ดวงใจภวินท์ - บทที่ 400 ลองเสื้อตัวอย่าง
บทที่ 400 ลองเสื้อตัวอย่าง
เมื่อมองเห็นเอลล่ากลับมานอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอน แก้มนุ่มนิ่มสีชมพูระเรื่อยังมีคราบน้ำตาเม็ดใสเกาะติด ญาธิดารู้สึกสับสนอยู่ในหัวใจ
ไม่นานนัก อารมณ์ความสับสนเช่นนี้กับอาการเจ็บปวดของเอลล่ากลายเป็นพลังบางอย่างที่ไม่สามารถพรรณนาขึ้นมาได้ จนทำให้เธอทนไม่ไหวจนต้องการจะจับคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังมาเองกลับมือ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเอลล่า
ญาธิดากัดฟันแน่น จู่ๆ ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอยื่นมือออกไปเพื่อเก็บมุมผ้าห่มให้เอลล่า จากนั้นก็หันหลังให้
วินาทีนั้น แววตาของเธอก็ยืนหยัดและแกร่งกล้าเพิ่มมากขึ้น เธอช้อนสายตาเหลือบมองธีทัตที่ยืนอยู่หน้าประตู พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ พร้อมทั้งพูดออกมา “ทัตคะ ฉันจะไปร่วมงานแซยิดของนายท่านของตระกูลสถิรานนท์ค่ะ”
เมื่อเห็นท่าทางความเปลี่ยนแปลงของเธออย่างกะทันหัน ธีทัตมึนงง สีหน้าตะลึงเล็กน้อย ไม่นานนัก จึงเอ่ยปากสอบถามอย่างวิตกกังวลอยู่บ้าง “ธิดา คุณเอาจริงใช่มั้ยครับ?”
ซึ่งงานแซยิดของนายท่านตระกูลสถิรานนท์ เวลานั้นคนในครอบครัวของตระกูลสถิรานนท์ทุกคนก็ต้องตบเท้าเข้าร่วมงาน ซึ่งไม่สามารถหลบเลี่ยงการที่ต้องพบเจอภวินท์และนิวรา เขาเริ่มเป็นห่วงจริงๆ
ญาธิดาคล้ายว่าพอเดาได้ว่าเขากำลังคิดจะพูดอะไรออกมา เธอยกมุมปากขึ้น พร้อมทั้งยิ้มจางๆ ให้เขา พร้อมทั้งตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา “วางใจเถอะค่ะ ฉันมีขอบเขตพอ”
การเข้าไปร่วมงานแซยิด ข้อแรกก็เพื่อไปเจอคุณย่า ข้อสองเธออยากจะไปตรวจสอบ เพื่อตรวจสอบท่าทีของนิวรา เพื่อดูว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาในครั้งนี้ตกลงว่ามันเกี่ยวข้องกับเธอหรือเปล่า
ถ้าเกี่ยวข้องกัน เธอไม่มีวันจะยอมทนต่ออย่างแน่นอน!
