ดวงใจภวินท์ - บทที่ 320 เจอกับปาปารัสซี่
พอโดนสายตาไม่เป็นมิตรของคิรินอย่างไม่มีที่มาที่ไป ญาธิดากลับสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ตอนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอยู่นั้น ตอนที่เห็นผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ตรงข้ามกับคิรินหันศีรษะมามองเธอ
แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะใส่แว่นตาดำ แต่กระจกแว่นตากลับเป็นสีชาปนน้ำตาล ซึ่งมองผ่านกระจกแว่นจนเผยให้เห็นคิ้วตาอยู่เลือนลาง
ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นมองเห็นญาธิดา ซึ่งแววตาแข็งทื่ออย่างชัดเจน ดวงตาฉายอาการน่าเบื่อออกมาเล็กน้อย จึงหันศีรษะไปทางอื่น
ญาธิดาเองก็มองเห็นความหมายที่อยู่ในดวงตาของผู้หญิงคนนั้น จนตกตะลึงหนักกว่าเดิม จึงเหลือบมองอยู่หลายครั้งอย่างไม่ตั้งใจ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นคลับคล้ายคลับคลาจะรู้จัก ราวกับเคยเจอที่ไหน
จู่ๆ ทิศทางการมองเห็นทางด้านหน้าก็มีคนมาขวางเอาไว้ ญาธิดาแหงนหน้ามอง ก็เห็นใบหน้าของคิรินที่แสดงอาการโกรธเคืองอยู่เล็กน้อย เขาย่นคิ้วเข้าหากันอย่างรู้สึกหมดความอดทน “คุณจะทำอะไร?”
ญาธิดาหมดความอดทนเหมือนกัน คนที่พูดออกมาจากปากว่าต้องการกาแฟจากKirin Cafeให้ได้ก็คือเขา เธอเหาะไปตั้งไกลขนาดนั้นเพื่อซื้อมาให้เขา เขากลับเต๊ะท่า พริบตาเดียวก็พลิกหน้ามือทำเป็นคนไม่รู้จักกันเสียงั้นแหละ
เธอพยายามเก็บอารมณ์โกรธเคืองเอาไว้ในใจ พลันฝืนคลี่ยิ้มให้คิรินเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดเสียงอ่อน “คุณคิริน กาแฟที่คุณต้องการฉันซื้อมาให้แล้วค่ะ”
เธอพูด พร้อมทั้งเอาถุงกาแฟที่อยู่ในมือขวาชูขึ้นมา เพื่อแสดงให้เขาเห็น
คิรินย่นคิ้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหมดอารมณ์จะพูดดีๆกับเธอแล้ว
เวลานี้เอง หูฟังบลูทูธที่เขาใส่อยู่ที่หูขวาก็ส่องแสงวิบวับ เขาชูมือขึ้นจากนั้นก็ใช้นิ้วสัมผัสเบาๆ จากนั้นก็พูดทันที “พี่เอมีอะไรหรือครับ?”
ส่วนพี่เอ ที่อยู่ทางนั้นไม่รู้ว่าพูดอะไรออกมา คิรินตื่นเต้นขึ้นมาทันที และหันไปสำรวจรอบๆอย่างระแวดระวัง พร้อมทั้งกระซิบถามเสียงต่ำ “ปาปารัสซี่ที่ไหนครับ?”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็มองไปอีกทาง จู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นหม่นหมองลง สักพัก จู่ๆเขาก็ยกมือขึ้น เพื่อจับปกคอเสื้อทางด้านหลังของญาธิดาไว้แน่น พลันเอียงศีรษะพูด “มีปาปารัสซี่ เรื่องนี้คืนนี้เจอหน้ากันแล้วค่อยคุยต่อ”
คำพูดนี้ไม่ได้พูดกับญาธิดา แต่พูดกับผู้หญิงที่ใส่แว่นกันแดดคนนั้น
“ฉันไม่มีอะไรที่ต้องพูดกับคุณแล้ว”
ผู้หญิงคนนั้นพูดทิ้งท้ายออกมา พร้อมทั้งก้าวฝีเท้าไปเดินไปอีกทาง
ญาธิดาตะลึงทันที เมื่อมองแผ่นหลังของผู้หญิงที่เดินจากไปคนนั้น ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อย
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอจึงได้สะติ นั่นแพรวาไม่ใช่เหรอ! แพรวาคนที่สนิทสนมกับภวินท์มาตลอด ก่อนหน้ายังโดนสื่อมวลชนถ่ายรูปมาได้! ทำไมอยู่ดีๆถึงมาอยู่กับคิรินล่ะ? อีกอย่างความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเหมือนไม่ธรรมดาเลยทีเดียว…
โดยไม่รอให้ญาธิดาถามให้ชัดเจน คิรินก็ดึงคอเสื้อของเธอเดินไปอีกทาง
ญาธิดาย่นหัวคิ้ว ตอนที่เตรียมจะผลักออก ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของคิรินดังขึ้น “คุณต้องการพรีเซนเตอร์ไม่ใช่เหรอ? อย่าพูดมาก! ขึ้นรถผมเดี๋ยวนี้!”
