ดวงใจภวินท์ - บทที่ 340 ถูกปาปารัซซี่แบล็คเมล์
บทที่ 340 ถูกปาปารัซซี่แบล็คเมล์
บางทีอาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บ ภวินท์ไปถึงห้องนอนแล้วร่างกายเข้าสู่สภาวะอ่อนเพลียโดยไม่รู้ตัว เขานอนบนเตียงและผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
ขณะหลับ แผลที่แขนซ้ายปวดเล็กน้อย ทรมานเขาไม่หยุดหย่อน กระทั่งเขาตื่นนอนก็สายมากแล้ว
หลังจากล้างหน้าล้างตัว ภวินท์ก็ลงไปชั้นล่าง หลุยส์กับต้นกำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะ
เห็นเขาลงมา หลุยส์จึงเอ่ยปากถาม “แผลเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นอะไรมาก”
เขาก็ไม่ใช่ว่าได้รับบาดเจ็บครั้งแรก
ภวินท์สีหน้าซีดเซียว เดินไปหยิบกาแฟบนโต๊ะแล้วดื่มไปสองที
ร่างเงาเดินเข้ามาพูดอย่างเคร่งขรึม “พายุมา”
เขาพูดอย่างนั้นแล้วพายุก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงกระดาษในมือ
เขาเข้ามาแล้ววางถุงกระดาษในมือลงบนโต๊ะ “คุณภวินท์ครับ นี่คือเสื้อผ้าที่คุณต้องการ ผมเลื่อนการประชุมตอนเช้าของวันนี้เป็นพรุ่งนี้แล้ว”
เขาพูดอย่างนั้นแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นแขนที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ พลันขมวดคิ้วพูดว่า “คุณภวินท์ คุณ…”
ภวินท์ตอบบางเบา “ไม่เป็นอะไร”
เขาพูดแล้ววางแก้วกาแฟในมือลง มองพายุและพูดว่า “ถ้ายังไม่ได้ทานอะไร ก็ทานด้วยกันสิ”
พายุตอบเสียงเบา “ผมทานมาแล้วครับ มีเรื่องหนึ่ง คุณภวินท์ ผมไม่รู้ว่าควรพูดไหม…”
เห็นความลังเลในสีหน้าของพายุ ภวินท์ก็เข้าใจทันที จึงนำเขาไปตรงระเบียงด้านข้าง
พายุปิดประตูระเบียงแล้วพูดว่า “เมื่อเช้าผมได้รับข้อความ”
เขาพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดข้อความยื่นให้เขาดู
ภวินท์ไม่ได้รับ เขาเหลือบมอง เห็นรูปถ่ายสองสามภาพส่งมาพร้อมกับข้อความ ในรูปเป็นญาธิดากับคิรินอยู่ด้วยกัน ทั้งอยู่ในกองถ่ายและสโมสรแข่งรถ สองคนดูสนิทชิดใกล้ ล้วนเป็นการถูกแอบถ่าย
พายุเห็นภวินท์มีสีหน้ามืดมน จึงรีบอธิบาย “ผมตรวจสอบแล้ว ปาปารัสซี่ที่ถ่ายน่าจะเป็นบริษัทสื่อเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต้องการใช้ภาพพวกนี้หาเงินก้อนโต ไม่อย่างนั้นเป็นไปได้ว่าจะเปิดเผยออกมา”
ภวินท์ขมวดคิ้ว นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ซื้อรูปถ่ายมา ส่วนบริษัทนั่น คิดบัญชีทีหลัง”
เมื่อพูดจบ เขาก็สีหน้าหมองคล้ำเดินออกจากระเบียงไป
เขาแค่ให้ญาธิดาไปเจรจาเรื่องพรีเซนเตอร์ของredeur คิดไม่ถึงว่าเธอจะไปมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคิริน แถมยังดูสนิทเกินเลย เขาดูถูกเธอเกินไปจริงๆ!
