ดวงใจภวินท์ - บทที่ 345 เขาเป็นเจ้าของบ้าน
บทที่ 345 เขาเป็นเจ้าของบ้าน
คิรินถอนหายใจเบาๆ สีหน้าดูหม่นหมองเล็กน้อย “ เปล่า”
ขณะที่พูด เขาหยิบมือถือที่อยู่ข้างๆขึ้นมา เริ่มเล่นเกม
เมื่อเห็นท่าทีเขาเป็นแบบนี้ ญาธิดาสูดหายใจลึกๆ ในใจพอจะเดาอะไรออก
เมื่อกี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไปแตะรอยสะเก็ดของคิริน วันนี้อยากจะให้เขาเซ็นสัญญา กลัวว่าก็อาจจะไม่ได้แล้ว
รออยู่ชั่วครู่เห็นคิรินไม่มีท่าทีจะสนใจเธอ ญาธิดายิ้ม เก็บของเดินออกไป
เมื่อออกจากกองถ่าย ญาธิดามุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลกลาง ไปเยี่ยมดร.ยติภัทรกับคุณปภาวี ตอนที่กินข้าวมื้อเย็นด้วยกัน เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า “ พ่อคะแม่คะ พวกท่านเคยคิดอยากจะเปลี่ยนสถานที่การใช้ชีวิตไหม”
คุณปภาวีเมื่อได้ฟังที่กำลังฟังพูดเรื่องจุกจิกของครอบครัว ตะลึงไปพักหนึ่ง หันไปมองเธอ ถามด้วยอารมณ์อ่อนไหวว่า “ เป็นอะไรแกอยากจะเปลี่ยนสถานที่การใช้ชีวิตเหรอ”
“ เปล่า……….”
ญาธิดาโดนถามจนสำลัก “ ฉันก็ถามไปอย่างนั้นแหละ”
ดร.ยติภัทรก็หัวเราะและพูดว่า “เมือง J ดีมากเลย จังหวะการใช้ชีวิตก็ไม่ถือว่าเร็วเกินไป สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานก็ครบครัน และฉันกับแม่แกใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ครึ่งชีวิตแล้ว แต่ไหนแต่ไรยังไม่เคยคิดอยากจะเปลี่ยนสถานที่การใช้ชีวิต ”
ญาธิดาพยักหน้า คำพูดที่เอ่อล้นอยู่มุมปากก็พูดไม่ออก
ทันใดนั้น หลังมือรู้สึกอุ่นๆ ดร.ยติภัทรเอามือใหญ่ๆอุ่นๆปิดทับบนมือเธอ พูดเบาๆว่า “ ธิดาเอ๊ย ตอนนี้พ่อไม่ได้นึกถึงอะไร แค่คิดว่าอยากจะออกจากโรงพยาบาลให้ไวไว พวกเราทุกคนในบ้านมีความสุข ชั่วชีวิตฉันคนนี้ ก็เพียงพอแล้ว”
คุณปภาวีหัวเราะและพูดแทรกว่า “เฮ้ไม่ควรพูดแบบนี้ ต้องรอจนธิดาของพวกเราได้แต่งงาน ภารกิจของพวกเราถึงจะถือว่าสำเร็จ”
ดร.ยติภัทรเอ่ยว่า “ ลูกสาวเราเจอคนที่ชอบก็แต่งงาน หาไม่เจอฉันก็ยอมเลี้ยงเธอทั้งชีวิต”
“ งั้นคงไม่ได้ ฉันไม่สามารถที่ทนเห็นลูกสาวของเราขึ้นคาน ถึงตอนนั้นก็เหมือนฉันหาใครก็ได้มาแต่งงาน นั่นแหละชีวิต จุ๊ ๆ…….. ”
คุณปภาวีกับดร.ยติภัทรพูดกันไปพูดมา เป็นช่วงที่สองคนหยอกล้อกันไปมา
ญาธิดาที่อยู่ข้างๆ ได้แต่หัวเราะ เห็นเหตุการณ์ที่เป็นแบบนี้ กลับรู้สึกอบอุ่นในใจอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าคนในบ้านอยู่ด้วยกันจะเสียงดังเอะอะ แต่กลับรู้สึกอบอุ่น มีความสุข
