ดวงใจภวินท์ - บทที่ 388 โลกในบ้านผีสิง
บทที่ 388 โลกในบ้านผีสิง
แต่ใครจะรู้ว่าภวินท์กลับทำสีหน้าเรียบเฉย โดยไม่มีความรู้สึกผิดหรือรู้สึกละอายใจใด ๆ เลย แถมยังเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้เธออีกด้วย
ญาธิดาอึ้งไปครู่หนึ่ง เพียงไม่นานความโกรธในใจของเธอก็ปะทุออกมาในทันที เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เอื้อมมือออกไปคว้าเด็กน้อยไว้ด้วยมือคนละข้างก่อนจะดึงพวกเขาเข้ามาอยู่ข้างๆ ตัว
เธอมองภวินท์ด้วยสายตาจริงจังและพูดว่า “คุณภวินท์ คุณพาพวกเขาออกมาโดยที่ไม่บอกกล่าวฉันสักคำแบบนี้มันเหมาะสมแล้วเหรอคะ”
ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันรอให้ภวินท์พูดอะไร เสียงไร้เดียงสาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากข้างต้นขาของเธอ “แม่คะ อย่าโทษคุณอาสุดหล่อเลย หนูเป็นคนขอให้เขาพาพวกเรามาเที่ยวเองค่ะ”
ญาธิดาก้มหน้าลงมอง แล้วก็สบตากับเอลล่าที่กำลังเงยหน้ามองเธออยู่พอดี
ท่าทางของเอลล่าจริงจังมาก “แม่คะ จริง ๆ นะคะ ไม่เชื่อถามพี่ธานดูก็ได้”
ญาธิดาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมองไปทางอีธาน ใครจะรู้ว่าอีธานก็พยักหน้ารับอย่างจริงจังพลางพูดขึ้นว่า “จริงครับแม่”
ทันใดนั้นญาธิดาก็ถึงกับพูดไม่ออกทันที
เจ้าเด็กสองคนโยนความผิดมาไว้กับตัวเองแบบนี้ แล้วเธอจะมีเหตุผลอะไรไปตำหนิภวินท์ได้อีกล่ะ?
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ เอื้อมมือไปดึงพวกเขาเบา ๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ค่ำมากแล้ว พวกเรากลับบ้านกันได้แล้ว อีกอย่างแม่เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามเข้าไปเล่นในบ้านผีสิง ไม่อย่างนั้นจะฝันร้ายตอนกลางคืน!”
อีธานได้ยินดังนั้นก็เอื้อมมือมาดึงตรงชายเสื้อของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสารว่า “แต่แม่ครับ พวกเราอยากเข้าไปจริง ๆนะครับ อีกอย่างถ้าผมเข้าไปก็จะได้ปกป้องน้องได้ด้วย”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็เหลือบมองเอลล่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทีเดียวกัน จนเธอไม่รู้จะพูดยังไงดี
แล้วจู่ ๆ เสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งก็ดังสะท้อนมา “พวกเขายังไม่เคยลองเข้าไปเลย ก็ควรจะได้ลองสักครั้งนะ”
ญาธิดาเงยหน้าขึ้นซึ่งก็ทำให้สบสายตาเข้ากับดวงตาสีดำสนิทของภวินท์เข้าพอดี ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร เขาก็พูดขึ้นอีกว่า “ในเมื่อเธอเองก็มาแล้ว งั้นก็พาพวกเขาเข้าไปเล่นด้วยกันเลยแล้วกัน ถือว่าทำตามความปรารถนาของพวกเขาไง”
“ใช่ค่ะคุณแม่!”
“แม่ครับ ให้พวกเราเล่นสักครั้งเถอะนะ!”
“…”
เจ้าเด็กน้อยสองคน คนนึงพูดทีอีกคนพูดที ทำเอาญาธิดาใจอ่อนอย่างช่วยไม่ได้
ทีแรกเธอไม่อยากให้พวกเขาไปสัมผัสกับสิ่งของเปื้อนเลือดพวกนั้น แต่พอเห็นพวกเขาอยากไปขนาดนี้ เธอก็ไม่อยากปฏิเสธพวกเขา
และในตอนนี้เอง จู่ ๆ ภวินท์ก็พูดขึ้นว่า “คงไม่ใช่เพราะเธอกลัวเลยไม่กล้าเข้าไปหรอกใช่ไหม เธอถึงไม่กล้าพาพวกเขาเข้าไปเล่นน่ะ”
ทันทีที่ญาธิดาได้ยินดังนั้นเธอก็ขมวดคิ้วแน่นทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่ม ก่อนจะตอบรับออกไปโดยไม่รู้ตัว “ใครบอกว่าฉันไม่กล้า”
ภวินท์ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและยิ้มให้ “ถ้างั้นก็ไปด้วยกันสิ”
ญาธิดารีบโพล่งออกไปโดยที่ไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ “ไปก็ไปสิ กลัวที่ไหนล่ะ”
วินาทีที่คำพูดเหล่านั้นโพล่งออกมา เธอถึงรู้ตัวว่าตัวเองติดกับภวินท์เข้าแล้ว เลยได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ แต่คำพูดทำพูดออกไปแล้วจะเอาคืนก็ไม่ได้
“ดีจังเลย! คุณแม่โอเคแล้ว!”
