ดวงใจภวินท์ - บทที่ 362 เจอกันอีกครั้งที่สนามบิน
บทที่ 362 เจอกันอีกครั้งที่สนามบิน
เมื่อเอลล่าได้ยิน ก็ตื่นเต้นทันที รีบมองภวินท์แล้วพูดขึ้น “คุณอาสุดหล่อ หนูเอง! หนูเองค่ะ! เอลล่าคือชื่อหนู!”
ภวินท์เห็นท่าทางรีบร้อนของเด็กผู้หญิง ก็ยกยิ้มอย่างอดไม่ได้ พูดขึ้นเสียงเบา “โอเค ฉันจะพาเธอไปแผนกต้อนรับหมายเลขหนึ่งเดี๋ยวนี้”
“ค่ะ! ขอบคุณค่ะคุณอาสุดหล่อ!”
พอเอลล่าดีใจ จู่ๆ ก็โอบคอภวินท์ แล้วจุ๊บแก้มเขาหนึ่งทีดัง “จุ๊บ”
ภวินท์ตกตะลึงทันที หัวใจเกิดความอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด ไม่ปฏิเสธเลยสักนิด เมื่อมองเอลล่าหัวใจก็รู้สึกชอบเพิ่มขึ้น
เขาอุ้มเธอ รีบเดินไปทางแผนกต้อนรับหมายเลขหนึ่ง
ไกลๆ ภวินท์เห็นคนตัวใหญ่หนึ่งคน คนตัวเล็กหนึ่งคน ยืนอยู่ข้างๆ แผนกต้อนรับหมายเลขหนึ่ง ผู้หญิงหันหลังให้เขา แต่งตัวแฟชั่น หุ่นดี เห็นแล้วรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
ข้างกายเธอมีเด็กน้อยคนหนึ่งยืนอยู่ ส่วนสูงพอๆ กับเอลล่า เป็นเจ้าก้อนแป้งขาวเนียนน่ารัก
เด็กน้อยสองคนเหมือนมีกระแสจิต เมื่ออีธานหันหน้ามา ทั้งสองก็เห็นอีกฝ่ายพร้อมกัน
“เอลล่า!”
“พี่!”
ทั้งสองกระโดดโลดเต้นจากที่ไกลๆ อีธานวิ่งเหยาะๆ มาหาภวินท์
ภวินท์จ้องมอง เมื่อเห็นใบหน้าขนาดเล็กของอีธาน ก็ไม่รู้ทำไม หัวใจเครียดขึ้นมาทันที ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาดเกิดขึ้นในก้นบึ้งหัวใจ
เขาโน้มเอว วางเอลล่าลง เห็นเจ้าก้อนแป้งสองก้อนวิ่งไปกอดกัน
และในขณะนี้ ญาธิดาที่หันหลังให้ทางด้านนี้ได้ยินเสียง ก็ค่อยๆ หันตัวมา ภวินท์เงยหน้าขึ้นมาพอดี มองไปทางเธอ
ขณะที่ทั้งสองสบตากัน นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
ร่างญาธิดาแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไม่รู้ทำไม หัวใจบริเวณหน้าอกเธอเหมือนกวางน้อยกระแทกผนังหน้าอกอย่างบ้าคลั่ง แก้มก็ร้อนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
อีกด้านหนึ่ง ภวินท์มองเธอ นัยน์ตาฉายแววตกใจและประหลาดใจก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ สงบเหมือนเดิม สุดท้ายก็เหลือเพียงความเย็นยะเยือก
พระเจ้าเล่นตลกกับมนุษย์ ก็แค่นั้น
เขาทำทุกวิถีทาง ทุ่มเททั้งกายและใจหาเธอมาตั้งนาน แต่ไม่ได้ข่าวเกี่ยวกับเธอสักนิด แต่ไม่คิดว่าหลายปีต่อมา พวกเขาจะมาเจอกันอีกครั้งในลักษณะนี้
หัวใจเย็นยะเยือกขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็เคร่งขรึม ความอ่อนโยนและความใจเย็นแต่เดิมทีก็หายไปหมด
และในขณะนี้ เด็กน้อยสองคนก็จูงมือกันวิ่งไปหาญาธิดา เรียก “คุณแม่” “คุณแม่” ไม่หยุด
ทันใดนั้น ดวงตาภวินท์ก็จมลง อารมณ์ในดวงตาคลุมเครือไม่ชัดเจน
ไม่คิดว่า นี่จะเป็นลูกของเธอ
เมืองJนี่เล็กจริงๆ
ทางนั้น ญาธิดาตอบสนอง เห็นเอลล่าปลอดภัยไร้กังวล ก็โล่งอก รีบจับมือเล็กของเธอไว้ มองตั้งแต่หัวจรดเท้า “เอลล่า หนูไปไหนมา? แม่ตกใจแทบตาย”
เอลล่าร้อนตัวนิดหน่อย พูดขึ้นเสียงเบา “คุณน้าบอกว่าเธออยู่ประตูทิศใต้ หนูอยากไปรับเธอ ใครจะรู้ว่าจะเดินหลง……”
เห็นท่าทางของเด็กหญิง ญาธิดาก็ใจอ่อน รีบพูดขึ้น “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว คราวหน้าห้ามทำแบบนี้อีกนะ รู้ไหม?”
