ดวงใจภวินท์ - บทที่ 401 งานแซยิดของคุณย่า
บทที่ 401 งานแซยิดของคุณย่า
ญาธิดาเลิกคิ้วขึ้น พร้อมทั้งมองปภาวีพลางเอ่ยถาม “ภวินท์?”
ปภาวีแสดงท่าทางตามปกติทุกอย่าง พร้อมทั้งพยักหน้าและยิ้มพลันพูดขึ้นมา “ใช่ เขานั่นแหละ ไม่คิดเลยว่าเขายังหวนรำลึกถึงความหลังครั้งก่อนอยู่มาก แถมยังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยกับเด็กมากๆด้วย”
พอญาธิดาได้ยิน หัวใจของเธอก็เต้นแรง “ตึกตัก” และหม่นหมองลงเรื่อย
เพราะว่าตั้งแต่เริ่มแรก เธอได้ปิดบังปภาวีกับดร.ยติภัทรเอาไว้ ให้พวกเขาต่างนึกคิดไปว่าเอลล่ากับอีธานเป็นลูกของธีทัต ดังนั้นพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการมีภวินท์อยู่ด้วยมันมีความอันตรายมากขนาดไหน
ญาธิดาเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งถามด้วยความกังวล “ทำไมเขาถึงมาได้ล่ะคะ?”
เอลล่านั่งอยู่บนเตียง พร้อมทั้งกอดส้มลูกโตๆ และแทะกินอยู่ตลอด แถมพูดด้วยเสียงอู้อี้ “คุณอาคนหล่อเขาคิดถึงหนูค่ะ เลยมาหาหนู…”
ญาธิดาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด และเหลือบมองกองของขวัญที่กองเป็นภูเขาเลากาทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว จนรู้สึกไม่สบายใจอยู่เป็นระยะ
แสร้งเอาอกเอาใจไร้เงื่อนไข ต้องมีปัญหาแน่ๆ
ครั้งที่แล้วเธอได้แจ้งเตือนภวินท์อย่างชัดเจนแล้วว่าให้เขาอยู่ห่างๆ เธอกับอีธานเอลล่า เอาไว้ให้มาก แต่ครั้งนี้เขากลับไม่พูดพร่ำทำเพลง จนถึงขั้นส่งสิ่งของมาตั้งมากมายขนาดนี้ แล้วเธอยังจะกล้ารับมันไว้ไหมล่ะ?
ญาธิดากัดริมฝีปาก พร้อมทั้งเหลือบมองปภาวีทันควัน จากนั้นก็เอ่ยปากสอบถาม “แม่คะ เขาออกไปนานมากหรือยังคะ?”
“ยี่สิบนาทีเห็นจะได้นะ เขาพูดว่าเขามาตรวจเช็กอะไรนี่แหละ จึงถือวิสาสะมาเยี่ยมเอลล่าด้วยเลย”
พอญาธิดาได้ยิน เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หันหลัง และรีบเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาภวินท์ทันที
เธอเดินเลียบทางเดิน เพื่อเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าเดินไปยังด้านนอก พร้อมทั้งเดินตัดทางตรงแผนกผู้ป่วยใน และมาถึงจุดตรวจร่างกาย
เวลานี้เอง ในที่สุดปลายสายโทรศัพท์ก็มีคนกดรับสาย ชายหนุ่มส่งเสียงสุขุมกลับมา “ฮัลโหล?”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “คุณส่งของพวกนั้นมา ตกลงว่ามันหมายความว่ายังไงคะ?”
ภวินท์ที่อยู่ปลายสายชะงัก พร้อมทั้งเปล่งเสียงแกมเกียจคร้านดังเล็ดลอดดังออกมา “เวลาผมไปเยี่ยมคนก็ไม่เคยไปมือเปล่านะ”
ประโยคเดียว แต่กลับทำให้คำพูดของญาธิดาจุกอกจนพูดไม่ออกในเวลานั้น
เธอเริ่มปวดเศียรเวียนเกล้า พร้อมทั้งกัดฟัน โมโหจนหน้าดำหน้าแดงอยู่รอมร่อ
เวลานี้เอง ปลายสายก็มีเสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมา “มีอะไรกับผมก็พูดกันซึ่งๆ หน้าได้นี่ หันหลังกลับมาสิ”
ญาธิดาตะลึงทันที และหันหน้ากลับไปอย่างทำอะไรไม่ถูก จึงมองเห็นรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังของเธอซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ไกลมากนัก สีหน้าแววตาของชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม จังหวะที่สบตากับเธอนั้น ก็เก็บโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของตนเองลงอย่างไม่รีบไม่ร้อน
เขา…เห็นเธอตั้งแต่ตอนไหนเหรอ?
