ่ ในใจก็รู้สึกแปลกๆ
เธอไม่รู้เรื่องการแย่งชิงอำนาจหรือการหาผลประโยชน์ ในสายตาของของเธอ ภูผาก็ไม่ได้เลวร้าย ไม่น่าจะเป็นเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้อย่าที่พวกเขาพูด
คิดไปคิดมา เวลาก็ผ่านไปพักหนึ่งโดยไม่รู้ตัวเลย เมื่อเห็นว่าทุกคนมากันจะครบแล้ว แม้แต่ครามก็เข็นภูผาเข้ามาแล้ว แต่ยังมองไม่เห็นภวินท์เลย จู่ๆ เธอก็รู้สึกร้อนรน
เมื่อเห็นว่าถึงเวลาประชุมแล้ว ญาธิดาจึงเดินไปที่ประตูและมองไปทางห้องผู้บริหาร ใจร้อนรนขึ้นเรื่อยๆ
“ใครจะไม่รู้เจตนาของประธาน เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ อีกหน่อยคงจะมีเรื่องสนุกให้ได้ดูแน่”
ลูกเกดออกมาจากห้องประชุมและพูดอย่างกังวลว่า “คุณธิดา ทำยังไงดี ผู้บริหารในห้องประชุมต่างถามกันว่าคุณภวินท์อยู่ที่ไหน…”
“ไม่ต้องกังวลนะคะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปดูที่ออฟฟิศ”
เธอให้ความมั่นใจกับลูกเกด ญาธิดาไม่รอช้า รีบเดินไปที่ออฟฟิศผู้บริหารทันที
พอไปถึงประตู เธอก็มองซ้ายมองขวา แต่ไม่เห็นพายุ เธอกัดฟันเดินไปที่ประตูห้องอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นเคาะ “คุณภวินท์ อยู่ไหมคะ”
ข้างในไม่มีเสียง ญาธิด เรียกอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ
เธอกัดฟันหายใจเข้าลึก ๆ กดที่จับประตูแล้วเปิดประตูเข้าไป เธอนึกว่าไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศ แต่เมื่อเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าหน้าต่างโดยหันหลังให้เธอ เธอก็อึ้งไปครู่หนึ่ง
ไม่นาน เธอก็รวบรวมความกล้าแล้วก้าวไปข้างหน้า “คุณภวินท์ ทุกคนรอคุณไปประชุมอยู่นะคะ”
ร่างของชายหนุ่มไม่ตอบสนอง แล้วก็มีเสียงเย็นชาดังมาว่า ” มานี่สิ”
ญาธิดาเสียวสันหลังวาบ ก้าวไปข้างหน้าอย่างประหม่า
เดินไปที่โต๊ะแล้วเธอก็หยุด “คุณภวินท์ การประชุมเริ่มแล้วนะคะ…”
“ผมรู้แล้ว” น้ำเสียงของชายหนุ่มมีความเย็นชาเล็กน้อย “เพิ่งกลับมาที่บริษัท ผมก็ได้รับ “ข่าวดี” ไม่น้อยเลย อย่างแรกคือ เกิดเรื่องกับคนที่ผมส่งไปที่แผนกการเงิน แล้วฝ่ายการเงินก็ถูกตรวจสอบ คุณคิดว่า ภูผาต้องการจะทำอะไรล่ะ”
พูดแล้ว เขาก็หันกลับมามองเธอ ดวงตาสีเข้มเป็นประกายและลึกล้ำกว่าเดิม
ญาธิดาใจเต้นแรง คิดถึงภาพที่ภูผาทักทายทุกคนในที่ประชุมอย่างเป็นมิตรและอ่อนโยน ก็แปลกอยู่
เธอเองก็ไม่คิดว่า ภูผาจะทำสิ่งเหล่านั้นได้ สีหน้าไร้เดียงสาบริสุทธิ์ แต่แผนการเบื้องหลังนั้นกลับชัดเจนทุกอย่าง
“ฉันไม่รู้สิคะ” ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ “คุณภวินท์ คุณรีบไปประชุมเถอะ…”
ใครจะรู้ว่า ทันทีที่เธอพูดจบ ภวินท์ก็ก้าวเข้ามาใกล้ พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “งั้นผมจะบอกให้ เขาอยากได้ตำแหน่งที่ผมมีอยู่ตอนนี้ไงล่ะ”