ดวงใจภวินท์ - บทที่ 312 พบเจอคณินโดยบังเอิญ พนักงานมองเห็นเขาก้าวเร่งฝีเท้าเดินไปท
- Home
- ดวงใจภวินท์
- บทที่ 312 พบเจอคณินโดยบังเอิญ พนักงานมองเห็นเขาก้าวเร่งฝีเท้าเดินไปท
างนั้น จึงตกใจทันที พร้อมทั้งรีบตามเข้าไปอย่างร้อนรน “คุณคะรบกวนหยุดก่อน นี่มันเป็นห้องลองเสื้อของผู้หญิงค่ะ…”
ซึ่งในเวลานี้ คณินหมดความอดทน เขาลื่นงานที่บริษัทเพื่อมาเดินเที่ยวกับเด็กสาวคนนี้ แต่พอสุดท้ายแล้วกลับถูกเธอปั่นจนหัวหมุน
“ผมมาหาคน”
เขาพูดประโยคนี้ออกไป แต่ฝีเท้าก็ยังมุ่งหน้าเดินไปทางนั้นโดยไม่หยุดสักก้าวเดียว
พอเดินไปทางนั้น โดยปกติห้องลองเสื้อทั้งแถวจะกึ่งเปิดประตูเอาไว้ มีแค่ประตูห้องเดียวที่ถูกปิดแน่น เขาเดินไปตรงจุดนั้นอย่างไม่ลังเลอะไรเลย จากนั้นจึงยกมือขึ้นเคาะประตู พร้อมทั้งพูดอย่างเย็นชา “เธอออกมาหาผมเดี๋ยวนี่นะ!”
ภายในห้องลองเสื้อ ญาธิดาใส่กระโปรงเสร็จพอดี เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูทางด้านนอก ตกใจจนตัวสั่นเทา
ไม่ต้องรอให้เธอต้องครุ่นคิดจนรู้เรื่อง ก็มีเสียงชายหนุ่มดังอยู่ด้านนอก “เร็วหน่อย ผมไม่มีเวลามาเล่นซ่อนหากับเธอนะ!”
“ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย รบกวนคุณช่วยออกไป…”
ซึ่งเป็นเสียงของพนักงานดังขึ้นมาอีกครั้ง ญาธิดางงอย่างไม่เข้าใจ พลางยกมือปลดกลอนที่ขัดประตูออก จากนั้นก็ผลักประตูออก
คณินได้ยินเสียงแล้ว พอช้อนตามอง จังหวะที่เห็นที่อยู่ด้านในนั้น แววตาหม่นหมองลงไปเยอะในชั่วขณะนั้น
“ญาธิดา?”
“คณิน?”
ทั้งสองคนสบตากัน ราวกับเรียกชื่อของอีกฝ่ายพร้อมๆกัน
คณินตั้งสติได้ก่อน “คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“ฉันกำลังลองชุดอยู่นะ” ญาธิดากะพริบตาปริบๆ “แล้วคุณมาเคาะประตูทำไมคะ?”
พนักงานที่อยู่ด้านข้างเห็นเหตุการณ์ จึงมองทั้งสองคนอย่างมึนงงกว่าเดิม
คณินหันมองห้องลองเสื้อห้องว่างที่อยู่ด้านข้าง จึงหันไปมองพนักงานในร้าน “ในร้านของพวกคุณยังมีห้องลองเสื้อตรงจุดอื่นอีกมั้ย?”
พนักงานส่ายหน้าไปมา “ไม่มีค่ะ”
พอคณินได้ยิน หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่นเล็กน้อย จึงฉุกคิดถึงข้อความที่ส่งมาอย่างไม่มีที่มาที่ไปเมื่อครู่นี้ จนเกิดความสงสัยอยู่ในใจ และเมื่อมองเห็นความสงสัยที่อยู่ในแววตาของญาธิดา เขาถึงตั้งสติได้ พร้อมทั้งคลี่ยิ้มให้ “เมื่อกี้ผมกำลังตามหาคนอยู่ ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกับคุณเข้า”
ญาธิดาได้ยินแล้ว จึงพยักหน้าเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไร
พนักงานในร้านที่อยู่ทางด้านข้างมีวิสัยทัศน์จึงรีบข้างถอยไปอีกทาง
คณินมองญาธิดา พร้อมทั้งยิ้มให้เล็กน้อย “ไม่ได้เจอกันเสียนานนะครับ”
“ใช่ค่ะ” ญาธิดาพยักหน้าเล็กน้อย
เธอกับคณินไม่ได้เจอหน้ากันสักพักใหญ่แล้ว ซึ่งในวันนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากกว่าคุณชายที่เอาแต่ใจดื้อหัวรั้นก่อนหน้านี้ แต่จู่ๆพวกเขากลับใช้วิธีนี้ในการพบเจอกัน ซึ่งมันดูเคอะเขินอยู่บ้าง
สายตาของชายหนุ่มเหลือบมองกระโปรงที่อยู่บนตัวเธอ พร้อมทั้งอ้าปากถามทันที “กำลังเลือกเสื้อผ้าเหรอครับ?”