ก่อนหน้าที่จะมีงานแซยิดไม่กี่วัน จู่ๆ ญาธิดาก็ได้รับโทรศัพท์ของเจนนิเฟอร์แจ้งให้เธอไปสตูดิโอเพื่อดูตัวอย่างเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด ประจวบเหมาะญาธิดาว่างอยู่พอดี จึงรีบเดินทางไปทันที
เมื่อเดินทางมาถึงสตูดิโอแล้ว จึงมองเห็นเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ของเจนนิเฟอร์หลายชุด ญาธิดาอดถอนหายใจไม่ได้ เพราะว่านี่มันดูเปิดเผยมากกว่าเสื้อผ้าคอลเลคชั่นเดิมที่เธอเห็นก่อนหน้านี้มาก ซึ่งใช้การออกแบบที่ไม่ใช้กฎเดิมเลย การออกแบบและการตัดเย็บช่างประณีตแยบยลมาก จนทำให้ดวงตาลุกพราว
ญาธิดาทั้งเดินและถอนหายใจไปพร้อมกัน “อันนี้ไม่เหมือนคอลเลคชั่นอาโอกิก่อนหน้านี้เลย”
เจนนิเฟอร์พยักหน้าเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดอย่างแผ่วเบา “ใช่ รุ่นอาโอกิก่อนหน้านี้ได้รับความนิยมจากบุคคลส่วนใหญ่ รุ่นเหล่านี้นะเป็นสื่อกลางระหว่างรุ่นหรูหรากับรุ่นธรรมดาทั่วไป ซึ่งสามารถดึงดูดสายตาของผู้คน แต่ก็ไม่ได้ดูโอเว่อร์จนเกิดเหตุ
ญาธิดาพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมทั้งใช้สายตามองเสื้อผ้าตัวอย่างเหล่านั้นจนดวงตาทอประกาย
“แกลองตัวนั้นนะ”
เจนนิเฟอร์ชี้ชุดเดรสสีขาวชุดหนึ่ง ดูผิวเผินธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อมองตรงแขนเสื้อกลับดีไซน์ชายแขนเสื้อพองขึ้นลักษณะสมัยศตวรรษยุคกลาง พร้อมทั้งเก็บเอวคอด กระโปรงด้านล่างเป็นจีบยาวๆ
เมื่อครู่ญาธิดาถึงได้อดใจไม่ไหวที่ต้องมองชุดนี้อยู่หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งไม่คิดเลยว่าชุดแรกที่ต้องลองจะเป็นชุดนี้ จึงเกิดอาการตื่นเต้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว
ตอนที่มิลค์ที่เป็นผู้ช่วยเอาเสื้อผ้าลงมา ญาธิดาถึงได้ค้นพบว่า ทางด้านหลังกระโปรงชุดนี้โล่งทั้งหมด ซึ่งมีแค่เชือกที่เอามาผูกรัดกันไว้ โดยเปิดเผยช่วงเอวที่คอดกิ่วเนียนละเอียดที่สุดอย่างพอเหมาะพอดี
ญาธิดาตกตะลึงทันที พร้อมทั้งเบิกตาโตทันที เธอก็ไม่คิดเลยว่าด้านหลังจะดีไซน์ออกมาเช่นนี้ ด้านหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับสายน้ำ ช่างงดงามบริสุทธิ์ราวกับดอกเบญจมาศ แต่พอด้านหลังกลับบ้าคลั่งขึ้นมาอย่างเตลิดเปิดเปิง ทั้งบริสุทธิ์ทั้งเกิดราคะยั่วยวน จนทำให้คนหื่นกระหายอย่างอดใจไม่ไหว
“เอ่อ….”
เจนนิเฟอร์เลิกคิ้วขึ้นพร้อมทั้งหัวเราะออกมา “รับไม่ได้เหรอจ๊ะ?”
เธอเดินนำหน้าไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน แถมยังพูดกับญาธิดาต่อ “นี่แหละมันเป็นจุดที่หรูหราที่สุด แน่ใจนะว่าจะไม่ลองชุดจริงๆ อะ?”
สายตาของเจนนิเฟอร์ เธอย่อมเชื่อมั่นอยู่แล้ว แต่ว่าเธอในเวลานี้เป็นคุณแม่ลูกสองแล้ว การสวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้ เกรงว่าดูไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่
“รีบไปลองเร็ว วางใจเถอะ แกจะไม่มานั่งเสียใจที่หลังอย่างแน่นอน!”