ในใจมีแต่ความหงุดหงิด เขาหยิบชุดสูทที่พายุเอามาส่ง แล้วเดินขึ้นไปชั้นสอง
หลุยส์ถามอย่างประหลาดใจ “วิน นายยังไม่ได้ทานอาหารเช้า…”
ชายหนุ่มไม่ตอบ เดินออกไปทิ้งไว้เพียงแผ่นหลังอันเย็นชา
หลุยส์เลิกคิ้วอย่างสงสัย หันไปมองพายุที่ออกมาจากระเบียง แล้วถามว่า “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ”
พายุส่ายหน้า “ไม่มีอะไรครับ”
หลุยส์เห็นดังนั้นจึงเบะปาก “น่าเบื่อ”
ในเวลาเดียวกัน อีกด้าน ญาธิดากำลังถือตะกร้าผลไม้และช่อดอกไม้ ยืนอยู่ตรงทางเข้าลิฟต์ชั้น1 ของโรงพยาบาล ด้วยใจที่ค่อนข้างกระสับกระส่าย
เธอได้ยินว่านิวราฟื้นเมื่อวานตอนบ่าย ดังนั้นจึงมาเยี่ยมเธอแต่เช้าตรู่
ไม่ว่ายังไงถ้าไม่ใช่เพราะนิวรา ตอนนี้เวลานี้คนที่นอนอยู่บนเตียงคงเป็นเธอ และหลังจากเกิดอุบัติเหตุแบบนั้น ลูกในท้องของเธอจะยังคงอยู่หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สรุปแล้ว เธอยังต้องขอบคุณนิวรา
“ติ๊ง” ประตูลิฟต์ดังขึ้น เธอก้าวเข้าไปและกดชั้นตรงวอร์ดที่นิวราอยู่
หลังออกจากลิฟต์ เธอเดินไปตามทางเดินได้สักพัก ก็พบหมายเลขห้องพักผู้ป่วย สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู
ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากประตู ประตูถูกเปิดออก ปริญยืนอยู่ตรงประตู เหล่มองเธออย่างดูถูก ดวงตามีแววรังเกียจ “คุณมาทำไม”
ญาธิดาหัวใจตึงแน่น รู้ว่าเขาเป็นพี่ชายของนิวรา เธอลดสายตาลงและพูดเสียงเบา “ฉันอยากมาเยี่ยมคุณนิวราค่ะ”
ปริญส่งเสียงเยาะ “ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ ไปให้พ้น”
เขาพูดอย่างนั้นแล้วหันหลังตวัดมือปิดประตูใส่
ทันใดนั้นก็มีเสียงดันมา “ปริญ มีอะไร”
ผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวตรงประตู เปิดประตูออกอีกครั้ง เห็นญาธิดาอยู่หน้าประตูก็ขมวดคิ้ว แล้วหันไปถามเธอว่า “คุณคือผู้หญิงที่นิวของเราช่วยไว้ใช่ไหม”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกแล้วพยักหน้า “ฉันอยากมาเยี่ยมเธอและขอบคุณเธอ”
คุณพิมขมวดคิ้วพลางจ้องมองเธอ ก่อนจะพูดอย่างไม่เกรงใจ “ถ้าฉันจำไม่ผิด คุณคือผู้หญิงที่เคยพัวพันกับวินก่อนหน้านี้ใช่ไหม”
ญาธิดากำมือที่ถือดอกไม้แน่นขึ้น กัดริมฝีปากมองคุณพิม “ฉันกับคุณภวินท์…”
“ไม่ต้องอธิบาย ฉันรู้มาบ้างแล้ว” คุณพิมเหลือบมองเธอ สายตาเต็มไปด้วยการเสียดสี “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่านิวของเราจะสละชีวิตเพื่อช่วยผู้หญิงอย่างคุณทำไม ฉันขอแนะนำนะว่าถ้าคุณยังมีมโนธรรมบ้างก็อย่าเข้าไปแทรกกลางเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของคนอื่น เข้าใจไหม”
คำพูดของคุณพิมนั้นตรงไปตรงมาและรุนแรง ญาธิดาฟังแล้วรู้สึกเหมือนมีบางอย่างทิ่มแทงใจเธอ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด
เธอสูดหายใจและกัดฟันพูดว่า “คุณหญิงไม่ต้องห่วง เรื่องที่ผิดศีลธรรมแบบนั้นฉันจะไม่มีวันทำ”