“อื้อ ต้องไปร่วมงานหมั้น เลยต้องมาเลือกชุดค่ะ”
“รอเดี๋ยวนะครับ”
คณินพูดเสร็จ จู่ๆก็หันตัวเดินไปด้านนอก ไม่นานนัก ในมือของเขาก็หยิบกระโปรงขึ้นมาตัวหนึ่ง “คุณลองชุดนี้ดูนะ”
ญาธิดาเหลือบมองกระโปรงยาวสีเทาฟ้าหม่น แต่ลังเลอยู่สักพักถึงได้หยิบมา
กระโปรงตัวนี้เมื่อครู่เธอเห็นแล้ว แต่เป็นเพราะว่าด้านข้างมันผ่าแหวกสูงมาก เธอจึงไม่ได้เอามาลอง
เธอพูดอย่างลังเล “มันแหวกสูงไปหรือเปล่าคะ?”
“ชุดนี้เหมาะสมกับคุณจริงๆครับ” คณินกะพริบตาให้เธอ “สายตาของผม คุณวางใจได้เลย”
ราวกับวินาทีนั้น พวกเขาสองคนกลับไปเหมือนตอนที่เพิ่งจะรู้จักกันก่อนหน้านี้ คณินคือประธานคณินที่ดื้อรั้นช่างเอาแต่ใจ พอตอนมาคุยงานที่STN Groupก็ตั้งใจให้เธอคอยบริการเขาเพื่อสร้างความลำบากใจอยู่ร่ำไป
“ก็ได้ค่ะ” ญาธิดายิ้มให้ พร้อมทั้งหันหลังเพื่อเข้าไปในห้องลองเสื้อ จากนั้นก็ปิดประตูทันที
สีของกระโปรงช่างอ่อนโยนมาก เมื่อใส่อยู่บนตัวช่างเป็นตัวแทนถึงนิสัยและความอ่อนโยน ทุกครั้งที่เดินแต่ละก้าว จนเผยให้เห็นเรียวขาของเธอตรงรอยแหวกของกระโปรงที่ผ่าออกจนเผยให้เห็นวับๆแวมๆ กระโปรงปลิวไสวไปตามลมพัด ช่างสง่างามมาก
ที่แท้ก็สวยมากจริงๆ ซึ่งเมื่อเอามาเปรียบเทียบกับหลายชุดที่เธอเอามาลองแล้ว ชุดนี้ดูดีที่สุดแล้ว
เมื่อผลักประตูเปิด เธอก็เห็นคณินยืนหลังพิงกำแพงอยู่ ชายหนุ่มหันศีรษะกลับมา เมื่อเห็นเธอนั้น ดวงตาฉายความหวั่นไหวออกมา พร้อมทั้งแสดงความเซอร์ไพรส์ออกทางสีหน้าแววตา
เขาก้าวเท้าเดินเข้ามา พร้อมทั้งยิ้มพลางพูดทันที “ที่แท้ สายตาผมก็ไม่เลวเลย”
ญาธิดายิ้มและพยักหน้าให้ พร้อมทั้งพูดตอบรับ “สวยมากเลยค่ะ”
“ดีครับ งั้นก็เอาชุดนี้เถอะ ผมจะไปเรียกให้พนักงานจัดการใส่ถุงให้คุณครับ”
คณินพูด พร้อมทั้งหยิบเอาการ์ดออกมา เตรียมจะจ่ายเงิน ญาธิดาตกตะลึงทันที จึงยื่นมือไปคว้ามือเขาเอาไว้ “ไม่ต้องค่ะ ฉันจ่ายเองดีกว่าค่ะ”
คณินยกมือคว้ามือเธอเอาไว้ “เพื่อนกัน ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ถือว่าผมซื้อกระโปรงให้คุณก็ได้นะครับ”
“ไม่ได้ค่ะ…”
คณินจงใจทำเสียงเข้มใส่ “ทำไมล่ะ? ไม่คิดว่าผมเป็นเพื่อนแล้วใช่มั้ย?”
ญาธิดาถูกไล่บี้จนไม่รู้ว่าพูดอย่างไรดี “ก็ไม่ใช่…”
“ไหนๆก็คิดว่าผมเป็นเพื่อนแล้ว งั้นก็อย่าปฏิเสธเลยนะ”
เขาชูมือขึ้นเพื่อกวักหาพนักงาน พร้อมทั้งยื่นการ์ดให้เธอ “ช่วยรูดบัตรให้ผมหน่อยครับ”
ญาธิดาขยับริมฝีปาก เพราะเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จจริงๆ ทำได้แค่เก็บปากเงียบ
คณินทำถึงขั้นนี้แล้ว เธอเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้แล้ว สู้เอาไว้ครั้งหน้าค่อยให้ของขวัญตอบแทนเขาแล้วกัน
พอคิดแบบนี้ ญาธิดาถึงยอมปล่อยมือ
คณินยิ้มให้ พร้อมทั้งยกมือขึ้นมาแตะหัวไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ กินข้าวด้วยกันไหมครับ? พอดีเลย!เราก็ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว”
ญาธิดาหัวเราะ ทำได้แต่ตกลง “งั้นถือว่าตกลงกันแล้วนะ ผมเลี้ยงข้าวคุณเอง”
ทั้งสองคนถือว่าตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ญาธิดาจึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องลองเสื้อ
รอพนักงานจัดการใส่ถุงเรียบร้อยแล้ว จู่ๆเธอก็ฉุกคิดอะไรได้ จึงหันไปหาคณินพร้อมทั้งถามทันที “ใช่สิ เมื่อกี้คุณกำลังตามหาคนอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
คณินได้ยิน จนขมวดคิ้วเข้าหากัน “เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เชื่อฟัง เป็นลูกของญาติๆผมเอง เธอตั้งใจก่อเรื่อง ขี้เกียจจะสนใจเธอแล้วครับ”
ญาธิดาได้ยิน จนเริ่มแสดงความวิตกกังวล “ทำแบบนี้ได้จริงๆเหรอคะ?”
