ดวงใจภวินท์ - บทที่ 394 แค่ตกใจแต่ไร้อันตรายใดๆ
บทที่ 394 แค่ตกใจแต่ไร้อันตรายใดๆ
สีหน้าคุณบิ๊กเคร่งขรึมขึ้นมาก พร้อมทั้งพูดทันควัน “ธิดา คุณอย่าเพิ่งโกรธผม ผมต้องให้คำอธิบายกับคุณและเอลล่าได้อย่างแน่นอน!”
ญาธิดาได้ยิน หัวใจบีบรัดอยู่สักพัก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆและส่ายหน้าให้คุณบิ๊ก และไม่พูดอะไรสักประโยคออกมาสักคำ
เธอหันหลังให้ และเดินมาหยุดทางด้านข้าง พร้อมทั้งอุ้มอีธาน ขึ้นมา และคอยเหลือบมองเวลาที่ปรากฏขึ้นด้านหน้าห้องฉุกเฉิน ราวกับหัวใจมันจุกอยู่ที่คอ จนรู้สึกไม่สบายใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย
ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับเอลล่าจริง เธอต้องโทษตัวเองไปจนวันตายแน่!
แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้นั้น ก็คือการรอคอย
ซึ่งไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว จนมีเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งเข้ามาเรื่อย จากนั้นตามมาติดๆ ทางคุณบิ๊กกับพนักงานที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มส่งเสียงอื้ออึง
ญาธิดาไม่ได้หันหลังกลับไปมองดู แต่กลับได้ยินเสียงดังมาจากกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง “คุณภวินท์”
พริบตาเดียว เสียงสุขุมทุ้มต่ำก็ดังขึ้นด้านหลังเธอ “ญาธิดา”
ญาธิดาได้ยินแต่ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ดวงตาทั้งสองข้างยังคงจับจ้องบานประตูห้องฉุกเฉินบานนั้นไว้
ภวินท์ยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมทั้งคอยมองลักษณะท่าทางแบบนี้ของเธอเอาไว้ จนเกิดความรู้สึกกดดันเพิ่มมากขึ้นในหัวใจอย่างไม่รู้ตัว
มือของเขาที่วางอยู่ข้างลำตัวค่อยๆ กำแน่นขึ้น หลังจากนั้นสักพักเขาก็ก้าวเท้าหันหลังกลับมา และเดินปรี่เข้าหาคุณบิ๊กทันที “คุณตามผมมา”
หลังจากพูดทิ้งประโยคนี้ไว้ เขาไม่พูดไม่จา และเดินตรงไปยังปากทางเดินหนีไฟที่ไม่มีคนซึ่งอยู่ทางด้านข้างด้วยสีหน้าแววตาเย็นชา
คุณบิ๊กเกิดความรู้สึกหวั่นวิตกเพิ่มมากขึ้น แล้วก้าวเท้าเดินตามไป พร้อมทั้งเอ่ยปากถามไถ่ทันที “คุณภวินท์ คุณ…”
มือของเขาที่วางอยู่ข้างลำตัวค่อยๆ กำแน่นขึ้น หลังจากนั้นสักพักเขาก็ก้าวเท้าหันหลังกลับมา และเดินปรี่เข้าหาคุณบิ๊กทันที “คุณตามผมมา”
เขายังไม่ทันพูดออกจากปาก จู่ๆ ภวินท์ก็หันหลัง พลางกำหมัดราวกับหัวค้อนคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้ ถัดจากนั้น ตัวของคุณบิ๊กก็ถูกเรียวแรงบางอย่างผลักติดกำแพง
สีหน้าอันตกใจของเขาซีดโพลนทันที “คุณ..คุณภวินท์!”
เสียงของภวินท์เคลื่อนไหวอยู่ตรงลำคอ พร้อมทั้งติดความโกรธเคืองและหม่นหมองมาด้วย “ก่อนหน้านี้ผมฝากอะไรคุณไว้ยังไง!”