เจนนิเฟอร์น้ำเสียงหนักแน่น พร้อมทั้งฉุดกระชากลากถูเธอเข้าห้องลองเสื้อผ้า
ญาธิดาปิดประตูห้องลองเสื้อผ้า พร้อมทั้งมองกระโปรง จึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ช่างสวยงามมากเหลือเกิน สวยสดงดงามราวกับแสงจันทร์นวลผ่องที่เรืองรองออกมา จนทำให้ละสายตาไม่ได้เลย
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งกัดฟันไว้แน่น และจัดการถอดเสื้อผ้าบนตัวออก เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดนั้นทันที
ขนาดไซซ์ช่างพอเหมาะพอดีเหลือเกิน แนบชิดกับส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอทุกอย่าง ราวกับว่าเป็นชุดที่ตัดเย็บมาให้เธอโดยเฉพาะ
ดูเหมือนว่า ครั้งที่แล้วเจนนิเฟอร์ได้ประเมินร่างกายเธอแล้ว ก็พอจะคาดเดาสัดส่วนของเธอได้
สายรัดทางด้านหลังต้องผูกทางด้านหลัง หลังฝ่ามือญาธิดาผูกไม่ได้ ทำได้แค่ร้องขอความช่วยเหลือ
มิลค์อยู่ด้านนอก ตอนที่เตรียมจะเข้ามานั้น ก็ได้ยินเสียงเจนนิเฟอร์ตามหลังมา เธอผลักบานประตูออก พร้อมทั้งเดินเข้ามาทันที
พอเธอเดินไปหาด้านหลังของญาธิดา และผูกสายรัดทางด้านหลังอย่างคล่องแคล่ว พร้อมทั้งผูกเป็นเส้นที่สวยมาก ซึ่งเกี่ยวรัดกันอยู่ตรงช่วงเอวคอดกิ่วของเธอพอดี
เจนนิเฟอร์ถอยหลังไปหนึ่งก้าว พร้อมทั้งแสดงสีหน้าแววตาพอใจมาก “ออกมาเถอะ”
ญาธิดาเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอยืนอยู่หน้ากระจกใหญ่ๆ แสงไฟสว่างไสวสาดส่องกระทบลงบนร่างกายของเธอ จนขลับผิวอันขาวผุดผ่องราวดั่งหิมะ เส้นผมดำขลับริมฝีปากแดงอวบอิ่ม เดรสสีขาวสะอาด สวยราวกับภาพวาดสีน้ำมัน
ญาธิดาเองก็ไม่คิดว่ากระโปรงชุดนี้จะเหมาะสมกับเธอขนาดนี้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้างอย่างไม่รู้ตัว
มิลค์ที่อยู่ด้านข้างมองตาค้าง ผ่านไปสักพักถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา และมองเจนนิเฟอร์อย่างตื่นเต้น “เจนนิเฟอร์ เธอสามารถใส่เสื้อผ้าจนดึงความรู้สึกในสิ่งที่คุณออกแบบเสื้อผ้าต้องการแสดงออกมาได้จริงๆ ด้วย!”
เจนนิเฟอร์ยกมุมปาก จนปรากฏรอยยิ้มชื่นชมในดวงตา “อื้อ ที่แท้ สายตาฉันก็ไม่พลาด”
เธอพูด พร้อมทั้งเหลือบมองญาธิดา “พอใจมั้ย?”