คำพูดที่ติดริมฝีปากของญาธิดาจู่ๆก็หยุดกึกทันที เธออึ้ง พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกใหญ่ พลางหุบปาก และไม่พูดไม่จา
ญาธิดาถูกเขากึ่งฉุดกระชากขึ้นรถ พอเธอหันกลับไปมอง จึงค้นพบว่าด้านหลังรถที่อยู่ไม่ไกลนัก กำลังมีกล้องดำๆเพ่งมาทางพวกเขา
วินาทีนั้น ญาธิดาถึงรู้ตัว
เธอเพิ่งถูกเขาโยนขึ้นรถ จากนั้นก็ได้เสียงตกอกตกใจดังตามหลังมาติดๆ “คิริน นี่นายกำลังทำอะไร? แล้วทำไมถึงพาเธอขึ้นมา! ฉันพูดกับนายแล้วนะว่ามีปาปารัสซี่อยู่!นาย….”
สีหน้าพี่เอเปลี่ยนไปทันที จู่ๆก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ “นาย…ทำเพื่อปกป้องเธอเหรอ?”
คิรินราวกับแสดงท่าทางไม่แย่แสอะไรอีกแล้ว พร้อมทั้งหยิบแก้วกาแฟในมือญาธิดามา และนั่งลงตรงตำแหน่งข้างตนเอง และหาท่าทางนั่งที่สบายๆ จากนั้นก็เปิดกาแฟและดื่มไปอึกหนึ่ง
ญาธิดาได้ยินคำพูดของพี่เอ ยิ่งสมองเบลอหนักกว่าเดิม
ที่พี่เอพูดคำ “เธอ” คนนั้น ไม่ได้หมายถึงเธอแน่ ดังนั้น….หมายถึงแพรวาที่อยู่กับคิรินเมื่อครู่!
หลังจากครุ่นคิดและเข้าใจอย่างถ่องแท้ ญาธิดาอ้าปากด้วยความตกใจ ไม่คิดเลยว่าเธอจะรู้เรื่องซุบซิบนินทาแบบนี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ
ค่ายของคิรินประกาศว่าเขายังโสดอยู่ พวกเขาต่างรู้ดีว่าส่วนใหญ่แฟนคลับของเขาจะเป็นแฟนคลับที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตัวเขาประหนึ่งภรรยาหรือแฟนตัวจริง ดังนั้นจึงจำกัดข่าวอื้อฉาวของคิรินไปเสีย แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาแอบมีความรักไม่ได้นะ
แล้วทำไมแพรวาคนนั้นต้องยุ่งเกี่ยวกับภวินท์ไม่เลิก? หรือว่าพวกเขารักสามเส้า? หรือมีเรื่องอื่น…
เรื่องราวเหล่านี้ราวกับเป็นก้อนขยุกขยิกกันมั่วซั่วไปหมด จนมันจุกอยู่ในหัวสมองของญาธิดา จนคิดอย่างไม่เข้าใจในตอนนั้น
“เฮ้!” คิรินเหลือบมองญาธิดาที่แสดงอาการตะลึงอยู่ พร้อมทั้งดีดนิ้วให้เธอ “คิดอะไรอยู่!”
ญาธิดาได้สติกลับคืนมา พร้อมทั้งสบตากับแววตาที่สื่อความหมายลึกซึ้งมากขึ้นของเขา พลันยกมุมปากคลี่ยิ้มพลางพูดทันที “ไม่มีอะไรค่ะ”
เธอพูดออกมาแบบนี้ คิรินยิ่งสงสันหนักกว่าเดิม เขาย่นคิ้วหากันสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาก “คุณมองออกแล้วใช่มั้ย?”
“มองอะไรออก?” ญาธิดาจงใจแสร้งซื่อบื้อ “มองออกว่าคุณต้องการให้ฉันไปซื้อกาแฟมาก็เพื่อจะแกล้งฉันใช่มั้ย?”
คิรินกลอกตามองบน และไม่ได้พูดออกมา จากนั้นก็ดื่มกาแฟในมือต่อ และไม่มองเธออีกเลย
ญาธิดาหันศีรษะกลับไป พร้อมทั้งมองภาพวิวที่ไม่คุ้นเคยสักนิด พลันสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ และมองมาที่คิรินอีกครั้ง พร้อมทั้งถามทันที “คุณคิริน เรื่องพรีเซนเตอร์ของredeur คุณว่า….”