คุณบิ๊กตกใจจนพูดพล่าม ตอบกลับมาทันควัน “ต้องดูแลครอบครัว…ครอบครัวสามคนไว้ให้ดี…”
“แต่สภาพคุณในตอนนี้ล่ะ?” เสียงภวินท์ราวกับเค้นออกมาจากไรฟัน “คุณทำได้หรือยัง!”
เขาปล่อยมือออกด้วยความโกรธแค้นอย่างหนัก และถอยออกหนึ่งก้าว สายตาเย็นชาจ้องมองคุณบิ๊ก
คุณบิ๊กเจ็บปวดหัวใจรวดร้าว สูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดตอกกลับทันควัน “อุปกรณ์ประกอบฉากที่ได้เตรียมการไว้ดีแล้ว ผมเองก็ไม่คิดว่าจะไม่ได้มีการตรวจสอบก่อน …อีกอย่างสัตว์ของเราก็ได้รับการฝึกฝนจนเชื่อง ซึ่งปกติไม่มีทางทำร้ายคนอื่น ใครก็ไม่คิดว่า…”
ภวินท์ยกมือขึ้น พร้อมทั้งต่อยผนังกำแพงอย่างจัง “ไม่ต้องมาอ้าง!”
โดยไม่สนใจมันเกิดปัญหาตรงจุดไหนก็ตาม การที่เอลล่าถูกงูกัดในตอนนี้มันเป็นความรับผิดชอบของเขา!
เวลานั้นเอง จู่ๆ พายุก็เร่งฝีเท้าปลีกตัวมา เดินมาหยุดด้านข้างของภวินท์ พร้อมทั้งพูดกระซิบกระซาบ “ท่านประธานครับ ผ่าตัดเสร็จแล้ว”
พอภวินท์ได้ยิน แววตาเปล่งประกายทันที พร้อมทั้งกวาดตามองคุณบิ๊กอย่างเย็นชา และก้าวเท้ามุ่งหน้าเดินไปทางด้านนอก
เมื่อเดินออกมาจากทางหนีไฟนั้น เขาก็มองเห็นร่างกายเล็กๆ นั้นกำลังนอนอยู่บนเตียงคนป่วย
ญาธิดาจูงมืออีธานเดินนำหน้าเข้าไปหาทันควัน พร้อมทั้งเอ่ยปากสอบถามคุณหมอ “คุณหมอคะ อาการเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วครับ แม้ว่าแผลจะลึกมาก แต่สิ่งที่ถือว่าโชคดีที่สุดก็คือ งูตัวนั้นไม่มีพิษ ดังนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกอกตกใจแต่มันกลับหักมุมถึงอย่างไรก็ปลอดภัยแล้วครับ แต่เด็กอายุยังน้อยมาก อาจจะตกใจอยู่ไม่น้อย รอจนเธอตื่นขึ้นมา พ่อกับแม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอเยอะๆ หน่อยนะครับ”
เมื่อได้ยินคุณหมอพูดออกมาแบบนี้ หัวใจที่จุกอยู่ที่คอของญาธิดาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงไปเยอะ เธอพูดขอบคุณทันที จากนั้นก็มีพยาบาลพาตัวเอลล่าเข้าห้องพักผู้ป่วย
เมื่อเข้าสู่ห้องพัก พยาบาลได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้จนเป็นที่เรียบร้อย จึงออกจากห้อง ญาธิดายืนอยู่ข้างเตียง พร้อมทั้งมองใบหน้าเล็กๆ ที่หน้าขาวซีดเผือดราวกับกระดาษที่นอนอยู่บนเตียงอย่างน่าสงสาร จนรู้สึกหัวใจเจ็บปวดรวดร้าวอย่างไม่รู้ตัวขึ้นมาทันที
หลายปีมานี้ คอยดูแลประคบประหงมอีธานเอลล่าจนเติบใหญ่ เธอในฐานะคนเป็นแม่ ทำทุกอย่างเต็มที่ แม้ว่าเด็กๆ จะเดินชนนู้นนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากแก่การหลีกเลี่ยงได้ แต่ครั้งนี้เอลล่าถูกงูกัด ซึ่งเป็นเรื่องราวมันหนักอยู่บ้างจริงๆ
หัวใจญาธิดายิ่งเริ่มรู้สึกละอายใจเพิ่มมากขึ้น เธอแสบจมูก และเกิดความรู้สึกอยากจะร้องไห้อย่างไม่รู้ตัว
