ดวงใจภวินท์ - บทที่ 349 รู้หน้าไม่รู้ใจ
บทที่ 349 รู้หน้าไม่รู้ใจ
นี่เป็นความคิดที่น่ากลัวที่วนเวียนอยู่ในหัวญาธิดา ครึ่งวินาทีต่อมา ผิวของเธอขนลุกฟู่ขึ้นมาโดยควบคุมไม่ได้ เกิดความรู้สึกที่หวาดกลัวบางอย่างขึ้น
ถ้าเธอทายทุกอย่างได้อย่างถูกต้องละก็ รถมอเตอร์ไซค์คนนั้นที่นิวราส่งมา ไม่ใช่แค่เพื่อจะทำลายเธอ ยิ่งไปกว่านั้นคือเพื่อจะฆ่าลูกในท้องของเธอ
แต่ที่เธอจำได้ ที่ผ่านมานิวราเป็นผู้หญิงที่สุภาพอ่อนโยนเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่า………
ธีทัตดูท่าทีของญาธิดาที่ผิดปกติ เอ่ยปากเรียกเบาๆทันทีว่า “ ธิดา คุณโอเคไหม”
ญาธิดามีสติขึ้นมาทันทีไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหน มือสองข้างเย็นยะเยือกไปแล้ว
เธอเงยหน้ามองธีทัต อารมณ์ใจในรู้สึกว่าวุ่น “ ปะ……..เป็นหล่อนจริงๆ เหรอ”
ธีทัตลังเลอยู่ชั่วครู่ เหมือนกับว่าทนไม่ได้ แต่ทว่านิ่งไปชั่วครู่ ยังคงหยิบมือถือออกมาจากในกระเป๋า เลื่อนหาข้อความ ส่งให้เธอดู
“นี้เป็นลูกน้องของฉันที่ตรวจสอบได้จากกล้องวงจรปิดบริเวณถนนใกล้ๆกับSTN Group ชยินกับผู้ชายขี่มอเตอร์ไซค์คนนั้นได้พูดคุยกับแป๊บหนึ่ง หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง คุณก็เกิดอุบัติเหตุ ฉันให้คนไปตามรอยผู้ชายขี่มอเตอร์ไซค์คนนั้น ก็สาบสูญไปแล้ว”
ญาธิดาเงยหน้ามอง เห็นคนในภาพที่ใส่หมวกนิรภัยคือผู้ชายที่ขี่มอเตอร์ไซค์ชนเธอวันนั้นจริงๆ และผู้ชายข้างๆเขาคนนั้น ดูแล้วคุ้นตาเล็กน้อย เหมือนกับเคยเจอกันที่ไหน……..
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ จิตใจแน่วแน่ จู่ ๆนึกขึ้นได้ว่าเธอเคยเห็นผู้ชายคนนั้นอยู่ในพิธีหมั้นของนิวรา ตอนนั้นผู้ชายคนนั้นยังสั่งให้บริกรเปลี่ยนถาดผลไม้……..
พูดไปแล้ว เขาเป็นคนของนิวราจริงๆ
ความรู้สึกลังเลครั้งสุดท้ายในใจหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที ญาธิดากัดริมฝีปากล่าง ออกแรงโดยไม่ทันระวัง ก็มีกลิ่นเลือดอ่อนๆเต็มไปในช่องปาก
คิดไม่ถึง รู้หน้าไม่รู้ใจ เธอคิดว่านิวราเป็นคนอบอุ่นอย่างมาก ไม่คิดว่าคนที่หน้าตาใจดีลับหลังจะซ่อนความอำมหิตชั่วร้ายได้ขนาดนั้น
มือที่ทอดยาวอยู่ข้างลำตัวกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้ามองไปที่ธีทัต “ คุณรับปากฉันสักเรื่องได้ไหม”
ธีทัตรีบถาม “ เรื่องอะไร”
“เรื่องนี้ ห้ามบอกใคร”
และห้ามบอกภวินท์
เธอไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่า ถ้าเธอเอาเรื่องนี้บอกกับภวินท์ เขาต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ยังคิดว่าเธอมีเจตนาทำลายความรู้สึกของเขากับนิวรา และ พอผ่านพรุ่งนี้ไป เธอก็จะไปไกลๆแล้ว เรื่องเหล่านี้เธออยากเก็บไว้ในใจ ไม่ต้องพูดถึงอีกเลย
ธีทัตขมวดคิ้วเล็กน้อย นิ่งไปสองวินาที เอ่ยปากถามว่า “ หรือคุณไม่อยากทวงคืนความยุติธรรมเหรอ หล่อนอยากได้ชีวิตคุณ ยังมีเด็กในท้องของคุณอีก……”
“ฉันรู้”
ญาธิดาส่งเสียงขึ้นทันที พูดแทรกคำพูดของเขา อดกลั้นความรู้สึกอึดอัดภายในใจ พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “ ฉันรู้ว่าหล่อนอยากทำร้ายฉัน แต่ฉันไม่สามารถต่อสู้กับหล่อน คุณก็รู้ ฉันไม่มีเวลาแล้ว……..”
