ดวงใจภวินท์ - บทที่ 356 ผิดสัญญาฝ่ายเดียว
บทที่ 356 ผิดสัญญาฝ่ายเดียว
มองออกว่าภวินท์นั้นสงสัย พายุก็ลังเลอยู่ครู่ และพูดขึ้นเสียงเบา “ใช่ เป็นเมืองY และเรื่องนี้ผมก็รู้”
ตาของภวินท์น่ากลัวมากขึ้น พลางเหลือบมองไปทางเขา “ทำไมนายถึงรู้? ”
พายุลังเลอยู่ครู่ และพูดขึ้น “อัญมณีเป็นแฟนของผม งานแสดงของเธอที่เมืองYนั้นไม่ค่อยราบรื่น เดิมที่ผมอยากไปหาเธอ แต่ว่าปลีกตัวไปไม่ได้ เพราะงั้นที่ชายเธอถึงได้ไปหา”
ได้ยินดังนั้น ร่องรอยของความสงสัยแว๊บเข้ามาในดวงตาของภวินท์ ชั่วพริบตา ไม่นานก็จางหายไป
ครู่นึง เขาก็มองพายุอย่างลึกซึ้ง และพูดอย่างเย็นชา “ไปเถอะ”
พายุติดตามเขามานานหลายปี มีค่าพอที่จะให้เชื่อใจ
แต่ว่าฝั่งของธีทัต ก่อนที่จะหาญาธิดาเจอ ก็ยังคงต้องส่งคนไปคอยจับตาดูเขา!
สามวันติด ลูกน้องของภวินท์แทบจะพลิกเมือง J ทั้งเมืองตามหาแต่ก็ยังคงไม่พบข่าวคราวของญาธิดาแม้แต่น้อย
ห้องทำงานประธาน STN Group
พายุเปิดประตูห้องทำงาน พลางมองชายหนุ่มสีหน้าเหนื่อยล้า นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน อย่างประหลาดใจ
เขาไม่เคยเห็นประธานของตนเป็นแบบนี้มาก่อน
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ภวินท์จึงเงยหน้า เมื่อเห็นพายุ นัยน์ตามีประกาย และเอ่ยถาม “มีข่าวคราวบ้างมั้ย? ”
พายุชะงัก และส่ายหน้า “ยังไม่มีครับ”
ดวงตาที่เป็นประกายมืดมนลงทันที สีหน้าของภวินท์กลับไปเย็นชา เขายกมือขึ้น มานวดหว่างคิ้ว และไม่ได้พูดอะไรต่อ
พายุสูดหายใจเข้าลึก และพูดขึ้น “คุณภวินท์ ที่แผนกต้อนรับโทรมา บอกว่าคุณคิรินกับผู้จัดการของเขามา และขึ้นลิฟต์มาแล้ว ไม่นานก็มาถึง”
ภวินท์ขมวดคิ้ว “เขามาทำไม? ”
“บอกว่ามาคุยเรื่องรายละเอียดของสัญญา คุณต้องการให้ ฝั่งredeur นั้นรับหน้ามั้ย”
“ไม่ต้อง” ภวินท์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “นายไปต้อนรับ แล้วจัดห้องรับแขกให้พวกเขา เดี๋ยวฉันไป”
“ครับ”
พายุหันหลังเดินไป วินาทีที่ปิดประตู ในห้องมีเหลือเขาอยู่คนเดียว
ในใจของภวินท์หดหู่เล็กน้อย เขาสูดหายใจเข้าลึก เมื่อนึกถึงว่าไม่มีข่าวของญาธิดา ก็เกิดความวิตกกังวลขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนที่ญาธิดาจะหายตัวไปนั้นไปพบกับคิริน ไม่แน่เธออาจจะได้รู้อะไรมาจากคิรินก็เป็นได้
จากนั้น เมื่อรอให้พายุจัดแจงที่ให้คิรินกับผู้จัดการของเขาแล้ว เขาถึงลุกขึ้น และออกมาจากห้องทำงานเดินไปยังห้องรับแขก
ประตูเปิดออก เขาก็เห็นท่าทางของคิรินนั่งอยู่บนโซฟาตามอำเภอใจ ชายผู้นั้นใบหน้าหล่อเหลา แต่คิ้วกลับยุ่งเหยิงไปหมด
