ดวงใจภวินท์ - บทที่ 380 เขาคือเจ้านายของเธอ
บทที่ 380 เขาคือเจ้านายของเธอ
โดยไม่รู้ตัว ช่วงบ่ายก็ผ่านไป อีธานกับเอลล่าเล่นกันอย่างบ้าคลั่งหยอกล้อลิง จับช้าง ถึงขนาดจับงูเหลือมด้วย
ตอนแรกเกิดความหวาดกลัวและความไม่คุ้นเคยกับสัตว์ เพราะได้สัมผัสใกล้ชิดกันในช่วงบ่าย ความสัมพันธ์ของเด็กๆและสัตว์ก็กลายเป็นกลมกลืนกันขึ้นมา
โลกของเด็กช่างไร้เดียงสา ความอดทนต่อสิ่งมีชีวิตก็มีมากด้วย ญาธิดาเห็นการเปลี่ยนแปลงของพวกเขา ก็มีความสุขจากก้นบึ้งหัวใจ
ดูเหมือน งานการถ่ายทำในครั้งนี้เธอไม่ได้เลือกผิด
อย่างน้อยด้วยวิธีนี้ ก็เป็นการสอนเด็กๆ ให้คงความเคารพและรักสัตว์ และปล่อยให้ธรรมชาติสอนบทเรียนอันล้ำค่าแก่พวกเขา
สุดท้าย ก่อนงานในหนึ่งวันเสร็จสิ้น ผู้กำกับก็เรียกอีธานกับเอลล่าไปหา ถามพวกเขารู้สึกยังไงกับวันนี้ และคุยเกี่ยวกับการถ่ายทำของพวกเขาในวันพรุ่งนี้
ญาธิดานั่งข้างๆ ไม่บ่อยนักที่จะมีเวลาผ่อนคลาย
และในขณะนี้ รถสีดำคันหนึ่งก็ขับมาอย่างช้าๆ จอดที่ด้านนอกเขตถ่ายทำ จากนั้นประตูรถก็ถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งลงมาจากรถ
ญาธิดาไม่ได้สังเกต สายตาหยุดอยู่ที่อีธานกับเอลล่าตั้งแต่ต้นจนจบ จนกระทั่งผู้กำกับยืนขึ้นกะทันหัน เมื่อเดินไปด้านข้าง เธอถึงได้หันหน้ามองไป
วินาทีที่เห็นชายหนุ่มยืนที่หน้ารถ ญาธิดาก็นิ่งอึ้ง ก็ตกตะลึงในทันที
นี่เธอตาลายเหรอ? ภวินท์มาอยู่ที่นี่ได้ไง?
เธอหายใจเข้าลึกๆ รีบนั่งตัวตรง ยกมือขึ้นขยี้ตา แล้วมองไปทางนั้นอีกครั้ง
ใครจะไปรู้ว่ามันเหมือนมีโทรจิต ภวินท์หันหัวมองมาทางเธอพอดี ขณะที่ทั้งคู่สบตากัน มันเหมือนเกิดประกายไฟกะพริบ
ญาธิดาหายใจติดขัด รีบละสายตากลับมา มือกำแน่นโดยไม่รู้ตัว
วินาทีที่เห็นชายหนุ่มยืนที่หน้ารถ ญาธิดาก็นิ่งอึ้ง ก็ตกตะลึงในทันที
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หลังจากเธอกลับมาเมือง J ก็เจอกับภวินท์บ่อยมาก เมื่อวานเจอที่Happy Valleyก็ช่างเถอะ ไม่คิดว่าวันนี้ก็ยังเจอในที่ทำงานอีก!
ทันใดนั้น ผู้กำกับก็หันหน้ามองมาทางเธอ เอ่ยปากเรียก “ธิดาคุณมานี่หน่อย”
ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ ระงับความกังวลและความสงสัยในหัวใจเอาไว้ ลุกขึ้น แล้วแสร้งเดินไปอย่างสุขุม
ผู้กำกับกระแอมไอสองครั้ง แล้วแนะนำให้ภวินท์รู้จัก “คุณภวินท์ ท่านนี้คือคุณแม่ของโมเดลน้อยทั้งสองคน ชื่อญาธิดา เป็นผู้กำกับ……”
เขายังพูดไม่จบ ภวินท์ก็หันหน้าไปมองญาธิดา หรี่ตาเล็กน้อย ฝืนยิ้มพูดขึ้น “ฉันรู้”
ผู้กำกับตกตะลึง ถามอย่างลังเล “พวกคุณ……รู้จักกันเหรอ?”