ถ้าเรื่องนี้ฉาวขึ้นมา ถึงตอนนั้นจะให้ภวินท์รู้เรื่องเด็กในท้องของเธอ กลัวแต่ว่าโอกาสที่จะหนีไปจากเมืองJ จะไม่มี
ธีทัตได้ยินแบบนั้น จู่ ๆก็พูดไม่ออก
ญาธิดาเงียบไปชั่วขณะ มือที่ทอดยาวข้างลำตัวกำแน่นโดยไม่รู้ตัว สุดท้าย เธอกัดฟันอยู่พักหนึ่ง เงยหน้ามองไปที่ธีทัต เอ่ยปากพูดว่า “ พรุ่งนี้ฉันจะไปแล้ว ดังนั้นฉันไม่อยากให้มีปัญหาอื่นๆแทรกเข้ามาอีก เรื่องนี้พวกเราไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว ได้ไหม”
ธีทัตสายตาดูหนักแน่น หลังจากนั้นไม่นาน พยักหน้ารับคำ “ ได้ ผมรับปากคุณ แต่ถ้าหล่อนกล้าลงมือทำคุณอีก ผมไม่ปล่อยหล่อนแน่ ๆ ”
เมื่อได้ยิน ญาธิดารู้สึกอุ่นใจ มองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า แสดงออกถึงความรู้สึกขอบคุณออกมาโดยไม่รู้ตัว
ตอนที่กลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง ดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเห็นเธอจึงรีบเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “ ธิดา เกิดอะไรขึ้น”
“ ไม่มีอะไร” ญาธิดาเรียกสติกลับมา ยิ้มกับพวกเขา “ พ่อกับแม่วางใจเถอะ”
เธอปลอบขวัญไปอีกสองสามประโยค ถึงจะทำให้พวกเขาคลายความหวาดระแวงลง
จากโรงพยาบาลกลับถึงบ้าน บนถนนเส้นนี้ สิ่งที่ปรากฏในหัวของญาธิดาต่างก็เป็นสถานที่ที่อยู่ด้วยกันกับภวินท์ก่อนหน้านี้ แต่เดิมเธอยังไม่ค่อยปล่อยวาง แต่ทว่าเมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านั้นที่นิวราทำกับเธอ ความอาลัยอาวรณ์กับความลังเลก็มลายหายไปทันทีเหลือแค่ความต้องการที่จะออกไปจากที่นี่
ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นยังไง เธอก็ต้องไปจากภวินท์ ขอแค่ไปจากเขา ถึงจะถือว่าพ้นจากความอันตรายแล้ว ก็มีแค่แบบนี้ ลูกในท้องของเธอถึงจะปลอดภัย
เช้าตรู่ของวันถัดมา ญาธิดาตื่นนอนเช้ามาก เธอเก็บของที่จะเอาไปเรียบร้อย ของที่เหลือแพคกระเป๋าอย่างดี ติดต่อบริษัทย้ายบ้าน ส่งกลับไปที่หมู่บ้านที่อยู่ก่อนหน้านี้โดยตรง หลังจากนั้นถึงจะไปโรงพยาบาล อำลากับดร.ยติภัทร คุณปภาวีเป็นครั้งสุดท้าย
คุณปภาวียังรับไม่ได้ มองดูญาธิดาและเอ่ยถามว่า “ ธิดา ไม่ไปได้ไหม”
ญาธิดายิ้มกับหล่อน พูดเบาๆว่า “ แม่ ไม่ต้องกังวล ไม่นานหนูก็กลับมา”
เมื่อคุณปภาวีได้ยิน ขอบตาเริ่มแดง อดไม่ได้ที่จะยกมือปาดน้ำตา “ แกอย่าโกหกฉันเลย ฉันได้ยินพ่อแกพูดหมดแล้ว แม้แต่ที่เรียนที่นั่นก็ติดต่อไว้แล้ว ไปครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้เมื่อไหร่ ”