แต่ว่า………
เมื่อนึกถึงชีวิตน้อยๆที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ในท้อง ความรู้สึกของญาธิดาก็แสดงออกถึงสายใยอบอุ่นที่บอกไม่ถูก เธอหายใจเข้าลึกๆ ยื่นมือออกไปลูบท้องน้อยเบาๆ รู้สึกตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนี้คิดๆดู พาดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีออกจากที่นี่ดูเหมือนว่าไม่ค่อยจะเป็นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ตรงนี้ครึ่งชีวิตแล้ว จะตัดขาดความรู้สึกเหล่านี้ได้ยังไงอีก
แต่ทว่า พอคิดอีกที ถ้าเธอไปคนเดียว ทิ้งพ่อแม่ไว้ที่เมือง Jเธอก็ไม่วางใจเหมือนกัน
คิดไปคิดมาอยู่แบบนี้ ญาธิดายิ่งรู้สึกปวดหัว
กลางคืนคุยเล่นเป็นเพื่อนดร.ยติภัทรอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วย หลังจากที่ปลอบให้เขาเอนกายพักผ่อน เธอถึงจะออกไป
กลับถึงหอพัก ญาธิดาผลักประตู ในหัวยังคงคิดเรื่องจุกจิกพวกนั้น เธอเปลี่ยนรองเท้า ยังไม่ทันเปิดไฟ จู่ ๆก็ได้ยินเสียงที่แตกละเอียดดังมาจากโซฟาฝั่งนั้น
กลางคืนคุยเล่นเป็นเพื่อนดร.ยติภัทรอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วย หลังจากที่ปลอบให้เขาเอนกายพักผ่อน เธอถึงจะออกไป
เธอชะงักไปทั้งร่างกาย แต่เดิมร่างกายที่ผ่อนคลายก็ตึงแน่นขึ้นมาทันที เธอเดินไปดูฝั่งนั้นด้วยความตื่นตระหนก เห็นเงาสีดำรางเลือนที่โซฟาฝั่งนั้น
เธอคว้าไม้กวาดที่อยู่ข้างๆขึ้นมาทันที เสียงสั่นเล็กน้อย “ ใคร”
หรือเป็นขโมย แต่ทว่าขโมยจะเข้ามาได้ยังไงละ ตอนที่เธอเปิดประตูเมื่อกี้ประตูล็อกไว้ดีแล้ว
เธอหายใจเข้าลึกๆ ตอนที่กำลังจะคลำหามือถือในกระเป๋า ก็ส่งเสียงที่คุ้นเคยจากฝั่งนั้นออกมา “ ฉันเอง”
ญาธิดาตกใจเล็กน้อย ผ่านไปสองวินาที ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เปิดสวิตซ์ไฟตรงทางเข้าให้สว่าง
เมื่อไฟเปิด สว่างไปทั่วห้องในทันที เธอถึงจะมองเห็นที่นั่งอยู่บนโซฟาได้ชัดเจน ไม่ใช่ใครคนอื่น เป็นภวินท์จริงๆ
ญาธิดาที่รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ที่คอถึงจะวางใจลงได้ แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ก็มีปฏิกิริยาตอบโต้อีกครั้ง “ คุณ…ทำไมมาอยู่ที่บ้านฉันได้”
ภวินท์พิงอยู่บนโซฟา ขยับปากเล็กน้อย “ คุณแน่ใจว่านี่เป็นบ้านคุณ”
เริ่มสืบสาวกันขึ้นมา เขานั่นแหละที่เป็นเจ้าของบ้านตัวจริงของบ้านนี้
ญาธิดานิ่งไปชั่วครู่ ถึงจะรู้สึกว่าภวินท์ผิดปกติ เขาพูดจาอ่อนแรง ราวกับว่าไม่มีเรี่ยวแรง……..