“เธอก็แค่อยากจะผละตัวออกจากผมแล้วอยากจะไปหาเพื่อน พอได้เวลาก็จะกลับบ้านเอง ไม่มีอะไรหรอกครับ”
เมื่อได้ยินคณินพูดจาเช่นนี้ ญาธิดาถึงได้ถอนหายใจ
เมื่อเสื้อผ้าใส่ถุงเรียบร้อย ทั้งสองคนก็เดินออกมาจากร้านเสื้อผ้า จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังร้านหม้อไฟที่โด่งดังที่สุดในห้างสรรพสินค้า
หลังจากได้เจอหน้ากันแล้ว คณินถึงได้อ้าปากถามไถ่ “ระยะนี้ผมกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานหนักมาก คอยเดินทางไปดูงานในทุกรูปแบบ ไม่มีเวลาให้ตนเองเลย ซึ่งไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะมาเจอคุณที่นี่ เราช่างมีพรหมลิขิตกันนะครับ”
ญาธิดายกแก้วชาขึ้นมาจิบ จากนั้นก็อ้าปากถามทันที “ตอนนี้คุณทำงานที่บริษัทJVอยู่ไม่ใช่เหรอคะ?”
“คุณรู้ได้ยังไง?” ดวงตาคณินหวั่นไหวเล็กน้อย พร้อมทั้งเลิกคิ้วยิ้มให้ พร้อมทั้งพูดแกมหยอกล้อ “ขนาดผมทำงานอะไรก็ยังรู้ หรือว่าสนใจในตัวผมแล้วเหรอครับ?”
ญาธิดาได้ยิน จนอดหัวเราะไม่ได้
ไม่ได้เจอกันมานานขนาดนี้ คณินก็ยังคงเหมือนเดิม ยังคงหลงตัวเองเหมือนเดิม
ข่าวที่เขาทำงานJV เธอก็รู้มาจากภวินท์นั่นแหละ ซึ่งในตอนนั้นแผนงานธุรกิจมีการรั่วไหล ซึ่งเป็นสัญญาความร่วมมือกิจการค้าร่วมกับทางไทเฮงกรุ๊ปดังนั้นเธอจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัย จนถูกสงสัยว่าสมรู้ร่วมคิดกับคณิน แต่ว่าในความเป็นจริง เธอไม่ได้ติดต่อคณินมานานมากแล้ว
“ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้างครับ?” คณินหุบยิ้ม และซักถามต่อ “คุณกับไอ้หมอนั่นเป็นไงบ้าง?”
เมื่อเอ่ยถึงภวินท์ อารมณ์ของญาธิดาก็หม่นหมองลงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอถึงปรับสภาพอารมณ์ได้ พร้อมทั้งยิ้มให้เขาพลางพูดออกมา “เขาจะหมั้นแล้ว ฉันซื้อเสื้อผ้าก็เพื่อจะไปร่วมพิธีงานหมั้นของเขาค่ะ”
พอคณินได้ยิน อารมณ์เคร่งขรึมลงขึ้นเยอะ หลังจากนั้นหลายวินาที จึงขมวดคิ้วเอาไว้ “ทำไมเขาทำกับคุณแบบนี้ล่ะ?”
ซึ่งตอนแรกเขารู้สึกดีกับญาธิดา จึงสามารถมองออกว่าญาธิดาที่มีใจให้ภวินท์ แต่พอหลังจากนั้นเขาก็ยุ่งอยู่กับการทำงาน จึงไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่คิดเลยว่า ภวินท์จะปฏิบัติกับญาธิดาแบบนี้!
ญาธิดายิ้มอย่างขื่นขม “ฉันก็ไม่มีอะไรกับเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ”
คณินย่นคิ้ว “งั้นทำไมคุณต้องไปร่วมงานหมั้นของเขาด้วยครับ?”
เมื่อเห็นคนที่ตนเองชอบแต่กลับไปหมั้นหมายกับผู้หญิงคนอื่น หรือว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าเจ็บปวดทรมานที่สุดในโลกใบนี้เหรอ?