ดวงใจภวินท์ - บทที่ 334 เข้าข้างคนนอก
บทที่ 334 เข้าข้างคนนอก
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ภวินท์ก็ยกมือขึ้นมาดึงเนคไทที่คอเสื้ออย่างหงุดหงิด อารมณ์ยุ่งเหยิงไปหมด
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วงนี้ไม่ว่าเรื่องไหนที่มันเกี่ยวข้องกับญาธิดา ล้วนแล้วแต่ทำให้เขาหงุดหงิดและโกรธง่าย
ขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น ภวินท์ขมวดคิ้วหยิบขึ้นมาเหลือบมอง
ชื่อของ “นิว” เด้งขึ้นบนหน้าจอ เขาลังเลอยู่สองวินาที ก่อนจะยกมือขึ้นกดปุ่มตอบรับ
“ว่าไง”
“พี่วิน อย่าลืมนัดของเรานะ เย็นนี้ต้องมาทานอาหารที่บ้านนิว”
เขายกมือขึ้นกดๆ คิ้วและพูดน้ำเสียงบางเบา “อืม พี่รู้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเมื่อถึงเวลานิวจะไปหาพี่ที่บริษัท แล้วเราสองคนไปด้วยกันนะ”
ภวินท์ปฏิเสธโดยไม่ลังเล “ผมยังมีเรื่องทางนี้ต้องจัดการ คุณรอผมที่บ้านก็ได้ ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมา”
นิวราพูดอย่างค่อนข้างผิดหวัง “เอางั้นก็ได้ งั้นฉันจะรอคุณที่บ้าน”
วางสายไปแล้ว แต่ความหงุดหงิดในใจภวินท์ไม่บรรเทาลงเลย
วันนี้นิวราชวนเขาไปทานอาหารเย็นที่บ้านตระกูลวรโชติ ถ้าพูดให้ดูดีก็เป็นงานเลี้ยงของครอบครัว แต่ที่จริงแล้วก็เป็นงานเลี้ยงบังหน้า เขาไม่ต้องคิดก็เดาได้ว่าคราวนี้ชนัดพลเป็นคนสั่งแน่นอนเห็นได้ชัดว่าการสังสรรค์ครั้งนี้ต้องมีอะไรแอบแฝง
แต่เนื่องจากสถานะระหว่างเขากับนิวรา เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธโอกาสแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังหกโมงเย็น ภวินท์ออกจากบริษัท ตรงไปงานเลี้ยงที่บ้านตระกูลวรโชติ
ปริญไม่อยู่ที่บ้าน ที่มาต้อนรับเขามีเพียงชนัดพล คุณพิมและนิวรา ดูเป็นครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันดี เริ่มต้นจากทักทายไปจนถึงคุยกันหลังทานข้าว เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
หลังอาหารเย็น พวกเขาคุยกันที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
“ฉันจะไปให้ม่บ้านเตรียมผลไม้ พวกคุณคุยกันไปก่อน”
คุณพิมยิ้มให้พวกเขา ลุกขึ้นและออกไป
เวลานี้ที่โซฟาเหลือเพียงภวินท์ ชนัดพลและนิวราสามคนเท่านั้น
ชนัดพลจิบชา สายตาเฉียบคมกวาดมองภวินท์ หลังจากนิ่งไปสองสามวินาที จึงค่อยๆ พูดขึ้นว่า “วิน พูดตามตรง ครั้งนี้เธอทำให้ฉันประหลาดใจ”
“หืม?” ภวินท์เลื่อนสายตาขึ้นมองชนัดพลอย่างสบายๆ “คุณลุงหมายถึงอะไรครับ”
ชนัดพลยิ้มและพูดว่า “ก็เรื่องที่STN Groupเจอเหตุการณ์ไม่สู้ดีก่อนหน้านี้ เธอสามารถพาSTN Groupผ่านมาได้ น่าชื่นชมจริงๆ!”