เอลล่าพยักหน้า จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ ยื่นมือไปจับเธอไว้
“จริงสิคุณแม่!” ใบหน้าเล็กของเธอร่าเริงสดใสเหมือนเดิม ดึงเธอเดินไปหาภวินท์ “แม่คะ นี่คือคุณอาสุดหล่อที่พาหนูมาหาแม่กับพี่ค่ะ!”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ก็ยกสายตาขึ้นมองชายที่อยู่ห่างออกไปสองเมตร หัวใจจมลง “ตึกตัก” เธอหายใจเข้าลึกๆ แต่ไม่รู้ควรเอ่ยปากอย่างไร
ภวินท์เดินมาหาเธอก่อน อารมณ์ในดวงตาคลุมเครือไม่ชัดเจน เขาก้มหน้ามองเด็กน้อยสองคน แล้วเงยหน้ามองญาธิดา ฝืนยิ้มขณะพูดขึ้น “ไม่คิดเลยว่าเราจะมาเจอกันแบบนี้”
ญาธิดากดหัวใจที่บ้าคลั่งลงไป แสร้งพูดอย่างสงบ “ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ไม่เจอกันนานเลยนะ ภวินท์”
ภวินท์หรี่ตาเล็กน้อย สายตาเย็นชาขึ้นมา ผลุบตาลงมองเอลล่าและอีธาน อารมณ์ในดวงตามีความซับซ้อนมากขึ้น
รู้สึกถึงสายตาของเขา หัวใจญาธิดาก็จมลงทันที พาเด็กน้อยทั้งสองมาซ่อนไว้ด้านหลังตนโดยไม่รู้ตัว
วินาทีต่อมา เสียงเย็นยะเยือกของชายหนุ่มก็ดังขึ้นอีกครั้ง “นี่ลูกคุณเหรอ?”
หัวใจญาธิดาเต้น “ตึกตัก” ทันที นัยน์ตาฉายแววผิดธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว รวบรวมความกล้าสบตาเขา “ใช่”
ภวินท์หรี่ตา นัยน์ตาฉายแววลังเล พูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ดูแล้วน่าจะสี่ห้าขวบใช่ไหม”
ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ ระงับความเครียดในใจ เอ่ยปากพูดขึ้น “มันแทบไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยนะ?”
ภวินท์ยกยิ้มมุมปาก ฝืนยิ้มขณะกวาดตามองเธอ ก้มศีรษะอีกครั้ง มองเอลล่าที่ซ่อนด้านหลังญาธิดา ที่ชะโงกศีรษะเล็กออกมาจ้องมองเขาอยู่
เขาใจอ่อนขึ้นอย่างแปลกประหลาด โน้มตัวเล็กน้อยมองไปที่เธอแล้วพูดขึ้น “พ่อของหนูเป็นใคร?”
เอลล่าลังเลสักพัก ยังไม่ตอบ อีธานข้างกายก็พูดขึ้นกะทันหัน“พ่อผมชื่อธีทัต! เขาสุดยอดมาก!”