ในเวลานี้เอง ประตูห้องพักผู้ป่วยก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นถัดมา ภวินท์ก็ผลักประตูเข้ามา และเดินมาหยุดอยู่หน้าเตียง พลางมองเธอและกล่าวออกมา “นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ อย่าโทษตัวเองเลย”
ชายหนุ่มราวกับอ่านความรู้สึกนึกคิดในใจของเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่ง พอตอนเอ่ยปากพูดก็พูดจี้ใจดำของเธอแล้ว
ทว่าเช่นนี้ หัวใจของญาธิดากลับยิ่งลำบากใจมากกว่าเดิม “ไม่ว่าจะพูดยังไง มันก็คือความผิดของฉันทั้งหมด”
เธอดูแลเอลล่าไม่ดี มิเช่นนั้นก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
เวลานั้นเองทางด้านนอกก็มีเสียงเอ็ดตะโรดังขึ้น เสียงยิ่งดังขึ้นเรื่อย ราวกับมีการทะเลาะกัน อีกอย่างเสียงมันดูคุ้นๆ หูอยู่บ้าง
อีธานวิ่งไปอยู่ตรงประตู และมองด้านนอกผ่านรอยแง้มประตู ไม่นานนักก็ปิดประตูสนิท พร้อมทั้งวิ่งกลับมาอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก และมองญาธิดาพร้อมทั้งพูดให้ฟัง “คุณแม่ครับ ผู้กำกับกำลังทำร้ายคนอื่นอยู่ครับ…”
“อะไรนะ?”
ญาธิดาตกใจทันที พร้อมทั้งเตรียมจะเดินออกไปทางด้านนอก จู่ๆ ก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ พร้อมทั้งหยุดฝีเท้าและมองมาทางอีธาน และโน้มตัวลงพร้อมทั้งพูดกำชับเขา “อีธาน ลูกอย่าวิ่งหนีไปไหน คอยเฝ้าน้องอยู่ข้างเตียงให้ดีได้มั้ยครับ? แม่จะออกไปดูหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
อีธานได้ยิน พร้อมทั้งพยักหน้าอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเอ่ยปากด้วยความเป็นผู้ชายอย่างแน่วแน่ “ผมจะดูน้องสาวเองครับแม่”
ญาธิดาได้ยิน ถึงได้รู้สึกวางใจลงได้ พร้อมทั้งก้าวฝีเท้าออกจากห้องพักผู้ป่วยเดินตามหลังภวินท์ติดๆ
เมื่อเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย ญาธิดาเหลือบมองเหตุการณ์ที่อยู่ด้านนอก จนตกตะลึงทันที
ซึ่งเป็นการทะเลาะถกเถียงกันระหว่างผู้กำกับหัวหน้าทีมอุปกรณ์ประกอบฉาก ทั้งสองคนถกเถียงกันจนหน้าดำหน้าแดงจนลามไปถึงใบหู ถ้าไม่ใช่ว่าพนักงานทางด้านข้างคอยขวางเอาไว้ เกรงว่าคงต้องลงไม้ลงมือกันจริงๆ
เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว สีหน้าของภวินท์หม่นหมองลงทันที เขาก้าวฝีเท้ามาทางด้านหน้า โดยที่ไม่พูดอะไร แต่ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาต่างมีประสิทธิภาพทำให้ทุกคนเงียบลงทันที
ตอนที่ผู้กำกับมองเห็นภวินท์นั้น สีหน้าฉายอาการเคอะเขินออกมาเล็กน้อย “คุณภวินท์ พลอยทำให้คุณมองเห็นเรื่องตลกไปด้วยเลย…”
ภวินท์เอ่ยปากด้วยเสียงสุขุม ความเย็นชาดั่งน้ำค้างแข็งปกคลุมอยู่บนสีหน้า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา?”