ภวินท์หันหน้าไปเหลือบมองเขาเรียบๆ ริมฝีปากบางขยับ “ที่เหลือ ฉันจะคุยกับเธอเอง”
ผู้กำกับได้ยินแบบนี้ ใบหน้าก็เกิดความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ไม่นาน เขาก็ลูบจมูก “ครับ พวกคุณคุยกันได้เลย…”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป
เมื่อผู้กำกับเดินไปไกลแล้ว ญาธิดาก็หายใจเข้าลึกๆ ก่อนช้อนสายตาขึ้นมองภวินท์ หัวใจก็ลุกเป็นไฟ
“ภวินท์ นี่คุณจะทำอะไรกันแน่?”
ถ้าหากคราวนี้เขาบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญอีกล่ะก็ เธอไม่เชื่อเด็ดขาด!
ดวงตาภวินท์สั่นไหวเล็กน้อย เชิดคางขึ้นแล้วพูดเบาๆ “ดูเหมือนเธอยังไม่รู้ว่า คำสั่งการถ่ายทำโฆษณา ฉันเป็นคนสั่งเอง พูดในอีกแง่หนึ่ง ฉันถือว่าเป็นเจ้านายเธอ”
ได้ยินแบบนี้ ญาธิดาก็หัวเราะเยาะ “คุณคิดว่าฉันเชื่อไหม?”
จู่ๆเขาก็วิ่งมา บอกว่าเขาเป็นเจ้านายเธอ ใครจะไปเชื่อ!
“ไม่เชื่อเหรอ?” ภวินท์ไม่สะทกสะท้าน กวาดตามองไปทางผู้กำกับ แล้วพูดเรียบๆ “ไม่งั้นเธอคิดว่าเมื่อกี้ผู้กำกับมาทำไม?”
ญาธิดาได้ยินก็อึ้งเล็กน้อย จู่ๆก็พูดไม่ค่อยออก
พูดไปก็ถูก ถ้าเขาไม่มีสถานะอะไร เมื่อครู่นี้ผู้กำกับจะมาทักทายด้วยตัวเองทำไม?
เป็นไปได้ไหมว่า บอสใหญ่ที่พี่โอ๊ตกล่าวถึงคือภวินท์?
ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ ญาธิดาก็เครียด ถอยหลังครึ่งก้าวอย่างเหลือเชื่อ ค่อนข้างตื่นตระหนกตกใจอย่างอธิบายไม่ได้ “จะ……จะเป็นคุณได้ยังไง?”
เธอทำทุกวิถีทางอยากอยู่ห่างจากเขา ไม่คิดว่าไปๆมาๆ เธอจะทำงานให้กับเขา
ภวินท์ไม่แปลกใจกับท่าทีของเธอสักนิด เขาเม้มปาก พูดเรียบๆ “ที่ฉันมา เพราะอยากบอกเธอด้วยตัวเอง ข้อเสนอที่เธออยากเร่งกระบวนการการถ่ายทำ ฉันไม่อนุมัติ”
โดยไม่รู้ตัว สีหน้าเขาก็จริงจังขึ้นมา “งานของฉัน คุณภาพของงานมาเป็นอันดับหนึ่งตลอด ฉันไม่ต้องการความรวดเร็ว ต้องการแค่คุณภาพ และตัวอย่างการถ่ายต้องผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดจากฉันก่อนถึงจะถ่ายต่อได้”
ภวินท์พูดออกไปรวดเดียว ทันใดนั้นสีหน้าญาธิดาก็ยิ่งไม่พอใจ “คุณ……”
เดิมทีแล้วตอนแรกเริ่มไม่มีเงื่อนไขการถ่ายทำตัวอย่าง วันนี้เขามา ไม่เพียงแต่จะคัดค้านข้อเสนอเธอ แถมยังเพิ่มคำขออีกหนึ่งข้อ เธอจะยอมรับได้ยังไง?