เด็กน้อยทั้งสองคนดีอกดีใจสุด ๆ แต่ด้านญาธิดากลับรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ท้ายที่สุด เธอทำได้แค่ถอนหายใจแล้วตอบตกลงกลับไป
มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเธอบอกว่าไม่ไป แบบนั้นก็ไม่เท่ากับหน้าแตกต่อหน้าอีธานกับเอลล่าเหรอ
รอไปสักพัก แถวที่พวกเขากำลังต่อคิวก็เริ่มได้เดินเข้าไปด้านใน ญาธิดาจูงอีธานไว้ ส่วนภวินท์จูงเอลล่า เดินตามกันเข้าไปทีละคน
ทันใดนั้นจากสภาพแวดล้อมที่สดใสก็เปลี่ยนเป็นมืดสลัว ทุกคนต่างเริ่มไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
ทันใดนั้นก็มีเสียงลึกลับน่าสยองดังมาจากด้านบน “ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของบ้านผีสิง”
จากนั้นตามผนังสีดำก็ค่อย ๆ มีไฟสีแดงสว่างขึ้นมาเป็นแถว นำทางพวกเขาให้เดินต่อไปด้านหน้า
เมื่อเดินไปที่ประตูห้องแรก ด้านในนั้นก็มีเสียง “แควก แควก——” ดังสะท้อนออกมา ภายในห้องสีแดงเต็มไปด้วยโครงกระดูก และมีคนท่าทางน่ากลัวกำลังกัดกินเนื้อดิบสด ๆ อยู่ในนั้น
ทันทีที่ญาธิดาเห็นภาพนั้น เธอก็ขนลุกขนชันไปทั้งตัว เอลล่ากับอีธานก็ตกใจไปตาม ๆ กันเหมือนกัน
พวกเขาเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ และทุกครั้งที่พวกเขาผ่านห้องแต่ละห้องไป ด้านในก็จะมีสิ่งที่น่ากลัวมากมายอยู่ในนั้น ทำเอาญาธิดากลัวจนหน้าชา แต่อยู่ต่อหน้าเด็ก ๆ เธอทำแสร้งทำเป็นนิ่งสงบเข้าไว้
เมื่อเดินไปอีกมุม จู่ ๆ อีธานก็พูดขึ้นว่า “แม่ครับ แม่บีบมือผมจนเจ็บไปหมดแล้ว”
ญาธิดาได้สติในทันทีก่อนจะรีบปล่อยมือเขาอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ถึงได้รู้ว่าฝ่ามือของตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ทันทีที่หันไปเธอก็เห็นผีที่อยู่ข้าง ๆ กำลังฉีกยิ้มเยาะ แลบลิ้นปลิ้นตาออกมา ทำเอาเธอตกใจกลัวจนเหงื่อไหลออกมาด้วยความกลัว
จู่ ๆ ร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ เธอ ไม่รู้ว่าภวินท์เดินเข้ามาหาเธอตั้งแต่เมื่อไหร่
ญาธิดาหันกลับไป และบังเอิญสบสายตาเข้ากับดวงตาที่กำลังส่องประกายท่ามกลางความมืดสลัวของชายหนุ่มเข้าพอดี
เขาเดินเข้ามาช้า ๆ แล้วกระซิบถามว่า “กลัวเหรอ”
ญาธิดาปากแข็ง “ใครกลัว”
ขณะที่พูดเธอก็รีบเบือนสายตามองไปทางอื่น แสร้งทำเป็นนิ่งสงบ
ต่อให้ในใจของเธอจะกลัวจนแทบทนไม่ไหว แต่อยู่ต่อหน้าภวินท์ เธอต้องแกล้งทำเป็นไม่กลัวอะไรทั้งนั้น! ยิ่งไปกว่านั้นอีธานกับเอลล่ายังอยู่ข้าง ๆ เธอจะขายหน้าไม่ได้เด็ดขาด!
