ดวงใจภวินท์ - บทที่ 32 มารับคุณกลับบ้าน
ญาธิดาเดินกลับมาอยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงาน และจัดการโทรศัพท์กลับไป
“ฮัลโหล? สวัสดีครับ?”
“คุณญาธิดาจากฝ่ายธุรการของ STN Groupใช่หรือเปล่าครับ? ครั้งที่แล้ว เราเคยเจอกันแล้ว เรื่องที่คุณได้เสนอราคาเอาไว้ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ทางเราได้คิดทบทวนแล้ว อาจจะมีความเป็นไปได้ที่สามารถทำธุรกิจร่วมกันได้ เอาแบบนี้นะ เรานัดเวลากัน เพื่อที่จะพูดคุยเรื่องรายละเอียดกันดูไหมครับ?
ญาธิดาได้ยินแล้ว ถึงกลับดีใจมาก ไม่เคยคิดเลยว่าจะตอบตกลงได้แล้ว “ได้ค่ะ งั้นวันนี้เลยดีมั้ยคะ!”
ซึ่งฝ่ายทางประธานรณพีร์เป็นคนนัดหมายเรื่องเวลา ญาธิดาจึงรีบเตรียมทำแผนผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเองทันทีชุดของขวัญในเทศกาลวันหยุดของชาติในครั้งนี้เป็นสวัสดิการพนักงานทั้งบริษัท เธอจะทำแผนงานให้สุดความสามารถ และขอคำชี้แนะจากทางโรงงานผู้ผลิต
พริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยมาถึงตอนบ่าย ญาธิดาได้เตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว และออกจากบริษัทเพื่อมุ่งหน้าเดินทางไปยังห้องทำงานของประธานรณพีร์ทันที
ซึ่งนั่งคอยในห้องรองรับแขกอยู่ชั่วครู่ ทางประธานรณพีร์ก็ผลักประตูเข้ามา ญาธิดารีบลุกขึ้นและจับมือกับเขา “สวัสดีค่ะประธานรณพีร์ ดิฉันคือญาธิดาค่ะ”
“ผมทราบครับ” รณพีร์คลี่ยิ้ม พลางยื่นมือออกมาจับมือญาธิดา พร้อมทั้งใช้สายตาประเมินรูปร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าของเธออย่างรวดเร็ว
ญาธิดาดึงมือกลับ พลางยื่นแผนงานที่ได้จัดเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าให้แก่เขา “ราคาที่พวกเรายื่นเสนอไปครั้งที่แล้วคุณเองก็เห็นแล้ว ครั้งนี้อยากจะคุยเรื่องตัวสินค้าที่อยู่ในกล่องของขวัญ ถ้าทางบริษัทของคุณสามารถรับได้ ก็ตกลงได้ทันทีค่ะ”
“ไม่ต้องรีบร้อนไป” รณพีร์ ยิ้มให้ พลางเอนหลังพิงโซฟา “คุณญาธิดาครับ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่คุณทำงานทางนี้ใช่มั้ยครับ?”
ญาธิดาแปลกใจมาก “คุณ…รู้ได้ยังไงคะ?”
รณพีร์พูดเหน็บแนม “ของขวัญในช่วงเทศกาลวันหยุดของชาติจำพวกนี้ ถ้าทำตามความต้องการโดยระบุอย่างชัดเจน น่าจะตัดสินใจตั้งนานแล้ว เพราะว่าโรงงานของพวกเราทำผลิตภัณฑ์ก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน อีกทั้งระหว่างเทศกาลวันหยุดประจำชาตินั้น ไม่ใช่แค่คำสั่งซื้อของบริษัทของพวกคุณเพียงเจ้าเดียว คุณมาระบุสินค้าในเวลานี้ เกรงว่าต้องต่อคิวเจ้าอื่นไปก่อน!”
“อะไรนะคะ?” ญาธิดาตื่นตกใจทันที เมื่อครู่เธอเพิ่งจะได้รับงานนี้มา ยังไม่มีประสบการณ์อะไร จึงไม่ได้คำนึงถึงเวลาสักนิดและปัญหาระหว่างการผลิตด้านนี้เลย!
“เอ่อ…งั้นตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดีคะ!”
ญาธิดาหมดความคิดไปดื้อๆ ถ้าเธอไม่ทำงานนี้ให้สำเร็จ ส่งผลให้ถึงเวลานั้น ของขวัญไม่สามารถส่งถึงมือพนักงานในบริษัทได้ ถึงเวลานั้นเธอก็คงถูกทั้ง STN Group ประณามจนทุกข์ทรมานแน่!
