ดวงใจภวินท์ - บทที่ 406 แบบนี้ต่างหากถึงเรียกว่าตั้งใจ
บทที่ 406 แบบนี้ต่างหากถึงเรียกว่าตั้งใจ
เนื่องจากญาธิดาใส่ชุดกี่เพ้า ชายกระโปรงพลิ้วไสว บวกกับทางด้านข้างแหวกสูงมาก ทุกย่างก้าว มุมกระโปรงก็จะถลกขึ้นเรื่อย
ยามเมื่อผู้หญิงคนนั้นใช้เท้าเหยียบลงมา พอส้นเท้าของรองเท้าส้นสูงกดลงไป จนขยี้ชายกระโปรงอยู่ที่พื้นทันที
ญาธิดาสะดุดฝีเท้า ราวกับมีสิ่งของบางอย่างมันฉุดรั้งเธอมาจากทางด้านหลัง เธอขมวดคิ้วนิ่วหน้า พอหันหลังกลับมา ก็ได้ยินเสียงฉีกขาดดัง “แควก–” ดังขึ้นมาทางด้านหลัง
เธอจึงรีบหันศีรษะกลับไปมองทันควัน จนเห็นชายกระโปรงขาด สีหน้าของเธอหม่นหมองลงในชั่วขณะนั้นทันที
เจ้าของรองเท้าส้นสูงสีแดงแปร๊ด ส่งเสียงร้องตามหลัง “อุ๊ย” พร้อมทั้งยกเท้าขึ้นเล็กน้อยด้วยทักษะการแสดงโอเว่อร์เกินเหตุ พลางถอยหลังไปสองก้าว และกล่าวขอโทษขอโพยทันที “ขอโทษด้วยค่ะ ขอโทษจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
หัวคิ้วญาธิดาย่นเข้าหากันแน่น ความรู้สึกโกรธเคืองมันตีพุ่งขึ้นมาอยู่ตรงขั้วหัวใจ เธอกัดฟันไว้แน่น และพยายามควบคุมตนเอง
นัยน์ตาของผู้หญิงสองคนนั้นฉายอาการตื่นเต้นและสะใจออกมา มุมปากก็ยกขึ้นอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่
ในสถานการณ์เช่นนี้ญาธิดารู้ดีที่สุดแล้ว ว่าพวกเธอตั้งใจรังแกเธอ อาจจะเป็นเพราะได้รับคำสั่งมาจากนิวราอีกทอดหนึ่ง หรืออาจจะเป็นเพราะว่าพวกเธออยากรังแกคนเพื่อโชว์อำนาจบารมีก็เป็นได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พวกเธอก็กล้าทำเช่นนี้กับเธอ อย่างน้อยนิวราต้องคอยให้ท้ายอยู่แน่
ญาธิดากัดฟันไว้แน่น สีหน้าเคร่งขรึมมาก “แกตั้งใจทำใช่มั้ย?”
กี่เพ้าชุดนี้เจนนิเฟอร์เร่งตัดเย็บให้เธอโดยเฉพาะ ซึ่งตอนนี้กลับถูกทำลายอยู่ใต้ฝ่าเท้าของคนอื่นอย่างโจ่งแจ้ง ความโกรธเคืองครั้งนี้เธอกล้ำกลืนไม่ลงคอจริงๆ
หญิงสาวที่ใส่เดรสสีดำยกมุมปากหัวเราะร่า และพูดดัดโทนน้ำเสียงจนแปลกพิลึก “คุณญาธิดา คุณพูดหมาๆ ออกมาแบบนี้ได้ไง? ฉันตั้งใจทำที่ไหนล่ะ เมื่อกี้ฉันก็แค่ไม่ทันระวังก็เท่านั้นเอง!”
“ใช่จ้า” หญิงสาวที่ใส่เดรสสีชมพูที่อยู่ด้านข้างก็พูดเสริมทัพ “ที่แกพูดมาแบบนี้คิดจะแบล็กเมล์ฉันกลับใช่มั้ย? คุณญาธิดาคงไม่ขาดแคลนเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่กี่บาทหรอกมั้ง?”
“……”
ทั้งสองคนพูดกันอย่างเข้าขา คนหนึ่งพูดอีกคนพูดเสริมต่อ วินาทีนั้นทำให้อารมณ์โกรธเคืองของญาธิดาแตะถึงขีดสุด เธอกำหมัดแน่น พลางจ้องพวกเขาตาเขม็ง พร้อมทั้งพูดเน้นย้ำทุกถ้อยคำ “พวกแกสองคนอย่ารังแกคนจนเกินเหตุไป ถ้ามันไม่ไหวจริงเราก็ไปดูกล้องวงจรปิดกัน เพื่อให้ทุกคนดูว่าตกลงแล้วพวกแกตั้งใจทำหรือเปล่า!”
