ดวงใจภวินท์ - บทที่ 4 โล่งอก
“ฉันไม่ได้ฝันไปจริง ๆ ใช่ไหม”
ญาธิดานอนอยู่บนเตียง วางใบทะเบียนสมรสไว้บนเหนือหัว แล้วพึมพำ
เวลานี้ ในสมองของญาธิดานั้นสับสนวุ่นวาย จากนั้นเธอก็นึกถึงคำพูดสุดท้ายที่ภวินท์พูดกับเธอตอนอยู่บนรถ
ภวินท์บอกว่า สามารถให้เธอได้ทุกอย่าง นอกจากความรัก
ความจริงถ้าคิดอย่างถี่ถ้วน เธอเองก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ
เมื่อสองปีก่อน การถูกหักหลังที่น่าอายในครั้งนั้น ทำให้เธอหมดความศรัทธากับความรักระหว่างชายหญิงแล้ว
จนถึงขั้นที่ญาธิดารู้สึกว่าเธอนั้นไม่สามารถรักใครได้อีกในชาตินี้
ไม่เช่นนั้น เธอก็คงไม่ไปนัดบอด
การนัดบอดของคนสองคน ล้วนได้บอกความต้องการของตัวเองออกไปตรงๆ อีกทั้งไม่มีความรู้สึกใด ๆ
การแต่งงาน ก็แค่เพื่อให้คนอื่นได้เห็นก็เท่านั้น เพื่อเป็นการการันตีว่าตัวเองนั้นก็มีชีวิตที่‘ปกติ’
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ญาธิดาก็รู้สึกโล่งใจ
เธอสามารถจดทะเบียนสมรสกับภวินท์ ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่บังเอิญมากๆ แต่ว่าการแต่งงานในครั้งนี้ก็เป็นไปตามแผนการของเธอก่อนหน้านี้
ไม่มีความรัก เป็นเพียงแค่คู่ที่อยู่ด้วยกันไปวัน ๆ
เธอยังต้องมีอะไรให้น่าห่วง?
หลังจากที่ญาธิดาปลอบตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ดึงผ้าห่มมาคลุมศีรษะแล้วก็ผล็อยหลับไป
จนกระทั่งเมื่อเธอตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นกว่าแล้ว พระอาทิตย์บนฟากฟ้าที่กำลังจะตกดิน แสงสาดลงที่หัวเตียง
ญาธิดาขยี้ตาเบา ๆ ที่ราวกับยังไม่ตื่น
“วินใช่ไหม มา ๆ ดื่มน้ำก่อน ยังมีแอปเปิล ทั้งหมดนี้ป้าไปซื้อจากตลาดเมื่อตอนเช้า สดมาก ๆ”
ในขณะที่ญาธิดากำลังสะลึมสะลือ คิดว่าจะนอนต่อดีหรือไม่ ด้านนอกประตูก็มีเสียงกระตือรือร้นของมารดาดังขึ้น ทำให้ญาธิดาตัวสั่นไปหนึ่งที
วิน? ดื่มน้ำ? ทานแอปเปิล?
นี่บ้านมีแขกมาเยือนเหรอ
ญาธิดาเกาหัว หลังจากตบหน้าตัวเองเบา ๆ แล้ว ถึงนึกขึ้นได้ว่าภวินท์บอกจะมาที่บ้าน
หรือว่าวินจะเป็นคุณภวินท์!