“ไม่ต้องรีบร้อนไป!” พีร์ถือว่าใจเย็นมาก สายตาของเขาคอยจับจ้องมองมาที่ร่างกายของญาธิดาวนเวียนอยู่แบบนั้น “ที่ผมเรียกคุณมาในวันนี้ ต้องมีวิธีในการจัดการแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้กับคุณแน่นอนครับ”
“วิธีอะไรหรือคะ?”
ญาธิดายังไม่เคยเจอกับเรื่องเช่นนี้ เวลานั้นตื่นตระหนกจนเห็นชัดเจนเลยทีเดียว
“ขอแค่ผมพูดไปประโยคเดียว ก็สามารถช่วยคุณแทรกคิวได้ทันที เรื่องนี้ก็ไม่ถือว่าเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรเลยนี่!”
ประธานรณพีร์หัวเราะอย่างครื้นเครง พลางพูดต่อ “แต่ว่า เรื่องนี้จำต้องให้คุณญาธิดาจ่ายเล็กๆ น้อยๆ กับผมหน่อยครับ”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น จิตใต้สำนึกพลางย่นคิ้วทันที และเกิดความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “จ่ายอะไรหรือคะ?”
ประธานรณพีร์ลุกขึ้นพรวดทันที พลางยิ้มให้เล็กน้อย “เพียงแค่คุณญาธิดายอมให้เกียรติมาทานอาหารเย็นกับผมอย่างเต็มใจ เรื่องพวกนี้ มันก็พูดง่ายขึ้นมาหน่อยครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชายที่อยู่ตรงด้านหน้า มุมปากของญาธิดาพลันยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัวทันที
ประธานรณพีร์คนนี้ มองเห็นเต็มสองตาว่าอายุก็ปาเข้าไปสี่สิบกว่าแล้ว ผมบนหัวก็บาง ตั้งแต่ที่เธอเข้าประตูมาก็เริ่มใช้สายตากะลิ้มกะเหลี่ยเธอไม่เลิก ครั้งที่แล้วที่ได้เจอกันเธอก็ไม่ได้สังเกต ทว่าครั้งนี้ก็สามารถจับสัมผัสถึงความทุเรศของเขาได้จริงๆ ปากก็พูดว่ากินข้าวด้วยกัน ใครจะไปรู้ว่าเธอไปกินข้าวด้วยแล้วเขาจะทำอะไรกับเธอบ้าง!
ญาธิดากัดฟันไว้แน่น พลางจ้องมองประธานรณพีร์ตาเขม็ง พลันสะบัดแหวนที่ติดอยู่ที่นิ้วมือ และพูดเน้นย้ำออกไปประโยคหนึ่ง “ขอโทษค่ะ ฉันแต่งงานแล้ว!”
พูดจบ เธอก็เก็บเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว และสาวเท้าเดินมุ่งหน้าเดินออกไปทางด้านนอก
รีบลุกขึ้นทันควัน “คุณญาธิดาอย่าเพิ่งไปสิครับ! ผมไม่ติดขัดนะ ผมก็แต่งงานแล้ว! ครั้งที่แล้วที่เจอหน้าคุณก็รู้สึกชอบคุณทันที…”
เมื่อได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้น ร่างกายญาธิดาขนลุกขนชันไปทั้งตัว เธอกอดเอกสารเอาไว้ พลันรีบหนีออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
ตลอดทาง ท้องฟ้าก็เริ่มครึ้มลงบ้างแล้ว จู่ ๆ ญาธิดาก็รู้สึกหมดหวังไม่มีชิ้นดี
สำหรับตลอดทั้งวันของวันนี้ มีแต่เรื่องซวยจริงๆ เลย ทำงานก็ไม่ได้ดั่งใจ แถมยังไปทะเลาะกับภวินท์อีก…
เธอจึงเม้มริมฝีปาก ควานหาโทรศัพท์ และกดโทรศัพท์ไปหาป้าจันทร์ “สวัสดีค่ะ ป้าจันทร์ วันนี้ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อฉันนะคะ ฉันจะไม่กลับ คืนนี้ฉันจะอยู่ที่บ้านฉันค่ะ”
หลังจากกำชับเสร็จแล้ว เธอจึงโบกแท็กซี่คันหนึ่ง และบอกที่อยู่ของบ้าน ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงหมู่บ้านอันคุ้นเคยของเธอแล้ว
เพิ่งจะเดินเข้าประตูของหมู่บ้าน ญาธิดาก็มองเห็นผู้หญิงหลายคนที่กำลังยืนอยู่แถวกระถางดอกไม้มาแต่ไกล ส่วนคุณหญิงปภาวียืนอยู่ตรงกลาง
“ฉันจะบอกพวกหล่อนให้นะ พวกหล่อนยังไม่เห็นลูกเขยของฉัน รูปร่างสูงตั้ง 180 กว่าเซนติเมตรนู่น หล่อเหลาหน้าตาดี มากความสามารถ อีกทั้งยังดีกับลูกสาวของฉันด้วย …”
“นี่พี่วีเรื่องจริงหรือโกหกกันเนี่ย? คราวหน้าพามาให้ดูตัวหน่อยสิ!”