พอได้ยินเธอกล่าวหาเช่นนั้น หญิงสาวทั้งสองคนก็เหมือนได้ยินเรื่องตลกขบขันบางอย่าง พวกเธอสองคนสบตากัน และหัวเราะจนหงายหลัง
“คุณญาธิดาคะ นี่คุณเข้าใจอะไรพวกเราผิดหรือเปล่า! วันนี้จะแบล็กเมล์ไม่ยอมปล่อยพวกเราไปให้ได้ใช่มั้ย?”
โดยที่ไม่รอให้ญาธิดาได้ตอบคำถามกลับ หญิงสาวที่ใส่เดรสสีดำก็หัวเราะพร้อมทั้งพูดเสริม “ที่ไหนกันล่ะ! ซึ่งเข้าใจความหมายของคำว่า “ตั้งใจ” ผิดพลาดไปนะ!”
จู่ๆ เธอก็ก้าวฝีเท้าออกมา พร้อมทั้งเอื้อมมือมาจับชายกระโปรงของญาธิดาเอาไว้ และใช้แรงดึงทันที
“แควก–” เสียงผ้าฉีกขาดอีกรอบ ญาธิดาตั้งสติได้ทัน พลันก้มศีรษะลงมา จึงค้นพบว่าบริเวณต้นขาที่มีรอยแหวกสูงตรงนั้นมันถูกดึงจนถึงเป้า จนเผยให้เห็นกางเกงสเตย์ที่อยู่ภายใน
สีหน้าเธอตกตะลึงทันที จึงใช้มือมาปิดไว้ทันควัน ทำไมเธอถึงคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะบ้าคลั่งถึงเพียงนี้ ที่กล้าฉีกเสื้อผ้าของเธอออกเป็นชิ้นๆ ได้แบบนี้แล้ว
หญิงสาวที่ใส่เดรสสีดำเลิกคิ้วขึ้น พร้อมทั้งพูดจาด้วยน้ำเสียงสะใจอย่างเต็มเปี่ยม “นี่แหละที่เรียกว่าตั้งใจ เข้าใจหรือยัง!”
วินาทีนั้น อารมณ์โกรธเคืองของญาธิดาระเบิดจนใกล้จะพังพินาศอยู่แล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอเอามือมาปิดตรงกระโปรงตำแหน่งที่ขาดวิ่นนั้น เธอต้องยื่นมือออกไปตบอีผู้หญิงคนนี้สักฉาดอย่างเต็มแรงแน่
“คุณญาธิดา ดูเหมือนว่าคุณภาพของเสื้อผ้าของคุณนี่จะไม่ถึงไหนเลยนะ! แค่สัมผัสเบาๆ ก็ขาดเสียแล้ว จุ๊ๆๆ!”
หญิงสาวสองคนนั้นยืนอยู่ทางด้านข้าง ราวกับกำลังดูละครและคอยพูดเหน็บแนมอยู่เช่นนั้น แต่กลับไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะเดินหนีไป
ญาธิดาทั้งอายทั้งแค้น ประจวบเหมาะกับทางด้านข้างมีคนคอยเดินกันไปมาอย่างขวักไขว่ และเดินผ่านมาทางห้องน้ำตรงจุดนี้ พร้อมทั้งใช้สายตาชะเง้อมองดูพวกเธอด้วยความสงสัย
ญาธิดาไม่กล้าจะเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ แค่เธอย่างฝีเท้าออก หรือปล่อยมือก็ตาม บริเวณด้านข้างต้นขาก็จะโป๊เปลือยทันที เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งเหลือบมองมาผู้หญิงทั้งสองคนอย่างเย็นชาใส่ และพูดเสียงเข้ม “พวกแกทำกับฉันแบบนี้ แกรู้สึกว่าฉันจะปล่อยพวกแกไปง่ายๆ มั้ย?”
ตอนนี้เธออาจจะอับจนหนทาง แต่พอผ่านวันนี้ไปแล้ว ถึงเวลาขอแค่เธอต้องการ บัญชีนี้ไม่ว่าจะช้าเร็วยังไงก็ต้องไปคิดบัญชีกับพวกเธอแน่
เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาเช่นนี้ สีหน้าของหญิงสาวก็หม่นหมองลงทันที นัยน์ตาฉายความรู้สึกขี้ขลาด จนไม่ได้หลุดปากพูดออกมาสักคำครึ่งคำ
ญาธิดาส่งเสียงพึมพำในลำคอ “ถึงเวลานั้น พวกแกรู้สึกว่านิวรายังจะปกป้องพวกแกไว้ได้อีกมั้ย?”
