ดวงใจภวินท์ - บทที่ 351 ความเป็นความตาย
บทที่ 351 ความเป็นความตาย
ญาธิดาเบิกตากว้างอย่างตกใจ พลางก้มหน้ามองน้ำทะเล เมื่อกี้ตอนที่เธอตื่น น้ำทะเลยังไม่มิดเท้าเลย แต่ตอนนี้ มันสูงถึงน่องแล้ว
จากระดับน้ำขึ้นนี้ หลังจากนี้สองชั่วโมง เธอคงจะจมน้ำทะเลจนมิดแน่ๆเลย
เธอถูกมัดติดอยู่กับราวบันไดของประภาคารที่ยื่นออกไปในทะเล ขึ้นไปจะที่ที่ปลอดภัย แต่ถ้าน้ำทะเลขึ้น ที่จับบันไดจะจมลงจนมิดไปด้วย ถึงตอนนั้นเธอก็จะจมน้ำจนตาย
นึกถึงผลลัพธ์ที่น่ากลัวแบบนี้ ญาธิดาก็กลัวจนหนาวสุดๆ เธอหันหน้ามองไปทางคนขับรถคนนั้น แล้วกัดฟันพลางพูดขึ้น “แกคิดจะทำอะไรกันแน่!”
คนขับรถหัวเราะแต่ไม่พูดอะไร หันขวับไปมองลูกน้องด้านข้างพลางเงยหน้า ให้สัญญาณ และนำโทรศัพท์ที่อัดวิดีโอเรียบร้อยยื่นให้เขา
คนขับรถกดหน้าจออย่างไม่รีบไม่ร้อน จากนั้น เขาก็หัวเราะ มองญาธิดาพลางพูด “เธอยังมีความหวังที่จะรอดชีวิต ฉันจะให้โอกาสเธอ ให้ตอนนี้เธอโทรศัพท์ได้”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ในใจก็เกิดความสงสัย
ถ้าหากพวกเขาต้องการชีวิตเธอจริงๆล่ะก็ งั้นทำไมถึงต้องให้โอกาสเธอเอาตัวรอดด้วยล่ะ?
ไม่ทันได้รอให้เธอคิดอย่างถี่ถ้วน คนผู้นั้นก็จ่อหน้าจอโทรศัพท์มาทางเธอ “แต่ เธอโทรหาได้แค่เขา”
ญาธิดาเงยหน้ามอง เมื่อได้เห็นว่าบนหน้าจอโทรศัพท์แสดงชื่อผู้ติดต่อ ในใจก็เกิดลนลานขึ้นมาเล็กน้อย
ที่แท้เป็นภวินท์!
เธอกัดฟัน พลางมองไปทางเขา “พวกแกคิดจะทำอะไรกันแน่!”
คนขับรถหัวเราะ และพูดอย่างเอื่อยๆ “เธอจะโทรหรือไม่โทร ฉันให้เวลาเธอสามนาที เธอตัดสินใจเอาเอง ถ้าหากไม่โทร งั้นเธอกับเด็กในท้องของเธอคงต้องไปเป็นอาหารปลาแล้ว”
ได้ยินแบบนี้ ญาธิดาก็หลับตาอย่างทรมาน สิ้นหวัง ความเศร้าและความรู้สึกในใจผสมปนเปกัน ทำให้เธอไม่สามารถใจเย็นลงได้เลย
เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อ เมื่อครู่เธอตัดสินใจจะเริ่มชีวิตใหม่ แต่ตอนนี้จู่ๆก็ต้องเลือกว่าจะอยู่หรือตาย…
“สรุป โทรศัพท์นี้ เธอจะโทรมั้ย? ”
ญาธิดากัดฟัน และตัดสินใจพูด “โทร”
คิดซะว่าเพื่อลูกในท้อง เธอก็ต้องดิ้นรนสักครั้ง
คนขับรถหัวเราะ ยกมือขึ้นกดโทรออก และยื่นไปแหนบที่ข้างหูญาธิดา
ได้ยินเสียงที่ปลายสาย “ตู๊ดตู๊ด……” ญาธิดาก็หลับตาลงอย่างเจ็บปวด
จู่ๆ ปลายสายก็รับ มีเสียงผู้ชายดังขึ้นมา “ฮัลโหล? ”
ญาธิดาตัวสั่น สูดหายใจเข้าลึก และเอ่ยปาก “ภวินท์……”
เธออมพะนำ อยู่ครู่นึง และกัดฟันพูดออกมา “ช่วยฉันด้วย……”
ผู้ชายที่ปลายสายตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ไม่นาน เขาก็เอ่ยปากพูด “เธออยู่ที่ไหน? ”
ญาธิดายังไม่ทันได้พูด โทรศัพท์ก็โดนเอาไป คนขับรถคนนั้นก็กดวางสายเรียบร้อย จากนั้นก็ส่งคลิปวิดีโอที่ถ่ายเมื่อครู่ไป
ทำทุกอย่างนี้เสร็จ เขาก็มองไปทางญาธิดา และยิ้มอย่างร้ายกาจ“คุณญาธิดา หลังจากนี้ต้องให้คุณรออยู่ที่นี่คนเดียวแล้ว”
เมื่อทิ้งคำพูดนี้เสร็จ เขาก็เชิดหน้าไปทางลูกน้อง ลูกน้องก็รับทราบในทันที ขับเรือสปีดโบ๊ท กลับลำเรือทันที
ญาธิดาตกใจ และรีบพูดขึ้น “อย่าเพิ่งไป!”
