ดวงใจภวินท์ - บทที่ 329 เป็นเรื่องที่ให้อภัยได้
บทที่ 329 เป็นเรื่องที่ให้อภัยได้
ระหว่างทางที่เดินไป หลายคนมองญาธิดาอย่างสงสัย และมีแม้กระทั่งผู้ชายที่ผิวปากพูดจาหยอกเย้าใส่เธอ
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก พยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรเลย เดินตามพนักงานต้อนรับไป
เธอถูกพาไปยังพื้นที่พักผ่อนกึ่งเปิด นี่ถึงได้เห็นคิริน เขาสวมชุดแข่งสีดำทอง ใช้มือซ้ายกอดหมวกกันน็อค เส้นผมปลิวสยายดูหล่อเหลา
หัวใจของญาธิดาตึงแน่น เธออดไม่ได้ที่จะมองจ้อง พอดีกับที่คิรินหันหน้ามาเห็นเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย เขาหันหน้าหนีแล้วเดินไปนั่งข้างๆ สีหน้าเคร่งขรึม
แน่นอนว่าญาธิดาเห็นข้างๆ เขามีผู้ช่วยหรืออะไรสักอย่างแต่ไม่เห็นพี่เอ เธอสูดหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้า ยกยิ้มแล้วเดินไปหาคิริน ทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณคิริน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
คิรินกลอกตา ส่งเสียเยาะและไม่ตอบ
ญาธิดาทำใจเย็น เดินไปข้างๆ และอธิบายด้วยรอยยิ้มบาง “คุณคิริน คราวที่แล้วฉันไม่ได้ตั้งใจผิดนัดคุณจริงๆ ความจริงมันเป็นเรื่องที่ให้อภัยได้”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ คิรินก็มีปฏิกิริยานิดหน่อย เพยิดหน้าใส่เธอเล็กน้อย “เป็นเรื่องที่ให้อภัยได้งั้นเหรอ คุณอธิบายให้ผมฟังหน่อย”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดเสียงเบา “คราวที่แล้วเพราะฉันต้องไปงานหมั้นที่ปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้ไปหาคุณ”
เมื่อได้ยินคำว่า “งานหมั้น” สีหน้าของคิรินเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กระตุกยิ้มมุมปาก สายตามีร่องรอยเยาะเย้ย “มันคืองานหมั้นระหว่างคุณภวินท์กับคุณนิวราสินะ”
เมื่อได้ยินสองชื่อนี้ ญาธิดาก็ชะงักไป หัวใจของเธอวูบไหวเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว และแม้แต่สีหน้าก็เปลี่ยนไป หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอตอบเสียงเบา “อืม”
คิรินเหลือบมองเธอ จับผิดอาการผิดหวังจากสีหน้าของเธอได้ แล้วพลันหัวเราะเยาะ “คุณ…คงจะไม่ชอบภวินท์หรอกนะ”
เมื่อได้ยินคำว่า “งานหมั้น” สีหน้าของคิรินเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กระตุกยิ้มมุมปาก สายตามีร่องรอยเยาะเย้ย “มันคืองานหมั้นระหว่างคุณภวินท์กับคุณนิวราสินะ”
ญาธิดาชะงักไปทันที เลื่อนสายตาขึ้นมองเขาอย่างค่อนข้างประหลาดใจ ไม่รอให้เธอตอบ คิรินก็ส่งเสียงเยาะ “เขามีอะไรดีนักหนา”
ประโยคนี้เหมือนถามญาธิดา แต่ก็เหมือนคุยกับตัวเองด้วย