คุณบิ๊กย่นคิ้วหากัน พร้อมทั้งเหลือบมองทางหัวหน้าทีมทางนั้น พร้อมทั้งพูดอย่างเย็นชา “หัวหน้าคีนพูดว่าเขาได้ส่งคนไปตรวจสอบอุปกรณ์ทุกอย่างแล้วจริงๆ รวมถึงงูตัวนั้นด้วย แต่กรงกลับถูกเปิดทิ้งไว้จริงๆ! จนเรื่องมันตกมาถึงขั้นนี้แล้ว จะมาพูดโกหกกันก็ไม่มีความจำเป็นแล้วครับ”
หัวหน้าคีนยังใช้หลักการในการถกเถียงกลับ “ผมได้ส่งคนเข้าไปตรวจสอบแล้วจริงๆ! คุณสามารถสอบถามพนักงานในทีมคนอื่นๆ ได้เลยครับ พวกเขาต่างทราบกันดี!”
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทุกคนต่างไม่ยินยอมรับการกล่าวโทษนี้อย่างเต็มปาก แถมยังพยายามผลักความเกี่ยวข้องใดๆ เพื่อให้ตัวเองบริสุทธิ์อย่างเต็มที่
ญาธิดายืนอยู่ทางด้านข้าง จนมีความรู้สึกหัวใจเย็นเฉียบขึ้นมาทันที
จู่ๆ ก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาทางด้านหน้า และเดินมาหยุดทางด้านข้างของหัวหน้าคีน และเขยิบเข้าหาเขาและพูดกระซิบกระซาบอะไรบ้างอย่างกับเขา
วินาทีนั้น หัวหน้าคีนสีหน้าซีดเผือดทันที รูม่านตาขยายเป็นวงกว้าง พร้อมทั้งแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
เขาหันศีรษะมองไปทางคนคนนั้น พร้อมทั้งอ้าปากถามทันที “จริงเหรอ?”
คนคนนั้นพยักหน้าโดยที่ไม่มีการลังเลสักนิด
หลังจากมั่นใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หัวหน้าคีนหูตาฝ้าฟาง สีหน้าดูย่ำแย่หนักกว่าเดิม
วินาทีนั้น สายตาของทุกคนต่างมากระจุกอยู่บนตัวของเขา ทั้งที่ทุกคนต่างรอคำตอบจากเขา
หัวหน้าคีนเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางหวาดระแวง พร้อมทั้งมองญาธิดา และหันไปมองภวินท์ ดวงตาฉายแววตาความลังเลและหวาดกลัว “คุณภวินท์ครับ คนที่อยู่ที่อยู่ในโรงถ่ายได้พูดว่า งูตัวที่กัดคนตัวนั้นจับไว้ได้แล้ว แต่ว่า…”
“แต่ว่าไม่ใช่งูตัวนั้นที่เราได้จัดเตรียมเอาไว้แต่เดิม!”
ประโยคเดียว ราวกับระเบิดลง ซึ่งในพริบตาเดียวทำให้คนที่อยู่โดยรอบเซ็งแซ่ทันที ส่วนญาธิดานั้น เมื่อได้ยินประโยคที่เข้ามากระทบนี้นั้น เอาแต่ยืนซื่อบื้ออยู่กับที่ มีเสียงอื้ออึงดังอยู่ในหู
นี่หมายถึงว่าอะไร ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ต้องอธิบายก็เข้าใจอย่างถ่องแท้
สัตว์ทุกตัวได้จัดเตรียมไว้เป็นอย่างดีตั้งแต่แรก เพื่อรับประกันในความปลอดภัยในการถ่ายทำ แต่ตอนนี้ งูกลับถูกสับเปลี่ยน เอลล่าถูกกัด ซึ่งสามารถพูดได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแต่มีคนเตรียมการเอาไว้ก่อนตั้งแต่แรก!