ทันทีที่คิดได้ดังนั้น ภายในใจของเธอก็เต็มไปด้วยพลัง
เธอเอื้อมมือออกไป จับมือเล็ก ๆ ของอีธานเอาไว้อีกครั้ง พลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อีธานไม่ต้องกลัวนะ แม่อยู่นี่แล้ว”
อีธานพยักหน้า ยิ้มและพูดอย่างใจเย็นว่า “แม่ครับ ผมไม่กลัวเลย”
เมื่อญาธิดาได้ยินดังนั้น จู่ ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดต่อยังไงดี
พวกเขาเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ อุโมงค์สีดำทั้งลึกทั้งยาว ราวกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้นก็มีเสียง “กุกกัก——” ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังกลิ้งอยู่บนพื้น ก่อนจะตามด้วยเสียง “ปึก” มันกลิ้งมาหยุดอยู่ที่ข้างเท้าของญาธิดา
ญาธิดาอึ้งไปครู่หนึ่ง ยังไม่ทันได้แสดงปฏิกิริยาตอบโต้อะไร พอก้มหน้าลง จู่ ๆ ไฟบนพื้นก็พลันสว่างขึ้น ทำให้เธอเห็นศีรษะเปื้อนเลือดหยุดอยู่ข้างเท้าของเธอ!
ญาธิดาตกใจ เธอรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะพุ่งออกมาจากลำคอ แต่ยังไม่ทันได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา จู่ ๆ ก็มีแขนของใครคนหนึ่งยื่นออกมาแล้วกั้นเธอเอาไว้ด้านหลังของเขา
หลังจากนั้นภวินท์ก็โน้มตัวลงหยิบศีรษะที่อยู่บนพื้นขึ้นมาโยนลงไปในถังขยะที่อยู่ข้าง ๆ อย่างไม่ลังเล
การกระทำทุกอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว เขาหันกลับมามองญาธิดาด้วยสีหน้าจริงจังและกังวล “เธอโอเคหรือเปล่า”
เมื่อเห็นความกังวลในแววตาของชายหนุ่ม จู่ ๆ ญาธิดาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร
สีหน้าของเอลล่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองเขาอย่างนับถือ “คุณอาสุดหล่อเก่งมากเลย!”
ภวินท์กระตุกยิ้ม ก่อนจะหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดมือ ก่อนจะจูงมือเอลล่าเอาไว้อีกครั้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “มีคุณอาปกป้องอยู่เอลล่าไม่ต้องกลัวนะ”
จู่ ๆ อีธานที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นว่า “พี่ด้วย พี่ก็ปกป้องเธอได้เหมือนกัน!”
ขณะที่พูดเขาก็ยกกำปั้นเล็ก ๆ ของตัวเองชูขึ้น
พอเห็นท่าทางที่ทั้งน่ารักทั้งจริงจังของเขาแล้ว ญาธิดาก็อดกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ จนหลุดหัวเราะออกมา
ภวินท์กับเอลล่าที่อยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน
เพียงไม่นานบรรยากาศรอบ ๆ ก็ดีขึ้นมาก ราวกับเสียงหัวเราะของคนไม่กี่คน สามารถทำให้บ้านผีสิงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
พวกเขาเดินไปข้างหน้าต่อ ญาธิดาก็ค่อย ๆ หายจากอาการตกใจเมื่อครู่นี้
ภวินท์จูงมือเอลล่า ทั้งยังไม่ลืมที่จะอธิบายให้พวกเขาฟัง “เด็ก ๆ ดูของเหลวสีแดงที่อยู่บนผนังพวกนี้สิ มันไม่ใช่เลือดจริง ๆ หรอกนะ อันนี้ก็เหมือนกับสิ่งที่พวกนักแสดงใช้ตอนถ่ายทำนั่นแหละ มันคือเลือดเทียม ไม่จำเป็นต้องกลัว…”
อีธานกับเอลล่าต่างก็ฟังอย่างตั้งใจ พวกเขาตั้งใจฟังภวินท์คอยแนะนำราวกับกำลังเที่ยวอุทยานวิทยาศาสตร์ยังไงอย่างนั้น
ญาธิดาเดินตามหลังพวกเขา และเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
แต่เธอไม่ทันสังเกตเห็นว่าตรงมุมข้าง ๆ กำแพงมีคน ๆ หนึ่งซ่อนตัวอยู่