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็ยืนขึ้น หยิบหมวกสีแดงข้างๆ โยนให้เธอ “ถ้าอยากให้ผมยกโทษให้ อย่างน้อยก็แสดงความจริงใจบ้างคำขอโทษมันไม่มีประโยชน์ ไปวิ่งกับผมรอบหนึ่ง ถ้าคุณอดทนไหว ก็ถือว่าคุณชนะ”
ญาธิดาก้มมองหมวกที่ทิ้งลงมาในอ้อมแขนของเธอ แล้วมองคิรินที่กำลังเดินไปข้างหน้า ในใจลังเลเล็กน้อย
หรือว่าเขาจะให้เธอขึ้นรถวิ่งไปกับเขารอบหนึ่ง
หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ เธอจึงรีบเดินตามไป “คุณคิริน เรื่องพรีเซนเตอร์…”
คิรินที่เดินไปข้างหน้าพูดโดยไม่หันมามอง “หลังจากผมให้อภัยแล้ว ผมจะพิจารณามันอย่างจริงจัง”
ญาธิดาได้ยินแล้วดวงตาก็เป็นประกาย ทันใดนั้นหัวใจก็มีความหวังขึ้นมาบ้าง เธอเหลือบมองหมวกกันน็อคในมือแล้วเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
คิรินมีขายาวและก้าวกว้าง ญาธิดาวิ่งเหยาะๆ ยังแทบจะไม่ทันเขา เมื่อวิ่งออกไปถึงนอกลู่ เขาหยุดฉับพลันแล้วหันกลับมามองญาธิดาและถามว่า “ยินดีจะนั่งรถวิ่งไปกับผมรอบหนึ่งไหม”
ญาธิดายกยิ้มมุมปาก “ตราบใดที่คุณคิรินยกโทษให้ ฉันก็ยินดี”
คิรินหัวเราะเยาะเบาๆ เขายกมือขึ้นสวมหมวกบนศีรษะแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยจนแทบมองไม่ออก “คุณอย่าเสียใจภายหลังแล้วกัน”
ลมกระโชกแรงพัดพาคำพูดของเขาไป ญาธิดาได้ยินไม่ชัดจึงถามว่า “คุณพูดว่าอะไรนะ”
คิรินยิ้มกว้างกว่าเดิม “ไม่มีอะไร”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็ก้าวออกไป เดินไปข้างรถคันสูงใหญ่น่าเกรงขาม ยกขายาวก้าวคร่อมรถ
ชายหนุ่มแขนขายาวเหมือนไม้แขวนเสื้อ บนตัวสวมชุดแข่งสุดเท่ซึ่งเข้ากับรูปร่างของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ญาธิดาตกตะลึงเล็กน้อยจนกระทั่งเขาหันกลับมาหาเธอ “ขึ้นรถ”
“อ้อ…”
ญาธิดาได้สติกลับมา เธอรีบสวมหมวกกันน็อคบนศีรษะ แล้วเดินไปที่ด้านข้างรถ
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ศึกษาเรื่องรถแข่งมากนัก แต่เธอก็เดาได้เมื่อเห็นตัวหุ้มเกราะเหล็กที่เจิดจ้าเยือกเย็นของรถแข่ง ในใจเริ่มคาดเดาว่ารถแข่งแบบนี้ คุ้มค่าเงินที่จ่ายไปอย่างแน่นอน
เธอขึ้นรถอย่างเชื่องช้า ยังไม่ทันจะพร้อม ก็ได้ยินชายที่อยู่ข้างหน้าเตือนเธอว่า “เกาะดีๆ เดี๋ยวถ้าร้องไห้อย่ามาโทษผมทีหลัง”
ญาธิดายิ้ม “ไม่ต้องห่วง ฉันกล้าหาญมากนะ”
ตราบใดที่คิรินตกลงเรื่องพรีเซนเตอร์ของ redeur มันก็ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเธอ
ในเวลานี้ รถเจ็ดแปดคันข้างๆ ก็พร้อมแล้ว ข้างหลังรถแต่ละคันมีหญิงสาวสวยหนึ่งคนนั่งอยู่ ญาธิดาสูดหายใจ ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกประหม่า
เสียงดัง “ปัง” รถแข่งจึงส่งเสียง “บรืน—” ดังกระหึ่ม พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลูกศรถูกยิงจากสาย!
ญาธิดารู้สึกเพียงว่าร่างของตัวเองถูกคลื่นลมซัดกลับกะทันหัน สองมือคว้าข้างหน้าตามสัญชาตญาณ กอดเอวของคิรินในทันใด
เสียงหวีดหวิวของลมแรง เสียงคำรามของเครื่องยนต์…ผสมปนเปกันในหู แต่ด้วยสวมหมวกกันน็อคหนานุ่ม ทุกสรรพเสียงจึงอุดอู้…
ญาธิดากอดเอวของคิรินแน่นจนแทบไม่กล้าคลาย เธอกัดฟันพลางหลับตา ร่างกายเอียงตามการเอียงของรถ รู้สึกสยองขวัญและตื่นเต้นกับรถที่แล่นด้วยความเร็วสูง
ตรงโค้งกว้างถัดไป ในที่สุดญาธิดาก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา ลมพัดเข้าปากและลำคอ เส้นผมแห้งและตึง
คิรินนั่งอยู่ข้างหน้าได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังมาจากด้านหลัง จึงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก แววตาเกิดประกายเจ้าเล่ห์
เขายังจงใจเพิ่มมุมเอียงของรถในอีกหลายโค้ง ให้เธอได้สัมผัสได้ว่าอะไรที่เรียกว่า “ความเร็วและความตื่นเต้น”!
เมื่อครู่ผู้หญิงที่ยังให้คำมั่นว่าตัวเองไม่กลัวเหมือนตอนนี้จะหายไปแล้ว ถึงตอนนี้คงยอมรับแล้วว่าตัวเองกลัวจริงๆ
เขาอยากสั่งสอนเธอ ซึ่งมีอีกหลายวิธี แต่กลัวว่าจะไม่ต้องใช้ทั้งหมด!
ญาธิดาหลับตาแน่น สองแขนโอบรอบเอวชายหนุ่ม แทบอยากจะรวมร่างกับเขา โลกของเธอหมุนวน เธอเวียนศีรษะไปหมด
รถค่อยๆ ช้าลงที่ปลายทางและไม่นานก็หยุดจอด ญาธิดานั่งข้างหลังตัวแข็งทื่อ สมองยังคงวิงเวียน สองแขนกอดรัดรอบเอวของคิริน ไม่ยอมปล่อยและไม่อยากลืมตา
คิรินกระแอมไอเบาๆ “ยังไม่ปล่อยมืออีก”
จบไปหนึ่งรอบ เธอฉวยโอกาสจากเขาไปไม่น้อย ถึงท้ายที่สุดแล้วยังไม่ยอมปล่อยมืออีกเหรอ
ญาธิดาได้ยินเสียง เสียงที่เธอได้ยินในหูมีเสียงกระหึ่มตามมาด้วย เธอกัดฟันแล้วปล่อยมืออย่างไร้สติไม่รู้เนื้อรู้ตัว
วินาทีที่ลงจากรถ น้ำกรดในท้องก็ผสมเข้าด้วยกัน สองเท้าเพิ่งเหยียบพื้น โลกตรงหน้าพลันหมุน เธอรีบถอดหมวกออก แล้วโก่งคออาเจียนอย่างไทนไม่ไหว
คิรินขมวดคิ้วโดยที่คนอื่นยังไม่ทันได้สังเกตเห็น ก้าวถอยหลังและถอดหมวกออกอย่างสง่างาม มองดูเธอราวกับเป็นผู้ชม
ญาธิดาอาเจียนอยู่นาน กระทั่งในที่สุดก็คายน้ำย่อยออกมา ขณะนี้มีมือเรียวข้างหนึ่งยื่นขวดน้ำแร่ที่เปิดอยู่ส่งให้
ญาธิดายื่นมือไปรับมาบ้วนปาก จากนั้นถึงได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง
เธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง พอดีกับที่เห็นคิรินยืนกอดอกอยู่ข้างๆ จ้องมองเธอด้วยความสนใจ
ญาธิดาสูดหายใจ ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอ เธอหายใจเข้าลึกแล้วถามว่า “แบบนี้โอเคหรือยัง”
เป็นนัยว่าเธอเป็นขนาดนี้แล้ว เขายังไม่คิดให้อภัยเธออีกเหรอ