รวบรวมความกล้า เธอก้าวเดินเข้าไป พร้อมกับปิดประตู หลังจากนั้นถามด้วยความลังเล “ คุณ….เป็นอะไร ป่วยเหรอ”
ภวินท์ขมวดคิ้ว พูดจริงจังว่า “ หยิบกล่องยามา ช่วยฉันจัดการแผลหน่อย”
เมื่อฟังที่เขาพูดแบบนั้น ญาธิดารีบวิ่งไปดูที่ร่างกายเขา ถึงจะเห็นว่าเสื้อเชิ้ตสีขาวที่แขนซ้ายของเขาเปื้อนสีแดงอยู่หนึ่งจุด
“ คุณเป็นอะไร”
ญาธิดาประหลาดใจ ไม่กล้าชักช้า รีบหันตัวไปหยิบกล่องยา
เตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอถึงจะพบว่าด้านในภวินท์ได้พันแผลมาแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บาดแผลเหมือนกับว่าถูกฉีกออก คราบเลือดแดงคล้ำแดงอยู่หนึ่งจุด
เมื่อเห็นภวินท์ยืดตัวตรง ต้องการที่จะถอดเสื้อออกมา เธอยื่นมือไปกดไหล่ของเขา พูดน้ำเสียงจริงจังว่า “ อย่าขยับ ฉันทำเอง”
ตอนนี้ถ้าเขาขยับอีก กลัวแต่ว่าจะฉีกถึงแผลแน่ ๆ
เมื่อภวินท์ได้ยิน สายตาหยุดที่อยู่หน้าของญาธิดาครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เชื่อฟังไม่ขยับอีกเลย
ญาธิดาหยิบกรรไกรออกมา ตัดแขนเสื้อออก หลังจากนั้นแกะผ้าก็อซข้างบนออกอย่างระมัดระวัง
บาดแผลได้โผล่ออกมา ได้ถูกเย็บติดกันมาแล้ว แต่ยังมีคราบเลือดออกมา ดูแล้วน่ากลัวเล็กน้อย
ญาธิดาอดทนจนมือสั่นเล็กน้อย ฆ่าเชื้อที่แผลให้เขาอีกครั้ง ใส่ยา พันแผล
เมื่อพันผ้าก๊อซเรียบร้อยแล้ว เธอถึงจะโล่งใจ เงยหน้ามองภวินท์พูดว่า “ แผลนี้สรุปว่าคุณไปทำอะไรมา และทำไมไม่ไปโรงพยาบาล”
ภวินท์ขมวดคิ้ว เงยหน้ามองเธอ พูดเบาๆว่า “ ฉันหิวน้ำ”
ญาธิดา “ ………..”
สองคนมองตากันและกัน ต่างฝ่ายก็ไม่ยอมอ่อนข้อกันแบบนี้ ไม่ถึงหนึ่งนาที ญาธิดายอมรับความพ่ายแพ้ เธอได้แต่ถอนหายใจ จำใจต้องหันตัวไปรินน้ำให้เขาหนึ่งแก้ว
ภวินท์รับน้ำ หัวคิ้วคลายออกจากกัน คล้ายกับตั้งใจพูดว่า “ขอบคุณ”
ญาธิดาหันตัว กำลังจะเดินออก ได้ยินเสียงผู้ชายดังมาจากด้านหลังอีกครั้ง “ คืนนี้ คุณอาจจะต้องให้ผมค้างสักคืน”
“อะไรนะ”
ญาธิดาโกรธขึ้นทันที จ้องตาโตไปที่เขา “ ภวินท์ ถึงแม้คุณจะเป็นหัวหน้าฉัน แต่ที่นี่เป็นบ้านของฉัน คุณไม่สามารถที่จะทำตัวเหมือนไร้เหตุผลทุกครั้งมากินมานอนอยู่ที่นี่”
เมื่อภวินท์ได้ยิน หรี่ตาเล็กน้อย คล้ายกับหัวเราะเย้ย “ คุณเคยคิดไหม ฉันเข้ามาบ้านคุณได้ยังไง”
ญาธิดานิ่งอึ้งไป รู้สึกโง่เขลาเล็กน้อย
หลังจากที่ไม่รู้ว่าภวินท์จู่ ๆ เข้ามาบ้านเธอได้ตั้งแต่ตอนไหน หลังจากหนึ่งครั้งสองครั้ง เขาเข้ามาเหมือนกับว่าไม่เคยใช้กุญแจเลย……..
“คุณ……ขโมยกุญแจฉันไปปั๊มเหรอ”
“ฉันเลวทรามขนาดนั้นเลยเหรอ”
ภวินท์ค่อยๆลุกขึ้นยืน เดินตรงไปหาเธอ
ญาธิดาถอยหลังโดยไม่รู้ตัว “ งั้นตกลงคุณเข้ามาได้ยังไง”
เห็นสีหน้าเธอเป็นแบบนี้ ภวินท์ยิ้มอ่อนๆมุมปาก จู่ ๆ ค่อยๆโค้งตัวลง ใกล้ไปที่ข้างหูเธอ “ เพราะว่าฉันเป็นเจ้าของบ้าน”
“อะไรนะ”
ญาธิดาจ้องตาโต ปฏิเสธทันที “ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”
ภวินท์กระตุกมุมปาก พูดอย่างเยือกเย็นว่า “ เป็นไปไม่ได้เหรอ งั้นคุณคิดว่าราคาแบบนั้น มีคอนโดแบบนี้ให้แกเช่าได้ที่ไหน”
ทันใดนั้น ญาธิดาถึงกับเงียบเหมือนคนใบ้
ตอนแรกที่เช่าห้อง จริงๆเธอก็ยังแปลกใจมากๆว่าทำไมค่เช่าได้ถูกขนาดนี้……