“คุณลุงชมเกินไปแล้วครับ พูดตามตรง มันไม่นับว่าเป็นเครดิตของผม STN Groupมีรากฐานมั่นคง ไม่ใช่สิ่งที่พวกเศษสวะจะมาสั่นคลอนได้ เรื่องนี้ผมไม่กล้ารับเครดิตไว้คนเดียวหรอกครับ”
เมื่อเขาพูดอย่างนี้ นิวราที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าไปฉับพลัน
เหตุการณ์นี้เรียกได้ว่าเป็นฝีมือของเธอกับพี่ชายสองคน ตอนนี้เรื่องราวต่างๆ เลยเถิดมาถึงจุดนี้ แล้วเธอก็ถูกภวินท์เรียกว่าเป็นเศษสวะ…
แม้ว่าเธอจะค่อนข้างรู้สึกอึดอัดใจ แต่เธอยังคงยกยิ้ม กอดแขนของภวินท์แน่น “พี่วิน อย่าถ่อมตัวเลย ถ้าไม่มีพี่ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าSTN Groupจะเป็นยังไง!”
ภวินท์ได้ยินแล้วกระตุกยิ้มมุมปากไม่ตอบอะไร
เวลานี้ ชนัดพลซึ่งนั่งตรงข้ามก็กระแอมไอไปสองครั้ง สุดท้ายจึงตัดสินใจตัดเข้าประเด็น “ยังไงก็เถอะ วิน คราวนี้ทางบริษัทของลุงมีโปรเจ็กต์หนึ่ง เธอว่าเธออยากคว้าโอกาสนี้ไว้ไหม…”
“คุณลุง ตอนนี้บริษัทของผมกำลังประสบปัญหาวุ่นวาย และการสูญเสียก็ไม่ใช่น้อย ไม่ต้องพูดถึงการร่วมธุรกิจอื่นๆ ช่วงนี้ เรายังต้องระมัดระวังเรื่องบัญชีในบริษัท เพราะงั้นจึงได้แต่หวังว่าต่อไปเราจะมีโอกาสร่วมธุรกิจกันในอนาคตครับ”
ภวินท์พูดคำเหล่านี้อย่างเนิบช้าไม่เร่งรีบ เป็นการบังคับให้ชนัดพลกลืนคำพูดที่เหลือกลับไป แน่นอนว่าชนัดพลมีสีหน้ามืดมนและไม่พอใจ…
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่งก็ไอเบาๆ สองที จิบน้ำชาแล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองภวินท์ “วิน ครั้งก่อนลุงพูดเรื่องการร่วมธุรกิจกับเธอ เธอก็ปฏิเสธไป ครั้งนี้ก็ยังเป็นแบบนี้ ถ้าเธอมีความคิดเห็นอะไร ไม่สู้บอกลุงมาให้ชัดเจนเลยดีกว่า”
ภวินท์อมยิ้มแล้วพูดเสียงเบา “จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงครับ แค่บริษัทมีปัญหาเยอะอยู่จริงๆ หวังว่าคุณลุงจะเข้าใจผมครับ”
คำพูดของเขา ไม่ว่าจะฟังยังไง ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ชนัดพลขมวดคิ้วเหมือนโจมตีอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่สะทกสะท้าน หน้าตาหมองคล้ำไม่สามารถตอบโต้ได้
นิวราที่อยู่ข้างๆ มองบรรยากาศกระอักกระอ่วนระหว่างทั้งสองคนออก เธอหายใจเข้าลึกแล้วมองไปยังชนัดพล “คุณพ่อคะ บริษัทของพี่วินเพิ่งผ่านเรื่องวุ่นวาย ตอนนี้อาจจะไม่สะดวกจริงๆ…”
ถ้าเธอไม่พูดก็ไม่เป็นไร พอพูดแบบนี้ สีหน้าของชนัดพลก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
ขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของภวินท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมา สีหน้าดูจริงจังขึ้น ส่งสัญญาณให้ชนัดพล “คุณลุง ขอโทษนะครับ ผมต้องรับสาย”
พูดเสร็จเขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียงด้านข้างเพื่อรับโทรศัพท์
ชนัดพลนั่งบนโซฟา เหลือบมองชายหนุ่มที่ระเบียง อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเยาะ “ไม่อยากร่วมธรุกิจกันก็พูดมาตรงๆ ก็ได้ ยังจะอ้างอะไรมากมาย!”
จากนั้นเขาก็หันไปมองนิวราที่นั่งตรงข้าม “แกก็อีกคน! ยังไม่ทันแต่งงานก็เรียนรู้ที่จะเข้าข้างคนนอกแล้ว!”