ได้ยินชื่อนี้ สีหน้าภวินท์ก็เปลี่ยนไปทันที นัยน์ตาเกิดความผันผวนอย่างรวดเร็ว หัวใจเหมือนถูกหินก้อนใหญ่ทับ มันหายใจไม่ค่อยออก
ไม่กี่วินาทีต่อมา สีหน้าเขาก็ค่อยๆ กลายเป็นปกติ หายใจเข้าลึกๆ ยืดตัวตรงมองญาธิดา นัยน์ตามีแววเยาะเย้ยเพิ่มขึ้น ฝืนยิ้มขณะพูดขึ้น “ดูเหมือนคุณธีทัตก็ได้สมดังใจหวัง”
ห้าปีก่อน ธีทัตวนเวียนอยู่ข้างกายญาธิดาตลอด ไม่คิดว่าต่อมาญาธิดาจะทำทุกวิถีทางเพื่อเลิกกับเขา สุดท้ายก็มาคบกับธีทัตแถมทั้งสองยังมีลูกอายุสี่ห้าขวบด้วยกันสองคน
ไม่รู้ทำไม หัวใจภวินท์บีบรัด มันเจ็บ ลืมตาขึ้นมองญาธิดา สีหน้าก็มืดมนขึ้นเรื่อยๆ
รู้สึกถึงความเยือกเย็นในดวงตาชายหนุ่ม ญาธิดาก็หายใจเข้าลึกๆ เมื่อสายตากวาดมองมือขวาเขา สายตาก็ชะงักเล็กน้อย
บนนิ้วนางมือขวาของชายหนุ่ม เห็นได้ชัดว่าสวมแหวนที่มีเอกลักษณ์ ญาธิดามองออกอยู่แล้วว่ามันคือแหวนแต่งงาน
เธอกัดปาก แสร้งทำเป็นปกติ เค้นยิ้มออกมา “คุณภวินท์ก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อหญิงสาวยิ้ม ยิ่งดูสดใสมีเสน่ห์ หัวใจภวินท์ตึงเครียด ความรู้สึกแปลกประหลาดเอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจ
ญาธิดาก็ยังเป็นญาธิดาคนนั้น แววตาดื้อรั้น นิสัยเข้มแข็ง นิสัยไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ผ่านมาห้าปี เธอเหมือนเป็นคนใหม่ ยิ่งสวยน่าทึ่ง ยิ่งสะดุดตา ทำให้ไม่สามารถเพิกเฉยออร่าบนร่างเธอได้
ภวินท์ได้ยินดังนั้น ก็ก้มศีรษะมองแหวนแต่งงานบนนิ้ว สายตามืดลงเล็กน้อย เขาชะงักไป สุดท้ายก็พูดขึ้น “ฉันต้องไปแล้ว ดูแลลูกคุณให้ดี”
พูดจบ เขาก็ก้าวเท้าจะเดินจากไป
ทันใดนั้น ปลายเสื้อก็ตึง เหมือนถูกอะไรบางอย่างจับเอาไว้ เขาผลุบตาลงก็เห็นเอลล่ายืนข้างขาเขาขณะที่ยื่นมือมาจับเขา
เอลล่าดวงตากลม ปกคลุมไปด้วยละอองน้ำ ใบหน้ายังอาลัยอาวรณ์ ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูอย่างอดไม่ได้
หัวใจภวินท์ลังเลนิดหน่อย เขาหายใจเข้าลึกๆ หยุดสักพัก ย่อตัวลงช้าๆ มองในระดับเดียวกันกับเธอ ยื่นมือออกไปสัมผัสแก้มเล็กเธอเบาๆ แล้วพูดขึ้นเบาๆ “เชื่อฟังคุณแม่ให้ดีนะ คราวหน้าถ้ามีเวลาฉันจะพาเธอไปกินเค้ก”
เมื่อเอลล่าได้ยิน ใบหน้าเล็กก็มีความสุขเพิ่มขึ้น “ได้ค่ะ! คุณอาสุดหล่อ!”
ญาธิดาที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นแบบนี้ หัวใจแทบจะกระโดดออกมาจากลำคอ เธอก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า เอลล่าที่ปกติไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้าจะติดภวินท์ขนาดนี้!
นี่หรือที่เขาบอกว่าความเชื่อมโยงทางสายเลือด?