ญาธิดาพุ่งออกไปอย่างเร็ว เพิ่งจะออกจากประตู ก็ชนเข้ากับคุณหญิงปภาวีที่ถือจานผลไม้มาเพื่อเคาะประตูห้อง
คุณหญิงปภาวีกลอกตามองบนใส่ลูกสาวตัวเองที่ซุ่มซ่าม จากนั้นก็หันมาแล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มของมารดาที่เมตตา พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สูงไม่ต่ำ “ธิดาจ๊ะ ลูกออกมาได้พอดีเลย วินมาแล้ว ลูกรีบไปคุยเป็นเพื่อนเขาสิ”
เมื่อได้ยินแม่พูดเช่นนี้ ใจของญาธิดาก็กระตุกไปทีหนึ่ง นึกขึ้นได้ก็หันไปมองนาฬิกาแขวนบนผนัง เข็มนาฬิกาชี้ตรงไปที่เลขหกพอดี
เขามาจริง ๆ! อีกทั้งมาตรงต่อเวลาอีกด้วย
ญาธิดาหัวเราะอย่างเคอะเขิน มีความรู้สึกอยากจะหลบเข้าไปอยู่ในห้อง แต่คุณหญิงปภาวีที่มือไวตาไว คว้าแขนของญาธิดาไว้ แล้วพาญาธิดาไปนั่งลงซฟาตรงหน้าภวินท์
“พวกหนูคุยกันไปก่อนนะ แม่ไปทำอาหารก่อน” คุณหญิงปภาวีกล่าวจบด้วยรอยยิ้ม แล้วก็จากไป
บรรยากาศในห้องฉับพลันก็หยุดนิ่งทันที
ญาธิดานั่งนิ่งอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าจะพูดคุยอะไร แม้แต่สายตาเธอก็ยังไม่รู้ว่าจะมองไปทางไหน ได้แต่มองที่ปลายเท้าของตัวเอง เหลือบมองภวินท์เป็นบางครั้ง
เวลานี้ภวินท์สวมชุดสเวตเตอร์เทาขาว ที่ดูสุขุมสง่ามีออร่า ดูสอ่อนโยนน่าเข้าหากว่าชุดสูทเนกไทเมื่อตอนกลางวันมาก
นี่เขากลับไปเปลี่ยนชุดโดยเฉพาะ?
จิตใจญาธิดาครุ่นคิดฟุ้งซ่าน
“ธิดา”
ภวินท์เอ่ยปากทำลายบรรยากาศความเงียบ
ญาธิดาเงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยปากตอบรับ “ค่ะ คุณภวินท์”
เมื่อพูดจบ ญาธิดาตระหนักได้ว่าไม่ถูกต้อง ก่อนหน้านี้เธอยังไม่ได้บอกกับภวินท์ ว่าเธอเป็นพนักงานในบริษัทSTN Group
ตอนนี้กลับเผยตัวตนออกมา เขาจะคิดว่าเธอมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวไหม จะสงสัยว่าการนัดบอดวันนี้เธอเป็นคนกำกับเองแสดงเองหรือเปล่า
ช่วงเวลาครู่หนึ่ง สมองของญาธิดาเกิดภาพมโนขึ้นมากมาย
ใครจะไปรู้ว่าภวินท์นั้นไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูดเลย ยังกล่าวกับเธอต่อว่า “ยื่นมือออกมา”
ญาธิดาได้ยินแล้วก็ยื่นมือขวาออกไป
“มือซ้าย” ภวินท์กล่าว
ญาธิดาเก็บมือขวาคืน ยื่นมือซ้ายที่เรียวยาวออกไป
เวลานี้ ภวินท์ได้หยิบแหวนแพลทินัมออกมาหนึ่งวง สวมลงบนนิ้วนางของญาธิดา
การกระทำของเขาอ่อนโยน สง่างาม เสร็จสิ้นในเพียงคราเดียว
ญาธิดากลับตะลึงงัน ใจเต้นตึกตักไม่หยุด มองแหวนที่นิ้วนาง อึ้งจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
เมื่อเธอมองไปทางภวินท์ เธอพบว่าบนนิ้วนางของภวินท์ มีแหวนที่เป็นแบบเดียวกัน
แต่ว่านิ้วมือที่เรียวยาวสะอาดสะอ้านของเขา ทำให้แหวนดูสวยงามเป็นพิเศษ
“ขนาดกำลังพอดี” ภวินท์พยักหน้าพอใจกับสายตาการเลือกแหวนของตัวเอง
“ฉัน……” ในใจของญาธิดาเต้นขึ้นอีกครั้ง
“ผมเคยบอกว่าผมจะให้คุณทุกอย่าง” ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองญาธิดา “ต่อไปคุณก็เรียกผมว่าวิน และผมก็จะเรียกคุณว่าธิดา”
น้ำเสียงของภวินท์บางเบา แต่ทุก ๆ คำกลับเผยให้เห็นถึงความคิดที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“ฉัน……” ญาธิดาพยายามข่มความตื่นเต้นที่มีอยู่ในใจไว้ “เร็วไปหรือเปล่า ฉันกับคุณเพิ่งจะเจอกันครั้งเดียว คุณเหมือนยังไม่รู้จักฉันเลยด้วยซ้ำมั้ง”
ญาธิดาหน้าแดง ในที่สุดก็สามารถพูดในสิ่งที่อยากพูดออกมา
อันที่จริงเธอไม่ได้กังวลอะไรมากกับการแต่งงานกับภวินท์ เพราะถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้เสียหายอะไร
แต่สำหรับภวินท์แล้ว นั่นเป็นการเสียเปรียบครั้งใหญ่เลย!