โดยที่ไม่รอให้ญาธิดาเข้าใจ ชายหนุ่มก็ก้าวฝีเท้ามุ่งหน้าเดินมาหาเธอ และหยุดอยู่ตรงด้านหน้าของเธอ พร้อมทั้งเลิกคิ้วขึ้นและเอ่ยปากถามทันที “พูดมาเถอะ ผมแคะขี้หูรอฟังอยู่”
หัวใจญาธิดาบีบรัด คำพูดจากความรู้สึกโกรธแค้นทุกอย่างที่มันเพิ่งจุกอยู่ที่คออยู่เมื่อครู่นี้กลับพูดไม่ออก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และถอยหลังเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ หลังจากอดกลั้นอยู่นั้น ในที่สุดถึงได้เอ่ยขึ้น “ของขวัญพวกนั้นราคาเท่าไหร่เหรอคะ? ฉันจะโอนเงินให้คุณเอง”
พอภวินท์ได้ยิน สีหน้าเย็นชาลงเยอะขนาดว่าสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พลันแสดงอาการชะงักเล็กน้อย เขาพูดเสียงแข็ง“สิ่งของที่ผมส่งให้เอลล่ามันไม่มีราคาค่างวดอะไรหรอกครับ”
เขาพูด พร้อมทั้งยื่นมือออกมา เพื่อจับข้อมือของเธอเอาไว้ และดึงเธอเดินมาทางด้านข้าง
ญาธิดาทำสีหน้ามึนงง และยังไม่ได้สติกลับมา ก็ถูกเขาดึงไปอยู่ทางด้านข้างแล้ว เธอจึงบิดมือของตนเองออกจากมือของเขาทันควัน “คุณจะทำอะไร?”
เมื่อครู่ตรงบริเวณนั้นเป็นโถงทางเดินใหญ่ ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา ทางนี้ถือว่ามีคนน้อยกว่า และสงบมากกว่าเยอะ
สีหน้าของภวินท์ดูอย่างจริงจังขึ้น จากนั้นจึงพูดเสียงแผ่วเบา “คุณคิดจะไปร่วมงานเลี้ยงวันแซยิดของคุณย่ามั้ยครับ?”
ญาธิดาเลิกคิ้ว หลังจากนั้นก็เอ่ยปากยอกย้อนกลับ “ไม่ได้เหรอคะ?”
ภวินท์ตีเสียงเข็ม พร้อมทั้งพูดเน้นย้ำทุกถ้อยคำ “ถ้าเป็นความคิดอยากไปอวยพรคุณย่าอย่างบริสุทธิ์ใจ ก็ไปได้ แต่ถ้ามีความคิดเป็นอื่น ก็อย่าไปเลย”
คำพูดเหล่านี้ เมื่อกระทบเข้าหูญาธิดา มันเสียดแก้วหูอย่างไม่รู้ตัว
สีหน้าเธอขรึมลงทันที พร้อมทั้งมองหน้าภวินท์อย่างเข้มงวด และถามยอกย้อนกลับ “คุณหมายความว่ายังไง?”
ดวงตาภวินท์ฉายแววตาหวั่นไหวออกมาเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดเสียงเข้ม “ผมหมายความว่ายังไง คุณยังไม่ชัดเจนอีกเหรอครับ?”
เขาเข้าใจเธอมากๆ อยู่แล้ว แล้วจะเดาไม่ออกได้ยังไงว่าที่เธอจะไปร่วมงานเลี้ยงแซยิดของคุณย่าไม่ใช่เป็นเพราะว่าคุณย่า
สิ่งที่ต้องการจะห้ามเธอนั้น ข้อแรกก็เพื่อคุณย่า ข้อสองก็เพื่อปกป้องเธอ
เขากำลังให้คนไปตรวจสอบเรื่องนั้นอยู่ ถ้าเพราะว่าญาธิดาไปแหวกหญ้าให้งูตื่น เกรงว่าเรื่องจะยุ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม อีกอย่าง ถ้างานแซยิดมันเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นมา เกรงว่าคุณย่าจะลำบากใจมากกว่าเดิม
การที่ญาธิดาไม่ไปร่วมงานเลี้ยง ก็ถือว่าเป็นข้อดีที่สุดแล้ว
ญาธิดากัดฟันแน่น และพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าฉันพูดว่าฉันจะไปร่วมงานเลี้ยงให้ได้ล่ะ!”