ส่วนผู้จัดการพี่เอที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นเขาเข้ามา ก็ลุกขึ้นยืนทันที “คุณภวินท์ สวัสดีค่ะ ดิฉันคือผู้จัดการของคิริน เรียกฉันว่าพี่เอก็ได้ค่ะ”
เหลือบมองมือที่พี่เอยื่นออกมา ภวินท์ก็พยักหน้าตอบรับอย่างนิ่งๆ ไม่ได้จับมือเธอ และเดินตรงไปนั่งลงบนโซฟาตรงหน้าที่คิรินนั่งอยู่
พี่เอกระอักกระอ่วนเล็กน้อย และกลับไปนั่งที่โซฟา และให้สายตากับคิริน
คิรินมองไปทางภวินท์ และเชิดหน้าใส่อย่างขี้เกียจ ไม่ได้พูดอะไร
ภวินท์เห็นดังนั้น ก็ไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วน และสั่งให้เลขาไปนำชามาเสิร์ฟอย่างใจเย็น จากนั้นก็มองไปทางคิรินพลางพูด “มีเรื่องอะไร พวกคุณสามารถติดต่อผู้ดูแลฝั่ง redeur ได้เลย ไม่จำเป็นต้องมาหาถึงห้องทำงานประธาน เพราะว่าเรื่องบางเรื่องฉันก็ไม่ค่อยชัดเจน”
คิรินได้ยินดังนั้น ก็ยกยิ้ม และยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้มพลางพูด “แต่ว่าเรื่องนี้ มันต้องให้คุณตัดสินจริงๆ”
“เรื่องอะไร? ”
คิรินก็ไม่ลีลา พูดออกมาตรงๆ “ฉันอยากให้ญาธิดาเป็นผู้ประสานงานกับฉันที่เป็นตัวแทนในครั้งนี้ ระหว่างที่ฉันออกกองหน้าที่ทั้งหมดให้เธอเป็นคนรับผิดชอบ”
เมื่อได้ยินชื่อของญาธิดา สีหน้าของภวินท์ก็มืดมนลงหลายระดับเขาเอนกายพิงลงด้านหลัง และหรี่ตามองคิริน
หลังจากนั้น เขาจึงค่อยๆพูดขึ้น “ญาธิดาเป็นคนของสำนักงานใหญ่ของเรา ทางฝั่ง redeur จะมีมืออาชีพคอยประสานงาน หรือว่าพวกคุณไม่พอใจมืออาชีพที่พวกเราส่งไป? ”
คิรินเลิกคิ้วเล็กน้อย หัวคิ้วกระตุก มองไปทางภวินท์และพูดอย่างหยอกๆ “ผมแค่อยากให้เธอมารับผิดชอบเท่านั้น นอกจากนี้ เรื่องที่จัดการอื่นๆผมได้หมด”
เขาพูด สายตาพลางมองตรงไปทางภวินท์
ดวงตาของภวินท์เข้มลงเล็กน้อย อารมณ์ก็กำลังก่อตัวอยู่ หลังจากนั้น ริมฝีปากบางของเขาก็ขยับ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“คำขอนี้ตอบรับไม่ได้”
ราวกับคิดไม่ถึงว่าภวินท์จะปฏิเสธตรงๆแบบนี้ สีหน้าของคิรินจึงเย็นชาขึ้น และขมวดคิ้ว “ทำไมถึงตอบรับไม่ได้? ”
เดิมทีเขาคิดว่า STN Group จะมีความจริงใจถึงขนาดไหน คิดไม่ถึงว่าแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตอบรับไม่ได้
ภวินท์พูดอย่างนิ่งๆ “นอกจากญาธิดา คนอื่นฉันตอบรับนายได้หมด”
“ที่ฉันต้องการก็คือเธอ ถ้าหากไม่ได้ งั้นก็ต้องขอโทษด้วย งานตัวแทนแบรนด์แอมบาสเดอร์นี้ ฉันยอมไม่ทำ”
คิรินทำหน้าเย็นชา พลางพูด และดันสัญญาฉบับนั้นไปที่ด้านหน้าภวินท์
ภวินท์ชะงักอยู่ครู่ เหมือนว่าจะคิดไม่ถึงว่าคิรินจะพูดแบบนี้ ผู้จัดการพี่เอที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจจนตาถลน และหันขวับไปพูดเสียงเบา “คิริน นายบ้าไปแล้วหรือไง!”