เมื่อพูดจบ เธอก็วางตะกร้าผลไม้และดอกไม้ในมือไว้ตรงประตู และ พูดเน้นทีละคำว่า “ในเมื่อคุณไม่ให้ฉันเข้าไป ฉันก็ไม่ฝืนดึงดัน ฝากทักทายคุณนิวราด้วยก็แล้วกัน”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็โค้งให้คุณพิมและหันหลังเดินจากไป
ตอนนั้นเอง เสียงอ่อนแอของหญิงสาวก็ดังมาจากห้องพักผู้ป่วย “คุณแม่คะ นั่นธิดาหรือเปล่าคะ”
คุณพิมสีหน้าขุ่นมัว ขมวดคิ้วไม่รู้ควรตอบอย่างไร
จากนั้นเสียงของนิวราก็ดังขึ้นอีกครั้ง “คุณแม่คะ ให้ธิดาเข้ามาค่ะ”
ญาธิดายังเดินไปไม่ไกลย่อมได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอสูดหายใจเข้าลึกแล้วหันหลังกลับมา มองไปที่คุณพิมตรงประตู
คุณพิมขมวดคิ้วทำหน้าไม่เต็มใจ แต่เธอยังก้าวเดินไปมองญาธิดาและพูดอย่างเย็นชา “เอาล่ะ ในเมื่อนิวให้คุณเข้าไป คุณก็เข้าไปได้”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอจึงเบี่ยงตัวหลบให้
ญาธิดาดีใจมาก ก้าวเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยทันที
เพิ่งเดินเข้าไป ญาธิดาก็เห็นนิวรานอนอยู่บนเตียง สีหน้าเธอซีดเซียว ผ้าก๊อซพันรอบร่างกายในหลายๆ ที่ และดูอ่อนแอมาก
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ก้าวเข้าไปหาแล้วถามว่า “คุณ…โอเคไหม”
นิวรายิ้ม “ฉันไม่เป็นอะไร โอเคดี เธอมานั่งเร็ว”
ญาธิดาพยักหน้าและนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ความรู้สึกในใจค่อนข้างซับซ้อน
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็รวบรวมความกล้า เลื่อนสายตาขึ้นมองญาธิดาและพูดว่า “คุณนิว ฉันอยากขอบคุณสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้”
นิวราได้ยินดังนั้นก็อมยิ้ม “ขอบคุณอะไร ฉันได้ยินว่าเมื่อวานตอนที่ฉันกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต เป็นเธอที่บริจาคเลือดให้ฉัน!”
ญาธิดายิ้มและพูดเสียงเบา “ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องขอบคุณคุณ”
ถ้าไม่ใช่นิวรา เกรงว่าลูกในท้องเธอคงไม่อยู่แล้ว
นิวราเลื่อนสายตาขึ้นมองญาธิดา ดวงตาของเธอเกิดประกายเย็นชาขึ้นมาชั่วแวบ
ไม่นานสีหน้าของเธอก็ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม เธออมยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือของญาธิดา และพูดเสียงเบา “จริงๆ แล้วฉันเองก็ทำไปตามสัญชาตญาณ อีกอย่างก็เพราะเธอช่วยฉันถือของ ถ้าเธอเกิดเรื่องเพราะฉัน แล้วเธอเป็นลูกน้องของพี่วิน ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายกับเขายังไงน่ะสิ!”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็ฝืนยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ดูเหมือนเป็นการเตือนถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภวินท์อยู่ตลอดเวลา
ว่าเป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์เจ้านายลูกน้อยเท่านั้น