ตำแหน่งคุณนายที่มีค่านี้ จะต้องมีค่ากว่ารถกระบะที่บรรทุกเพชรพลอยทั้งคันแน่ เธอมีแต่ได้กับได้เห็น ๆ
“ที่คุณพูดว่ารู้จักนั้นหมายถึงอะไร” ภวินท์เลิกคิ้วเบา ๆ
เมื่อถูกถาม ญาธิดาเม้มปาก แล้วก็ยกตัวอย่างขึ้น “เช่น ฉันชื่ออะไร ทำงานที่ไหน จบจากมหาวิทยาลัยอะไร……”
“ญาธิดา ภูสิทธ์อุดม อายุ 24 ปี จบจากมหาวิทยาลัย J คณะบริหาร ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ STN Group ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยมีแฟนหนึ่งคนที่เรียนสาขาบริหารการเงิน เลิกกันตอนเรียนจบ……”
“พอได้แล้วค่ะ” เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้ญาธิดาก็รีบขัดจังหวะคำพูดของภวินท์ทันที
พูดถึงเรื่องความรักในอดีต ทำให้ญาธิดารู้สึกอาย ใบหน้ารูปไข่จึงแดงระเรื่อขึ้นทันที
แต่ภวินท์สีหน้ากลับเรียบนิ่ง ตอบกลับคำถามของญาธิดาอย่างตั้งใจ
ญาธิดากลืนน้ำลายหนึ่งอึก เห็นทีว่าภวินท์จะค่อนข้างรู้จักเธอ
แต่ในเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาจะมีความสนใจในความรักของเธอก่อนหน้านี้ไหม จะเข้าใจผิดหรือเปล่า เมื่อครุ่นคิดไปมา ในที่สุดญาธิดาก็ตัดสินที่จะอธิบายให้กับภวินท์ เพียงแต่ได้ยินเธอกลืนน้ำลาย จากนั้นก็กล่าวเบา ๆ “แฟนของฉันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ระหว่างพวกเราต่างไร้เดียงสากันมาก”
“จูงมือกันเพียงสองครั้งเท่านั้น” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ แก้มของญาธิดาแดงไปถึงใบหู
ภวินท์ที่เดิมทีไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นญาธิดาคุยเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้แอบน่ารักเล็กน้อย ยังทำให้ความเย็นชาบนหว่างคิ้วของเขาจางลงไปด้วย
บทที่ 3 ลูกน่าจะชื่อว่าเตียวหุย!
บทที่ 5 พ่อรู้จักกันเหรอ ?
ญาธิดากลับตะลึงงัน ใจเต้นตึกตักไม่หยุด มองแหวนที่นิ้วนาง อึ้งจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้o
ดวงใจภวินท์ บทที่ 3 ลูกน่าจะชื่อว่าเตียวหุย! –