เรื่องที่ไม่ต้องการให้เธอไปร่วมงาน ก็เพื่อจะให้เธอหยุดตรวจสอบ การที่ภวินท์ทำเช่นนี้ ต้องเพื่อปกป้องนิวราแหละมั้ง?
เมื่อญาธิดาคิดถึงตรงจุดนี้ หัวใจพลันบีบรัดแน่น แต่ดูผิวเผินแล้วยังแสร้งทำทีหนักแน่นและยืนกรานดังเดิม “ภวินท์ คุณกลัวอะไรอยู่เหรอคะ? กลัวว่าฉันไปร่วมงานเลี้ยงแล้วจะก่อเรื่องขึ้นใช่มั้ย?”
“คนไม่เคยทำอะไรผิด ย่อมไม่กลัวว่าผีห่าซาตานจะบุกมาเคาะประตูหน้าบ้าน ที่คุณห้ามฉัน คงไม่ใช่ว่ามีความคิดแผลงๆ อยู่ในใจแล้วใช่มั้ย?”
“……”
เมื่อโดนคำถามยอกย้อนกลับเป็นชุด เธอมองภวินท์ที่ไม่ยอมตอบคำถาม จนรู้สึกตลกและส่งเสียงพึมพำในลำคอออกมา
ภวินท์แผ่ออร่าความเย็นชาออกมาเล็กน้อย เมื่อกวาดตามองเบ้าตาของหญิงสาวที่แดงระเรื่อ พร้อมทั้งพูดเน้นย้ำกลับไป “การที่ไม่ให้คุณไป ก็เพื่อมันดีต่อคุณนะ”
“งั้นเหรอคะ?” ญาธิดาราวกับได้ยินเรื่องขบขันใหญ่คับฟ้า “ทำเพื่อดีต่อฉัน? ภวินท์ คุณนี่ช่างน่าขบขันจริงๆ เลย!”
สิ่งที่เขาทำก็เพื่อช่วยปกปิดความผิดของนิวราจนแสดงให้เห็นอยู่ทนโท่ ซึ่งไปเอาที่ไหนมาพูดว่ามันดีสำหรับเธอ?
เมื่อญาธิดาหลุดปากพูดคำพูดนี้ทิ้งท้ายเอาไว้ เธอก็หันหลังให้ทันควัน พร้อมทั้งก้าวฝีเท้าเดินหนีอย่างรวดเร็ว
ญาธิดาวิ่งไปอยู่ตรงแผนกผู้ป่วยในด้วยความโกรธเคือง จากนั้นเธอจึงค่อยๆ หยุดฝีเท้าลงอย่างช้าๆ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนรู้สึกราวกับมีภูเขาขนาดมหึมามันกดทับลงบนหัวใจของเธอ จนทำให้เธอหายใจไม่ออก
เมื่อห้าปีก่อน ภวินท์เลือกนิวรา พอห้าปีให้หลัง ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตามผู้หญิงที่เขายังคงเฝ้าปกป้องก็ยังเป็นนิวราเช่นเดิม
ทุกครั้งที่คิดถึงช่วงเวลาแบบนี้ เธอก็ยิ่งโกรธเกลียดตนเองเหลือเกิน โกรธเกลียดที่ตนเองยังลืมเขาไม่ลงสักทีทั้งที่เวลามันผ่านมาห้าปีแล้ว
พอเดินกลับมาทางเดินห้องพักผู้ป่วย เธอคิดเลยเถิดไปไกล จนสุดท้ายแล้ว ก็ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าตนเองจะไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิด
ทั้งๆ ที่ทุกคนต่างไม่หวังให้เธอไปร่วมงาน งั้นเธอต้องไปเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคนให้มากกว่าเดิม สู้เพื่อตนเองอีกสักตั้ง และสู้แทนเอลล่าด้วย!