มองดูพ่อแม่ที่เป็นแบบนี้ ในใจญาธิดาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึก จมูกอดไม่ได้ที่จะแสบขึ้นมา เธอหันไปมองดร.ยติภัทรที่นั่งบนเตียง และมองคุณปภาวีอีกครั้ง ยิ่งรู้สึกเสียใจพูดอะไรไม่ออก
ความจริง เธอก็ไม่อยากจะไป เธออยากจะอยู่ที่เมืองJ ใช้ชีวิตอยู่กับคนแก่สองคน แต่ทว่าตอนนี้สถานการณ์บังคับ เธออยากจะปกป้องลูก ก็จำเป็นต้องออกไปจากเมือง J ไปสถานที่ที่ภวินท์กับนิวราหาเธอไม่เจอก็โอเคแล้ว
ในที่สุด ดร.ยติภัทรอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ เอาละ ๆ อย่าร้องไห้เลยลูกสาวก็ไปต่างประเทศแป๊บเดียว ไม่ได้ไปแต่งงานสักหน่อย ถ้าคนอื่นเห็นไม่อายเค้ารึไง”
เมื่อคุณปภาวีได้ยิน เช็ดตาด้วยความรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย ก็ไม่พูดอะไร
ญาธิดากัดฟัน หายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง เงยหน้ามองพวกเขา พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “ พ่อกับแม่วางใจเถอะ หนูจะดูแลตัวเองดีๆ อย่ากังวลเลย”
ยังยืนยันอีกสองสามประโยค หลังจากที่ปลอบใจไปไม่กี่ประโยค ญาธิดาถึงจะอำลากับพวกเขา ออกจากห้องพักผู้ป่วย
ทันทีที่ประตูปิด จมูกของเธอก็เริ่มแดง น้ำตาไหลนองออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
จนกระทั่งเดินออกจากโรงพยาบาล อารมณ์ของเธอถึงจะค่อยๆสงบ
ญาธิดาหยิบมือถือออกมา พอมองดูเวลา เห็นธีทัตส่งข้อความมาหา เลยเปิดดูเลย
“ ธิดา บริษัททางนี้มีเรื่องด่วนนิดหน่อย กลัวว่าจะต้องใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมง คุณรอสักครู่ อีกหนึ่งชั่วโมงผมไปรับคุณ”
นิ้วของญาธิดากดที่หน้าจอเบาๆทันที ไม่นานก็ตอบกลับข้อความไปหนึ่งฉบับ “ โอเค ฉันจะรอ”
กดปุ่มส่งข้อความ เธอโล่งอก โบกรถแท็กซี่หนึ่งคัน กลับไปเอากระเป๋าเดินทางที่คอนโด
เมื่อคุณปภาวีได้ยิน เช็ดตาด้วยความรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย ก็ไม่พูดอะไร
ทันทีที่ผลักเปิดประตูห้อง ญาธิดาเห็นเป็นภาพห้องที่ว่างเปล่า จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่าง
คอนโดแห่งนี้ ก็แบกรับความทรงจำของเธอก่อนหน้านี้ไว้มากมาย
ไม่ทันรู้ตัว ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ได้รับข้อความที่ธีทัตออกเดินทาง เธอหายใจเข้าลึกๆ ลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้อง ก่อนจะปิดประตู เธอหันหน้ากลับไปมองที่ห้องนี้อีกครั้ง
ในที่สุด เหมือนกับเธอได้ถอนหายใจเบาๆทิ้งทุกอย่างไว้ เอากุญแจห้องวางบนโต๊ะตรงทางเข้า ลากกระเป๋าเดินทางออกไป
ออกจากที่นี่ สำหรับเธอแล้ว ก็ถือเป็นการบอกลา
ตอนนี้เรื่องของเธอกับภวินท์ ก็ถือว่าจบแล้ว