นิวราได้ยินแล้วก็ทำหน้ากลุ้มใจ ลดเสียงเบาลง “แล้วคุณพ่อจะให้หนูพูดยังไงล่ะคะ”
ชนัดพลสายตาคมเฉียบ กดเสียงต่ำสั่งสอน “แน่นอนว่าแกต้องช่วยฉันเกลี้ยกล่อมเขา แกไม่รู้หรอกว่าถ้ามีอำนาจของตระกูลสถิรานนท์ บ้านเราต้องลืมตาอ้าปากได้แน่ มีแค่การแต่งเข้าตระกูลที่แข็งแกร่งเท่านั้น แกถึงจะไม่ถูกคนอื่นรังแก เข้าใจไหม!”
นิวราคิดว่าที่เขาพูดมามันมีเหตุมีผล เธอจึงพยักหน้า “งั้นคุณพ่อคะ นิวจะช่วยคุณพ่อเกลี้ยกล่อมเขาเอง!”
ชนัดพลส่งเสียงเยาะ “ก็ยังใช้ได้!”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็เหลือบมองยังภวินท์ที่วางสายแล้วเดินกลับมา จากนั้นจึงส่งสายตาให้เธอ
นิวราเข้าใจ เมื่อภวินท์มาถึง จึงยื่นมือไปจับแขนเขาอย่างออดอ้อน กำลังจะพูด ใครจะรู้ว่าคุณพิมเดินเข้ามาพอดี และวางจานผลไม้ไว้บนโต๊ะให้ทุกคนได้ทานผลไม้กัน
บรรยากาศในเวลานี้ ถ้านิวราพูดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา ดูจะไม่รู้จักกาลเทศะ เธอจึงสูดหายใจเข้าลึกแล้วทำการเปลี่ยนเรื่อง
ผ่านไปสักพักภวินท์ก็เหลือบมองดูเวลาและพูดว่า “คุณลุงคุณป้า นี่ก็ดึกแล้ว ผมควรกลับได้แล้ว”
ได้ยินภวินท์พูดอย่างนี้ ชนัดพลก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่มองไปทางนิวรา “ให้นิวไปส่งเธอหน้าประตูสิ ขับรถดีๆ นะ”
นิวราพยักหน้าแล้วจับมือของภวินท์ทันที “พี่วิน ฉันจะไปส่งคุณ”
ภวินท์ไม่ได้ปฏิเสธ หลังจากบอกลาชนัดพลกับคุณพิม ถึงได้จูงนิวราเดินออกไป
นิวราไปส่งอีกฝ่ายที่รถ ดวงตาเป็นประกาย และจู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า “พี่วิน เมื่อครู่ที่คุณพ่อเขา…พี่อย่าใส่ใจเลยนะคะ”
ภวินท์พูดเสียงเบา “ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรหรอก”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็เปิดประตูกำลังจะขึ้นรถ “เอาล่ะ กลับไปได้แล้ว”
“เดี๋ยวก่อน!” นิวราจับมือของเขาไม่ยอมปล่อย และรีบพูดว่า “พี่วินคะ ช่วยพ่อนิวหน่อยไม่ได้เหรอ เขาทำงานหนักมากจริงๆ…”
หญิงสาวจ้องมองด้วยดวงตากลมโตสีดำสนิทที่มีน้ำตาคลอ ค่อนข้างน่าสงสาร น้ำเสียงเจือความออดอ้อนอยู่ในที ผู้ชายคนไหนที่ได้เห็นก็ปฏิเสธไม่ลง
แต่ใจภวินท์กลับรู้สึกขยะแขยง เขามองตรงไปที่นิวรา น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “เขาเป็นคนบอกให้นิวมาพูดเหรอ”
นิวราสูดลมหายใจเข้าลึก และกัดริมฝีปาก “ไม่ใช่…คุณพ่อไม่ได้ให้นิวมาพูด นิวพูดเอง…”
ยังพูดไม่ทันจบ ภวินท์ก็ดึงมือออกจากมือเธอ แล้วเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสองคน
เขาจ้องไปที่นิวราด้วยสีหน้าจริงจังและพูดเน้นคำต่อคำ “นิว เธออย่าทำอะไรให้ฉันผิดหวังอีก”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้วเขาก็หันหลังกลับขึ้นรถไป ปิดประตูรถโดยไม่ลังเล และขับรถออกไป