ดวงใจภวินท์ - บทที่ 331 ท้องแล้ว
บทที่ 331 ท้องแล้ว
ทันใดนั้น มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเธอ สีหน้าของนิวราพลันซีดเผือด
หรือว่า ญาธิดาเธอ…
เวลานี้ เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นข้างหู “นิว เธอเป็นอะไร”
นิวราสูดหายใจเข้าลึก รวบรวมสติกลับมา ดวงตามีแววสับสน รีบฉีกยิ้ม “เปล่า…ไม่ได้เป็นอะไร”
ภวินท์พูดเสียงเบา “เอาล่ะ เดี๋ยวพี่มีประชุม เธอรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
นิวราพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ผิดปกติที่ไม่ได้เรียกร้องอยากอยู่ต่อ เธอสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดเสียงเบา “พี่วิน นิวจะไปห้องน้ำก่อน”
เมื่อได้ยินคำตอบรับของภวินท์ เธอก็ลุกขึ้นเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เพิ่งเดินออกมา เธอก็มองไปรอบๆ ในที่สุดก็เห็นด้านหลังของธิดาตรงทางเดิน เธอวิ่งไล่ตามไปทันทีและพูดว่า “ธิดา เดี๋ยวก่อน!”
ญาธิดาได้ยินเสียงแล้วหยุดเดิน หันกลับมาเห็นเธอ จึงถามด้วยความสงสัย “คุณนิว มีอะไรเหรอ”
นิวราซ่อนสายตาหยั่งเชิง ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วยกยิ้มมุมปาก “ก็ไม่มีอะไรหรอก นี่คือรูปที่ถ่ายในงานหมั้นเมื่อครั้งก่อน เธออยากได้ไหม ฉันจะส่งให้”
ญาธิดาลังเลครู่หนึ่งและต้องการปฏิเสธ แต่ใครจะรู้นิวราเปิดรูปภาพออกมาส่ายไปมาตรงหน้าเธอแล้ว
ในภาพ ทั้งสี่ยืนเรียงกันเป็นแถวดูสะดุดตามาก เหลือบไปเห็นชายหน้าตาบึ้งตึงที่ยืนอยู่ข้างนิวรา เธอลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสียงเบา “งั้นคุณส่งให้ฉันแล้วกัน”
“โอเค!” นิวราพูดแล้วส่งรูปนั้นไปให้เธอ ไม่รู้ว่าไม่ได้ตั้งใจหรือจงใจ เธอพูดต่ออีกว่า “เธอกับคุณธีทัตยืนด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมาก! คู่สร้างคู่สมจริงๆเลย !”
ญาธิดาได้ยินอย่างนั้นจึงฝืนยิ้มและไม่ตอบ
นิวราชำเลืองมองดูเธอ ก่อนจะถามคำถามที่ดูเหมือนจะถามไปเรื่อยเปื่อย “จริงสิ ซุปปลาเมื่อครู่อร่อยไหม ฉันเห็นเมื่อครู่คุณเหมือนจะไม่ค่อยชอบ”
ญาธิดาหยุดนิ่งแล้วพูดเนิบช้า “ก็อร่อย แต่วันนี้ฉันไม่ค่อยสบาย มันไม่เกี่ยวกับซุปปลา”
เมื่อได้ยินดังนั้น ประกายความขุ่นมัวแวบผ่านสายตาของนิวรา เธอกระตุกยิ้มมุมปากและพูดเสียงเบา “งั้นก็ดี ฉันคิดว่าเป็นเพราะเชฟของบ้านเราทำไม่อร่อยเสียอีก…”
ทั้งคู่คุยกันเรื่อยเปื่อยอีกไม่กี่คำก่อนจะแยกย้าย
เมื่อเห็นญาธิดาเดินจากไปไกลแล้ว นิวราซึ่งยืนอยู่ที่เดิมก็มีสีหน้าเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ มือที่ตกอยู่ข้างกายก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว
เพราะเรื่องระหว่างญาธิดากับภวินท์ในดีต เธอจึงไม่คิดมากไม่ได้ สรุปแล้ว เธอต้องไม่ปล่อยให้เรื่องไม่คาดฝันใดๆ เกิดขึ้น!
เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออก พูดด้วยเสียงต่ำว่า “ชยิน นายจับตามองคนนี้ให้ฉันหน่อย”
ตลอดทั้งวันหลังจากนั่งรถแข่ง ญาธิดารู้สึกไม่ค่อยสบายวิงเวียนศีรษะ ถึงขั้นเบื่ออาหาร อาการเหล่านี้รวมกัน ทำให้เธอคิดว่าคิรินวางยาเธอหรือไม่ ถึงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายเช่นนี้
เดิมทีเธอคิดว่าหลังจากพักผ่อนมาทั้งคืนแล้วจะดีขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าพอเช้าวันรุ่งขึ้นอาการกลับยิ่งแย่ลง เธอซื้ออาหารเช้า ไปถึงออฟฟิศแล้วเปิดขนมปังกินไปแค่หนึ่งคำ ท้องไส้ก็ปั่นป่วน เกิดอาการเหมือนคลื่นไส้
หนึ่งคำที่กินเข้าไปแทบจะพ่นออกมา เมื่อมองดูขนมปังที่เหลือ เธอก็ไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย
ชมพู่เดินเข้ามา เหลือบมองอาหารเช้าที่เธอกำลังจ้องมองอยู่บนโต๊ะ และถามด้วยความสงสัย “ธิดา แกเป็นอะไร อาหารเช้าไม่อร่อยเหรอ”
ญาธิดาขมวดคิ้วและพูดเสียงเบา “ไม่ใช่ ฉันไม่สบายนิดหน่อยน่ะ”
ชมพู่ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น โน้มตัวเข้าหาทันที และพูดอย่างตื่นเต้น “ธิดา ดูจากอาการของเธอตั้งแต่เมื่อวานนี้ เธออาจมีปัญหาเกี่ยวกับท้องไส้ อาจเป็นอาหารเป็นพิษ หรืออาจจะ…”
เธอลากเสียงยาว “ท้องแล้ว!”