ซึ่งไม่รอให้ญาธิดาพูดจบ คิรินก็พูดตัดบททันที “ผมขอคิดดูก่อนนะ”
เขาพูด พร้อมทั้งหยิบหูฟังอีกข้างขึ้นมาจากกระเป๋า ใส่ในหู พร้อมทั้งหลับตาและเอนตัวไปทางด้านหลัง “พี่เอ ผมพักสักแปบนะถึงที่หมายเรียกผมด้วย”
ผ่านไปสองวินาที เขาก็ลืมตาขึ้น พลางมองมาทางญาธิดา และใช้ปลายคางชี้เธอ พร้อมทั้งพูดอย่างอมยิ้ม “ส่วนเธอ ถึงตรงปากทางข้างหน้าก็ทิ้งไว้ตรงนั้นก็พอแล้ว”
ญาธิดาตกตะลึง ความโกรธเคืองที่อยู่ในใจจุดชนวนขึ้นมาทันที
คิรินเป็นคนพาลประเภทไหนกัน? โหดเหี้ยม ปากร้าย ไม่เห็นหัวคนอื่น! คนประเภทนี้เนี่ยนะยังเป็นไอดอลได้อีก เธอแปลกใจจริงๆ!
ญาธิดาเก็บงำกองเพลิงในหัวใจเอาไว้ไม่อยู่ พร้อมทั้งอ้าปากสวนทันควันด้วยความตื่นเต้น“คิริน คุณทำแบบนี้ดูไม่ค่อยมีจริยธรรมไปหน่อยมั้ย! คุณพูดว่าจะดื่มกาแฟ ฉันก็รีบเหาะไปซื้อให้ทันทีพอซื้อมาให้แล้วคุณกลับไม่พูดเรื่องพรีเซนเตอร์อะไรนี่สักคำ จะกวนประสาทฉันแบบนี้ใช่มั้ย?”
คิรินลืมตาขึ้นมา พร้อมทั้งมองญาธิดาที่กำลังระเบิดอารมณ์ จู่ๆก็นึกสนุก จึงยกมุมปากพร้อมทั้งยอกย้อนกลับ “ตามที่คุณพูดมา ถ้ากาแฟแก้วเดียวก็สามารถทำให้ผมเป็นพรีเซนเตอร์ให้ได้ งั้นผมก็ดูต่ำต้อยไปหน่อยมั้ย?”
“คุณ!”
ญาธิดาจุกจนพูดไม่ออก
เธอโมโหจนหอบหายใจดัง ยังไม่ทันได้ปรับอารมณ์โกรธเคืองให้เป็นปกติ จู่ๆรถยนต์ก็จอดลงข้างทาง
พี่เอกระแอมออกมา พลันพูดทันที “ที่นี่แหละ”
ญาธิดาย่อมเข้าใจความหมายของเธออย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เธอกัดฟัน และถลึงตาใส่คิริน จากนั้นก็ก้าวฝีเท้าลงจากรถ
เพิ่งเดินถึงข้างทาง ประตูรถบ้านก็เปิดสนิท ถัดมา รถยนต์ก็เคลื่อนตัวออกไป จนฝุ่นกระเด็นใส่หน้าเธอ
ญาธิดายืนอยู่ข้างทาง โมโหจนบดฟันไว้แน่น
ครั้งที่แล้วก็เป็นแบบนี้ ซึ่งไม่คิดเลยว่าครั้งนี้เขาก็จงใจทำซ้ำเหมือนเดิม!
มิน่าละภวินท์ถึงยกงานนี้ให้กับเธอ คงจงใจทำให้เธอลำบากแน่ๆมั้ง?
เมื่อรีบกลับมาที่บริษัท ก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว ชมพู่ยิ้มให้กำลังใจเธอ “ธิดา เป็นไงบ้าง? เรื่องพรีเซนเตอร์ได้ความคืบหน้าว่าไงบ้าง?”
ญาธิดาได้ยิน จึงอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “อย่าเอ่ยถึงเลย”
ชมพู่ยกมือขึ้นมาตีหัวไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา พร้อมทั้งพูดปลอบโยน “อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ยังไงก็พอมีเวลาอยู่”
เมื่อเอ่ยถึงเวลา ญาธิดาได้สติทันที จู่ๆก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ พรุ่งนี้จะเป็นวันเสาร์ ซึ่งจะเป็นวันพิธีหมั้นของภวินท์กับนิวรา มิน่าละวันนี้ทั้งวันไม่เห็นเขาเลย
เมื่อฉุกคิดถึงเรื่องนี้ จู่ๆญาธิดาก็หมดหวังเล็กน้อย รอจนชมพู่ออกไปจากห้องทำงานแล้ว เธอถึงหาบัตรเชิญใบนั้นจากกล่องเอกสารของตนเอง
เมื่อมองชื่อทั้งสองคนที่จ่าหน้าบนซองอันวิจิตรอยู่นั้น จู่ๆในใจของญาธิดาก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
ช่างเถอะ ผ่านพรุ่งนี้ไปแล้ว เธอก็ต้องจัดการเคลียร์จินตนาการของตนเองที่มีต่อภวินท์ให้เป็นศูนย์เปอร์เซ็นต์แล้ว