“ภวินท์ คุณทำแบบนี้เกินไปหรือเปล่า?”
ภวินท์เลิกคิ้ว น้ำเสียงเรียบขั้นสุด “เกินไปเหรอ? ญาธิดา คุณไม่ได้กลับไทยมานานแล้วใช่ไหม เลยไม่เข้าใจกระบวนการทำงานในประเทศ?”
พูดจบ เขาก็เหลือบมองญาธิดา แล้วก้าวขายาวขึ้นรถไป
เห็นท่าทางสบายๆของเขา ญาธิดาก็ยิ่งโกรธ เธอกัดฟัน เดินไปข้างหน้าแล้วเปิดประตูรถ “ภวินท์ เรามาคุยกันให้รู้เรื่อง!”
ถ้าเธอรู้ก่อนหน้านี้ว่าบอสใหญ่คือภวินท์ เธอไม่มีทางให้งานนี้กับอีธานและเอลล่าแน่นอน
ญาธิดารู้สึกถูกกระตุ้น ยกเท้าไปข้างหน้า อยากจะจัดการเขาสักยก ใครจะไปรู้ว่าปลายเท้าลื่น ทั้งร่างสูญเสียสมดุล ล้มทับตัวภวินท์โดยไม่ทันตั้งตัว
“โครม!”
ศีรษะญาธิดากระแทกหน้าอกแกร่งของชายหนุ่ม เจ็บจนเธอขมวดคิ้ว ทั้งร่างยังไม่รู้สึกตัว ก็ถูกฝ่ามือใหญ่ประคองขึ้นมา
เธอยังไม่ทันยืนทรงตัวได้ ก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มที่แฝงไปรอยยิ้มดังขึ้น “ญาธิดา ถ้าเธออยากเข้าใกล้ฉัน ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีซุ่มซ่ามแบบนี้ไหม?”
ญาธิดาได้ยินแบบนี้ หน้าก็แดง ทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ยืนนิ่งแล้วก็ถอยหลังหนึ่งก้าว ขณะมองเขา ก็พูดอย่างเหลือเชื่อ “ภวินท์ คุณพูดอะไรมั่วๆ!”
นัยน์ตาภวินท์ฉายแววขี้เล่น กระตุกมุมปากพูดขึ้น “งั้นเหรอ? คนข้างๆเห็นกันหมด ว่าเธอพุ่งเข้ามาเอง”
ประโยคเดียว ทำให้ญาธิดายิ่งอับอายมาก
เธอหายใจเข้าลึกๆ กัดฟัน ยื่นมือออกไปชี้เขาด้วยความโกรธ “ภวินท์ คุณนี่มัน……”
พูดยังไม่ทันจบ ภวินท์ก็ยกมือขึ้นทันที แล้วจับนิ้วชี้ที่เธอยื่นออกมาเบาๆ
ฝ่ามืออบอุ่นโอบล้อมนิ้วญาธิดาไว้ ปลายนิ้วเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต “จี๊ด” หนึ่งที ทำให้ร่างเธอชาไปทั้งตัว
ไม่รอให้เธอตอบสนอง ทันใดนั้นภวินท์ก็ยื่นมืออีกข้างออกไป คลำหาหนังยางรัดผมดอกไม้สีชมพูเล็กออกมาจากกระเป๋า แล้วสวมบนนิ้วชี้เธอ
ญาธิดาตกตะลึง งุนงงไปหมดแล้ว
นี่เขาทำอะไร? จะมาไม้ไหนอีกเนี่ย?
เห็นเธอตกอยู่ในภวังค์ ภวินท์ก็กระตุกมุมปาก พูดอธิบาย “มันคือของเอลล่า เมื่อวานนี้ทำหล่นไว้ที่ฉัน ฉันถือโอกาสส่งมาให้เธอ”
ญาธิดาจ้องมอง มันคือหนังยางรัดผมดอกไม้ของเอลล่าจริงด้วย
แต่ไม่รู้ทำไม หัวใจเธอเต้นแรงมาก แก้มก็ร้อนผ่าว ควบคุมไม่ได้เลย
เป็นไปได้ไหมว่า เธอติดกับภวินท์แล้วจริงๆ?