ทันทีที่ญาธิดาได้ยินก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ รีบเอื้อมมือไปตบเธอนิดหน่อย “อย่าพูดไร้สาระ มันจะเป็นอย่างที่คุณพูดได้ยังไงกันล่ะ!”
ชมพู่ยิ้มและพูดเบาๆ “ฉันพูดเล่น แต่เรื่องแบบนี้มันจะใหญ่หรือเล็ก ฉันก็คิดว่าคุณควรไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายดูดีกว่านะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นญาธิดาก็เก็บรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วพูดเสียงเบา “คุณพูดถูก งั้นฉันจะใช้เวลาตอนเที่ยงไปตรวจที่โรงพยาบาล”
ยังไม่ถึงเวลาเที่ยง ญาธิดาก็บอกกับชมพู่ว่าจะออกจากบริษัทก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง แล้วตรงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
ส่องกล้อง อัลตราซาวนด์ ทำทุกอย่างที่ควรทำ เธอนั่งรอผลการตรวจอยู่ข้างนอก ในใจตื่นตระหนกเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
อาการของเธอ ไม่ควรจะจริงจังอย่างที่ชมพู่พูดจริงเหรอ
หลังจากรอสี่สิบนาที เธอถึงเพิ่งได้ผลตรวจ ท้องของเธอปกติ เมื่อได้แผ่นตรวจทดสอบการตั้งครรภ์ หมอมองเธอแล้วพูดด้วยเสียงเบา “คุณท้องแล้วค่ะ”
เมื่อญาธิดาได้ยิน ในหัวมีเสียง “วิ้ง” เธอยังคิดว่าตัวเองได้ยินผิด จึงรีบถามอีกครั้ง “อะไรนะคะ”
ดูเหมือนโรงพยาบาลจะคุ้นเคยกับปฏิกิริยาแบบนี้ จึงเน้นทุกคำพูดบอกเธอซ้ำ “คุณท้องแล้วค่ะ”
ญาธิดาตกใจในทันใด ในใจเหมือนมีอะไรระเบิด เธอชะงักนิ่งอยู่กับที่ นานมากก็ไม่ได้สติกลับมา
เธอจะท้องได้ยังไง เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับใคร ยกเว้นกับภวินท์ครั้งนั้น…
หมอพูดสั้นๆ ว่า “ท้องได้ห้าสัปดาห์แล้วค่ะ ”
ญาธิดาทวนคำพูดของหมอในใจอยู่หลายรอบ
“ท้องได้ห้าสัปดาห์แล้ว…”
“ท้องห้าสัปดาห์…”
ถ้านับดู เวลาก็พอดีกับที่เจอภวินท์เมื่อครั้งล่าสุด
ญาธิดากำมือแน่น เหงื่อซึมออกฝ่ามือ เด็กคนนี้ สุดท้ายแล้วเธอต้องการหรือเปล่า
เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากท้องครั้งก่อนเหมือนหนังที่ฉายผ่านหน้าเธอเข้ามาเฟรมต่อเฟรม…
ความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกเข้าครอบงำจิตใจอีกครั้ง จากตอนนั้นเธอเคยส่งเสียงร้องกลางดึกนับครั้งไม่ถ้วน
ผู้หญิงนี่แปลกมากจริงๆ ตอนไม่ได้ท้องก็อาจต่อต้านเรื่องนี้ แต่เมื่อตัวเองกลายเป็นแม่และเปลี่ยนสถานะ ชีวิตเล็กๆ ในร่างกายก็เหมือนจะเชื่อมโยงกับตัวเองทุกลมหายใจจนไม่สามารถแยกออกจากกันได้
แต่มันเกิดขึ้นสองครั้งติดต่อกันแล้วที่เด็กมาไม่ถูกเวลา ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภวินท์ แล้วเธอจะให้กำเนิดเด็กในฐานะอะไร
“ตัดสินใจได้แล้วหรือยังคะ ทำแท้งหรือเก็บเอาไว้”
เสียงหมอดังขึ้นข้างหู ญาธิดาได้สติกลับมา ดวงตาชื้น เธอสูดหายใจเข้าลึก “ขอคิดดูก่อนค่ะ”
พูดจบแล้วเธอก็หยิบใบรายการตรวจบนโต๊ะ แล้วก้าวเดินออกไป
ทุกอย่างสับสนวุ่นวายผสมปนเปไปหมด ทำให้เธอไม่สามารถตัดสินใจได้ในตอนนี้
ออกมาจากโรงพยาบาล เธอเดินไปตามถนนข้างนอก ไม่รู้ว่านานเท่าไร ก่อนจะค่อยๆ ยอมรับความจริงข้อนี้
การมาถึงของชีวิตเล็กๆ นี้อาจเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อชดเชยชีวิตเล็กๆ ก่อนหน้านี้ที่ตายไป จึงส่งนางฟ้าตัวน้อยมาให้เธออีกคนหนึ่ง
เมื่อเธอคิดได้แบบนี้ ปมในใจก็ดูเหมือนจะค่อยๆ คลายออก
เด็กคนนี้ ด้วยความเห็นแก่ตัว เธออยากเก็บเอาไว้ แต่ทางฝั่งภวินท์ล่ะ จะเห็นด้วยไหม