เขานั้นได้เซ็นชื่อลงบนสัญญาไปแล้ว ถ้าหากจะยกเลิกสัญญา ถึงตอนนั้นจะไม่ได้เงินสักบาท แถมยังต้องชดใช้ค่าเสียหายอีกด้วย!
ภวินท์มองผู้ชายที่อยู่ตรงข้าม คิ้วเข้มราวกับถูกน้ำแข็งปกคลุม เขานิ่งอยู่ครู่ อยู่ๆมุมปากของเขาก็ยกยิ้มอย่างเยาะเย้ย มองเขาพลางพูด “ฉันล่ะอยากจะรู้นัก ญาธิดานั้นมีเวทมนตร์แบบไหนกันแน่ ถึงกับทำให้ดาราชายสุดฮอตคิดถึงเธอได้ไม่ลืม”
ตอนแรกเป็นโดนปาปารัสซี่พวกนั้นถ่ายรูปได้ ตอนนี้ก็เป็นคิรินถ่อมาเขาถึงสำนักงานใหญ่เพื่อหาคน แถมยังรีเควสว่าต้องเป็นเธอเท่านั้น เรื่องแต่ละเรื่องนี้ ทำให้เขาอดคิดมากไม่ได้
สีหน้าของคิรินเย็นชา พลางมองเขาด้วยสายตาแค้นเคืองเล็กน้อย หลังจากนั้นสองวินาที จู่ๆเขาก็นั่งหลังตรง และมองตรงมายังภวินท์ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนอย่างนาย คงมองไม่เห็นความจริงใจของคนอื่นตลอดไป!”
ภวินท์ได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้วเข้ม ริมฝีปากเม้มจนเป็นเส้นตรง
ไม่รอให้เขาเอ่ยปากพูด อยู่ๆคิรินก็หัวเราะออกมา และพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “เป็นฉันที่เมินค่านายสูงไป เมื่อก่อนแพรวาจริงใจต่อนาย นายก็ไม่สนใจมัน เอาความจริงใจของคนอื่นมาล้อเล่น! ตอนนี้ก็ปฏิบัติกับญาธิดาแบบนั้น! ภวินท์ นายคิดว่าตัวเองเลิศเลอนักหรือไง? ”
เขายิ่งพูดยิ่งอารมณ์ขึ้น ค่อยๆพูดอย่างหยุดปากไม่ได้ สีหน้าของพี่เอที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มเปลี่ยนเป็นซีดลง รีบยื่นมือไปดึงเสื้อของเขา ให้เขาอย่าพูดอีก
แต่คิรินก็สะบัดมือออก และมองภวินท์พลางพูดเสียงเย็นชา “ฉันบอกนายตามตรง เมื่อก่อนเรื่องของแพรวาทำให้ฉันไม่พอใจนายมากๆแล้ว ครั้งนี้ที่ฉันยินดีเซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ทั้งหมดนั้นฉันเห็นแก่หน้าของญาธิดาที่ไปหาฉันแต่ละครั้งๆ ฉันเซ็นก็เพราะเธอ แต่นายก็ไม่ยอมตกลง งั้นสัญญานี้ของพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินต่อไปแล้ว!”
เขาพูด พลางลุกขึ้นยืน และหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาใส่
ภวินท์ขมวดคิ้ว สักพัก ก็พูดด้วยเสียงเย็นชา “ญาธิดาไม่ได้อยู่ที่บริษัทแล้ว หรือว่าเธอไม่ได้บอกนายเหรอว่าเธอลาออกแล้ว? ”
คิรินชะงักอยู่ครู่ และหันไปมองเขา หลังจากนั้น ก็หัวเราะออกมา “งั้นเธอก็เลือกได้ถูกแล้วจริงๆ ถ้าหากฉันเป็นเธอ ฉันก็ไม่อยู่ข้างกายนายหรอก”
เขาทิ้งคำพูดนี้ไว้ และกดหมวกลง บังใบหน้าครึ่งหน้า แล้วก้าวขายาวเดินตรงไปทางประตู
ขณะที่เดินมาถึงประตู ฝีเท้าของเขาก็ชะงัก และพูดเสียงเย็นชา “เรื่องแบรนด์แอมบาสเดอร์ฉันเป็นฝ่ายผิดสัญญาฝ่ายเดียว ค่าเสียหายฉันจะให้บัญชีของทางสตูดิโอโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทของนาย การร่วมมือกับ STN Group เป็นฉันที่หวังสูงไป”
พูดจบ เขาก็ดึงประตู และเดินออกไป