พวกเขาไปแล้ว คือจะทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียวงั้นเหรอ?
เสียงที่เธอร้องเรียกอย่างสุดแรงก็ถูกลมทะเลพัดหายไปทันที ดิ้นรนอย่างสุดแรงแต่ก็ดิ้นไม่หลุด ทำได้แค่มองเรือสปีดโบ๊ทลำนั้นที่ขับออกไปรวดเร็วราวกับปลา ขับไปทางชายฝั่ง
ญาธิดาสะอื้น น้ำตาก็ค่อยๆหยดลงมา มาถึงเวลาแบบนี้แล้ว ยังจะมีคนมาช่วยเธออยู่มั้ย?
ขณะเดียวกัน บนถนนสายหลักของเมือง J จู่ๆ รถสีดำคันนึงก็เบรกอย่างกะทันหัน ล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนจนเกิดเสียง “เอี๊ยด—” ที่แสบหู
ภวินท์ที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับก็ขมวดคิ้ว และจอดรถลงที่ข้างทางทันที จากนั้นก็โทรกลับไปเบอร์เดิมที่โทรมาเมื่อครู่
ไม่กี่วินาที ก็มีเสียงแปลกๆดังผ่านมาจากฝั่งนั้น ยังไม่ทันได้รับสายก็ตัดสายไปเองแล้ว
ภวินท์ขมวดคิ้วเข้ม ขณะนั้น จู่ๆโทรศัพท์ก็มีข้อความเข้า เขากดเข้าไปดู ก็เห็นคลิปวิดีโอ
ในวิดีโอ ญาธิดาถูกมัดติดอยู่กับราวบันได รอบๆตัวล้วนมีแต่คลื่นทะเล เธอหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด พูดพลางจ้องเขม็ง “พวกแกคิดจะทำอะไรกันแน่!”
ด้านข้าง ก็มีเสียงที่แปลงมาเรียบร้อยดังขึ้น “คุณญาธิดา ที่ฉันมา ก็เพื่อมาบอกคุณว่า ตอนนี้น้ำเริ่มขึ้นแล้ว……”
ภวินท์กำโทรศัพท์แน่นอย่างไม่รู้ตัว นัยน์ตาขุ่นมัวขึ้น เส้นเลือดที่แขนปูดขึ้นมา
มันเป็นใครกัน ถึงกล้ามาลงมือกับญาธิดา!
จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง มีข้อความเข้ามาหนึ่งข้อความ
“มองดูผู้หญิงคนนี้ค่อยๆตายไป ต้องสนุกมากๆแน่นอน”
ทันใดนั้น ภวินท์ก็นั่งหลังแข็ง ความโกรธพุ่งขึ้นมาราวกับคลื่นทะเล ทั้งร่างมีออร่าน่ากลัวแผ่ออกมา
จากนั้นสองวินาที เขาก็ออกรถ เหยียบคันเร่ง ตีรถกลับ มุ่งหน้าไปทางทะเลตะวันออกของเมือง J
เขารู้ว่าประภาคารนั่นคือที่ไหน เพราะเมื่อสิบปีก่อน เขาเกือบจะทิ้งชีวิตไว้ที่นั่น
ภวินท์เหยียบคันเร่งจนมิดมาตลอดทาง แต่ก็ยังรู้สึกว่าช้า จู่ๆ โทรศัพท์นี้รถก็ดังขึ้น ภวินท์กดรับสาย เสียงของหลุยส์ก็ดังขึ้นมาจากอีกฝั่ง
“วิน ตอนนี้นายอยู่ไหน? ”
เปลี่ยนไปจากปกติ น้ำเสียงในสายของหลุยส์นั้นดูเคร่งเครียดเล็กน้อย
ภวินท์ขมวดคิ้ว และพูดเสียงเข้ม “ฝั่งฉันเกิดเรื่องนิดหน่อย ทางฝั่งพวกนายลงมือตามที่วางแผนไว้เลย”
หลุยส์ชะงักอยู่ครึ่งวินาที และรีบถามขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ”
ภวินท์ไม่ตอบคำถาม “ยึดตามแผนที่วางไว้เลย ฉันจะพยายามไปให้เร็วที่สุด”
พูดจบ เขาก็กดวางสายไป
ฝั่งนี้ ก็ความเป็นความตาย ฝั่งนั้น ก็เรื่องเร่งด่วนสุดๆ ไม่ว่าจะฝั่งไหนก็ไม่มีทางทิ้งได้ ตอนนี้เขาทำได้แค่วางแผนแบบนี้ เรื่องทางฝั่งนั้นให้หลุยส์กับอาทิตย์พวกเขาจัดการกัน ส่วนเขาตอนนี้ต้องรีบไปช่วยญาธิดา
รถมุ่งหน้าไปทางชายฝั่งทะเลตะวันออกของเมือง J ภวินท์นำรถมาจอดที่ด้านนอกชายหาด เปิดประตูลงจากรถ และรีบเดินไปทางนั้น
ห่างออกไปไกล เขามองเห็นประภาคารนั้นกำลังส่องแสงเป็นประกาย อยู่ในใจก็ดิ่งลงเล็กน้อย
แค่เขามองทะเลฝั่งนั้น เขาก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว
เขากำหมัดแน่น กัดฟัน และวิ่งเข้าไปทางชายฝั่งอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ นอกจากเขา ก็ไม่มีใครที่สามารถช่วยญาธิดาได้แล้ว
ท้องฟ้ามืดมากครึ้มมาก เมฆที่ขอบฟ้าก็เกาะตัวกันแน่น บรรยากาศทั้งหมดทั้งกดดันและหดหู่ บนชายหาดนอกจากเขาแล้วก็ไม่เห็นบุคคลที่สองเลย
มองดูน้ำทะเลเย็นเฉียบพัดเซาะชายหาด นัยน์ตาของภวินท์ก็มืดมนลง หลังจากชะงักอยู่หลายวินาที เขาก็ถอดเสื้อคลุมบนตัวออก พุ่งตัวไปข้างหน้า กระโดดลงไปในทะเล
วินาทีที่โดนน้ำทะเลเย็นเฉียบปกคลุม ภวินท์รู้สึกแค่ว่าลมหายใจราวกับโดนทำให้หยุดชะงัก ความรู้สึกที่หายใจไม่ออกค่อยๆเพิ่มมากขึ้น ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ขณะที่เขารู้สึกว่าแขนขานั้นค่อยๆไม่มีแรง ส่วนลึกในหัวก็มีเสียงดังขึ้น “ภวินท์ นายต้องอดทนไว้! เธอยังรอนายอยู่!”
เขากดฟันแน่น แขนยาววักน้ำ ว่ายขึ้นด้านบนอย่างรวดเร็ว
ญาธิดายังรอเขาอยู่! เขาจะต้องไปช่วยเธอ!
ขณะเดียวกัน ที่ฝั่งประภาคาร น้ำทะเลเย็นเฉียบได้ขึ้นมามิดเอวของญาธิดาแล้ว ร่างของเธอเย็นเฉียบ พลางมองผิวน้ำทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด จิตสำนึกในการเอาชีวิตรอดเริ่มอ่อนแอลง
ความเย็นค่อยๆซึมซาบเข้าสู่ร่างกายของเธอผ่านลมและน้ำทะเล ตั้งแต่ต้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น จนเมื่อขาสองข้างเริ่มเย็นจนชาแล้ว
ญาธิดามองผิวทะเลที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ความหวังเล็กๆในใจของเธอ ก็ค่อยๆดับลงไป
ภวินท์ คงจะมาช่วยเธอไม่ทันแล้วมั้ง?
ความคิดแบบนี้ เหมือนกับน้ำเย็นหยดสุดท้ายในหม้อ ทำให้เธอในตอนนี้หมดสิ้นความหวัง เหลือเพียงแค่ความหวาดกลัวในใจ……