“ใช่ๆ ได้ยินคุณชมไม่หยุดปากอยู่ทุกวัน ไม่เคยเห็นตัวจริงเลย…”
“……”
เมื่อได้ยินเสียงเหล่านี้ ญาธิดาหัวใจหนักอึ้ง จนรู้สึกแสบจมูกขึ้นมากะทันหัน
ถ้าให้คุณหญิงปภาวีกับดร.ยติภัทรรู้เรื่องเข้า ว่าเธอกับภวินท์ทั้งสองคนเป็นเพียงสามีภรรยากันในนาม พวกเขาต้องเสียใจเป็นแน่
คุณหญิงปภาวีกำลังจะอ้าปากพูด พลันหางตามองมาทางนี้พอดี จึงหันหน้าไปมองคนที่อยู่ด้านข้าง จนตะลึงอย่างไม่รู้ตัว “ธิดา? ทำไมแก…”
ญาธิดาฝืนกลั้นน้ำตาให้ย้อนกลับไป และเดินตรงมาหา พลางยิ้มให้เธอ “แม่”
คุณหญิงปภาวีมองทางด้านข้าง “ทำไมแกกลับมาล่ะ? แล้ววินล่ะ?”
“หนูคิดถึงแม่แล้วนะสิ เลยกลับมาเที่ยวหาหน่อย”
“ยัยเด็กนี่!” คุณหญิงปภาวีเห็นเบ้าตาญาธิดาเริ่มแดงก่ำ จึงพอเดาอะไรได้ เลยไม่ได้พูดมาก แล้วจัดการดึงญาธิดาให้เดินมาทางบ้านทันที
เมื่อเดินมาถึงตรงทางช่วงบันได และสำรวจแล้วว่าไม่มีคน ทางคุณหญิงปภาวีจึงอดใจถามไม่ไหว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ลูกไปทะเลาะกับวินมาใช่ไหม?
“เปล่าค่ะ” ญาธิดาส่ายหน้า “คิดถึงแม่กับพ่อแล้วจริงๆ”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมปริปากพูดอะไรมาก คุณหญิงปภาวีจึงไม่ได้ซักไซ้ต่อ แค่บ่นไม่หยุดแทน “พอแต่งงานแล้วก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน มันไม่สามารถเอานิสัยของลูกเองมาใช้ได้!”
เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว จึงกินข้าวเย็นกับคุณหญิงปภาวีและดร.ยติภัทร ญาธิดากลับมาที่ห้องของตนเอง อาจจะเป็นเพราะทำนู่นนี่จนเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน พอเธอเอนตัวลง ชั่วครู่ก็ผล็อยหลับไปทันที
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ช่วงเวลากึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น เธอรู้สึกว่าดูเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนมีคนมาจ้องอยู่เช่นนั้น เธอจึงลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก็เห็นเงาของคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงด้านหน้า
พอเธอจ้องมองซ้ำ กลับเป็นภวินท์ไปเสียนี่! และกำลังนั่งอยู่บนเตียงของเธอด้วย!
ญาธิดาตกใจอย่างกับเห็นผี จึงรีบขยี้ตาทันที และพูดอย่างตกใจ “คุณ…คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไง? นี่ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”
พูดจบ เธอชูมือขึ้นและหยิกแขนตัวเองอย่างไม่ลังเล แต่ยังไม่ทันจะลงมือได้เต็มที่ ใครจะไปรู้ว่าภวินท์จะยื่นมือออกมา แล้วคว้ามือเธอเอาไว้ทันที
ภวินท์สีหน้านิ่งเฉย และพูดอย่างเป็นทางการ “ผมมารับคุณกลับบ้าน”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในฝ่ามือของชายหนุ่ม ญาธิดาถึงกับมีอากัปกิริยาตอบสนองได้ทันควัน ที่แท้นี่มันไม่ใช่ความฝันนี่!
เธอจึงรีบดึงมือตัวเองที่อยู่ในมือของเขาออกทันที “ฉัน…ฉันไม่ไป!”
ภวินท์ย่นคิ้วเล็กน้อย พลันย้อนถามกลับทันที “คุณเป็นภรรยาผมนะ ไม่กลับบ้านไปกับผม แล้วจะกลับบ้านไปกับใคร?”