หลังจากนั้นสามวัน ภายในงานวันฉลองวันเกิดอายุครบเจ็ดสิบปีของนายท่านของตระกูลสถิรานนท์จัดขึ้นที่โรงแรมAmaya Hotelซึ่งเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองJ
ซึ่งภายในงานใช้วิธีการตามประเพณีเดิมและคลาสสิคที่สุด ฉากต่างๆ ตกแต่งด้วยความชื่นชอบของนายท่านทั้งหมด ดูครื้นเครงมาก และดูมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองและความอยู่ดีมีสุข
ช่วงเวลาตอนสายสิบนาฬิกา ทางด้านหน้าของAmaya Hotelเริ่มคึกคักแล้ว รถยนต์คลาคล่ำเข้ามาไม่ขาดสาย ต่างเป็นแขกเหรื่อที่ตบเท้าเข้าร่วมงานเลี้ยงกันทั้งนั้น
นิวรายืนอยู่หน้าประตู ซึ่งอาศัยสถานะหลานสะใภ้ของตระกูลสถิรานนท์ และยืนเคียงข้างภวินท์เพื่อคอยต้อนรับแขกเหรื่อ พร้อมทั้งกล่าวทักทายต้อนรับขับสู้ผู้คน
“คุณภวินท์กับคุณนิวช่างเป็นกิ่งทองใบหยกกันจริงๆ คุณย่ามีพวกคุณเป็นหลานชายและหลานสะใภ้ ถือว่าเป็นความโชคดีที่สุดจริงๆ!”
ในเวลาครึ่งชั่วโมงมานี้ นิวราได้รับคำยกยอปอปั้นจำพวกนี้อยู่เยอะมาก ทุกครั้งที่ได้ยิน ในใจ เธอก็จะรู้สึกชอบมาก เธอช้อนสายตาขึ้น พร้อมทั้งยกมือขึ้นคล้องแขนของภวินท์เอาไว้ จนเผยให้เห็นรอยยิ้มปรากฏในแววตาจนใกล้จะทะลักออกมาอยู่แล้ว
เพราะนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้ออกงานใหญ่ของตระกูลสถิรานนท์พร้อมกับภวินท์ นอกจากยินดีปรีดาแล้ว และยิ่งมีความภาคภูมิใจเพิ่มมากขึ้นด้วย
เมื่อเห็นนักข่าวที่อยู่ด้านล่างเวทีพวกเขากำลังถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่ง รอยยิ้มที่อยู่มุมปากของเธอก็ฉีกยิ้มจนปากกว้างขึ้นมากกว่าเดิม
การได้ออกกล้องพร้อมกับภวินท์ซึ่งจะตกเป็นพาดหัวข่าวของเมืองJในวันพรุ่งนี้ ไม่เสียแรงเลยที่วันนี้เธอใช้เวลาสามชั่วโมงในการแต่งหน้าครั้งนี้
ในเวลานี้เอง รถยนต์สีดำอันมีชื่อเสียงโด่งดังจอดรถบริเวณด้านหน้าบันไดตรงหน้าประตู พริบตาเดียว บริกรก็เดินเข้าหา พร้อมทั้งเปิดประตูรถอย่างเอาใจ
ธีทัตใส่เสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างหรูหราและก้าวเท้าลงจากรถด้วยท่วงท่าอกผายไหล่ผึ่ง และเดินวนอ้อมครึ่งรอบ เพื่อเดินไปอีกทาง พร้อมทั้งจัดการเปิดประตูรถทางเบาะหลังด้วยมือของตนเอง
ในเวลานี้ หญิงสาวใส่ชุดกี่เพ้าสีครามลงจากรถด้วยท่วงท่าอย่างสง่างาม พร้อมทั้งยื่นมือออกมาคล้องแขนของธีทัตอย่างเป็นธรรมชาติ
นิวราที่ยืนอยู่ตรงบันไดพลันช้อนสายตาอย่างไม่ตั้งใจ วินาทีนั้นก็ถูกดึงดูดสายตาด้วยรูปร่างที่สวยงามและเย้ายวนใจนั้นทันที
หัวใจเธอบีบรัด พร้อมทั้งรู้สึกโดนคุกคามเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว
จังหวะที่หญิงสาวหันหน้ามานั้น เธอเห็นใบหน้าหล่อนอย่างชัดเจน จนหน้าซีดเผือดทันที
ทำไม…ถึงเป็นเธอไปได้!