ญาธิดาไม่สามารถปิดซ่อนความตื่นเต้น “สวยมาก เหมือนว่าฉันไม่เคยสวยขนาดนี้มาก่อนเลย”
เมื่อพูดออกไปเช่นนี้ จนเรียกเสียงหัวเราะของเจนนิเฟอร์กับมิลค์ เวลานั้น บรรยากาศในสตูดิโอกลายเป็นชื่นมื่นตาบานขึ้นมาทันที
ตลอดบ่ายเต็มๆ ญาธิดาต่างลองเสื้อผ้าไม่หยุด พร้อมทั้งลองใส่เสื้อผ้าตัวอย่างทุกชุด นอกจากปัญหายิบย่อยของแต่ละตัวแล้วเสื้อผ้าทุกชิ้นต่างมีจิตวิญญาณของตนเอง ต่างมีจุดเด่นเฉพาะตนเอง
ในตอนท้ายของงาน เจนนิเฟอร์พูดกำชับญาธิดา “เอานะ งานของแกวันนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว มิลค์จัดการจดปัญหาของทุกชุดไว้ด้วย ฉันจะทำให้สมบูรณ์แบบทุกตัว พอจัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะเริ่มถ่ายภาพโชว์ได้เลยนะ”
“ได้ค่ะ”
ญาธิดายิ้มให้ พร้อมทั้งเก็บของเตรียมตัวกลับ แต่พอแหงนหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ แววตาก็หยุดอยู่บนเดรสสีขาวตัวนั้น จนไม่สามารถละสายตาไปไหน
กระโปรตัวนี้ มีชื่อว่า “จันทรา”
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของเธอ เจนนิเฟอร์ยิ้มให้พลันถามทันที “ทำไม? อยากได้กลับไปด้วยเหรอจ๊ะ?”
ญาธิดายิ้มให้จางๆ ชะงักทันที จู่ๆ ก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “เจนนิเฟอร์ ฉันอยากขอให้แกช่วยหน่อย…”
หลังจากนั้นสิบกว่านาที ญาธิดาออกจากสตูดิโอของเจนนิเฟอร์ พร้อมทั้งเคลื่อนรถยนต์มุ่งหน้าไปโรงพยาบาลทันที
ซึ่งระยะนี้ดร.ยติภัทรกับปภาวีพาอีธานพามาที่โรงพยาบาลทุกวัน เหลือแค่พักอยู่ในห้องพักผู้ป่วยเท่านั้นแหละ ตั้งแต่ที่เอลล่าเจอกับภวินท์หลังจากนั้นแล้ว อาการของร่างกายดีขึ้นไม่ใช่แค่นิดเดียว ขนาดคุณหมอเองก็พูดออกจากปากว่าอาการของเธอดีขึ้นมากแล้ว
เมื่อเห็นว่าเอลล่าอาการดีขึ้นจนใกล้กลับมาเป็นปกติ แผลที่มือก็เริ่มสมานติดกัน หัวใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของเธอก็ค่อยๆ เริ่มผ่อนคลายลงเรื่อยๆ
แต่ถึงแม้ว่าเอลล่ากลับคืนสู่สภาพเดิม แต่ก็ยังจับคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้ หัวใจของเธอก็ยังมิสามารถก้าวข้ามหลุมนั้นไปไม่ได้
ญาธิดารีบมาที่โรงพยาบาล เธอผลักบานประตูเข้ามา สิ่งแรกที่เข้าสู่สายตาตรงประตูก็วางของขวัญที่สวยงามเป็นกอง เธอค่อยๆ ตะลึงเล็กน้อย ยังคิดว่าตนเองเข้าห้องผิด แต่ตอนที่มองเห็นเอลล่าอยู่บนเตียงนั้น เธอยิ่งมึนงงหนักกว่าเดิม
ญาธิดาก้าวเดินมาทางด้านหน้า พร้อมทั้งมองปภาวีที่กำลังนั่งปอกเปลือกส้มอยู่ข้างเตียงให้กับเอลล่าพอดี จึงรีบสอบถามทันควัน “แม่ มันเกิดอะไรขึ้น?”
กล่องของขวัญอันสวยงามตระการตาทุกอย่าง ยังมีของบำรุงของเด็กโดยเฉพาะ แค่มองกล่องของขวัญด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ราคาสูงทั้งนั้น
พอปภาวีได้ยิน พร้อมทั้งตอบกลับอย่างแผ่วเบา “ของพวกนี้วินส่งมาให้”
วิน?
ญาธิดาตะลึง ในหัวสมองพลันปรากฏใบหน้าอันหล่อเหลางดงามเฉิดฉายขึ้นมาทันที
“หรือว่าจะเป็นภวินท์