เมื่อหญิงสาวทั้งสองคนได้ยิน สีหน้าก็ซีดเผือดเล็กน้อย พวกเธอต่างหันขวับอย่างมิได้นัดหมาย เพื่อสบตากัน ต่างพูดไม่อะไรกัน
หลังจากนั้นชั่วครู่ หญิงสาวที่ใส่เดรสสีดำก็หันหน้ากลับมา แววตาที่มองญาธิดายิ่งโหดเหี้ยมทารุณหนักกว่าเดิม พร้อมทั้งพูดเสียงแข็งกร้าว “มาถึงขั้นนี้แล้ว งั้นวันนี้พวกเราก็ทำให้แกอับอายขายหน้าให้สุดโต่งอีกนิดแล้วกัน!”
เธอพูด พร้อมทั้งยื่นมือออกมา ผลักญาธิดาอย่างรุนแรง
จู่ๆ ก็มีแรงมหาศาลพุ่งเข้าหา โดยไร้การป้องกัน ญาธิดาเองก็ไม่ได้เตรียมป้องกันตัวอะไรไว้เลย ร่างกายเซไปทางด้านหลัง จนสูญเสียสมาธิไปหมด
เดิมทีเธอใช้มือในการปิดตรงบริเวณต้นขาเอาไว้ ซึ่งตอนนี้เท้าพลิกหมุนไปหนึ่งรอบ จนร่างกายเซถลาล้มไปกองอยู่ที่พื้น ส่วนชุดกี่เพ้าที่ขาดวิ่นก็ฉีกขาดอย่างสมบูรณ์แบบ จนเผยให้เห็นขาเรียวยาวอันเกลี้ยงเกลาที่ถูกเปิดเผยไร้การปิดบัง
ห้องน้ำมีคนเดินเข้าเดินออกอยู่ตลอด ซึ่งในเวลานี้จู่ๆ ก็เกิดเสียงทะเลาะดังเล็ดลอดออกมา บวกกับการที่ญาธิดาล้มหน้าคะมำเช่นนี้ จนสามารถเรียกสายตาของทุกคนได้ในชั่วขณะนั้น
เมื่อผู้ชายเห็นเรียวขายาวของญาธิดา แววตาก็เปลี่ยนเป็นลึกลับซับซ้อนขึ้น ส่วนผู้หญิงที่มองเห็นเธอ แววตาฉายความอิจฉาตาร้อนผ่าวออกมาแทน
ญาธิดาแทบไม่สนใจบริเวณความเจ็บปวดตรงข้อเข่าหรือข้อศอกเลยสักนิด เธอรีบยื่นมือออกไป เพื่อปกปิดบริเวณที่ถูกดึงเสื้อผ้าออกจนเผยให้เห็นผิวพรรณนวลผ่องอย่างร้อนรน
ชั่วขณะนี้ เธออายมาก
ส่วนผู้หญิงสองคนที่อยู่ด้านข้างนั้นแสดงท่าทางเป็นคนดูแทน กระทั่งหนึ่งในนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและจัดการถ่ายรูปญาธิดาอยู่หลายรูป พร้อมทั้งยิ้มให้คู่หูพลางพูดทันที “ถ้านิวเห็นภาพนี้เข้า คงบ้าจี้จนตายเลยแหละ…”
ญาธิดาเกิดความรู้สึกเย็นเฉียบมันพุ่งขึ้นมาในหัวใจ จึงแหงนหน้าอย่างไม่ตั้งใจ ก็มองเห็นสายตาของผู้คนโดยรอบจ้องมองเธอด้วยความสับสน วินาทีนั้น หัวใจของเธอราวกับเย็นเฉียบจนใกล้ทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว
การอยู่ในสังคมตามความจริงๆ เช่นนี้ ยามเมื่อคุณได้รับความทุกข์ทรมาน เกิดเรื่องโชคร้ายกับคุณ คนอื่นไม่ซ้ำเติมคุณ ก็ถือว่ามีบุญโขแค่ไหนแล้ว
เวลานี้เอง จู่ๆ ทางด้านข้างก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก ถัดมา ก็มีเสียงสุขุมนุ่มลึกมีพลังดังขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้น?”
เจ้าของเสียงแสดงความยำเกรงต่อสาธารณะ ทั้งที่เพิ่งปรากฏตัว ผู้คนที่คอยมุงดูอยู่โดยรอบก็ค่อยๆ ถอยออกอย่างช้าๆ เพื่อต้องการแยกย้ายไป
ญาธิดาหันหน้าไปมองทันควัน ก็เห็นเส้นสันกรามด้านข้างที่เด่นชัดอย่างไหลลื่น
น้ำเสียงของเขาเป็นคำสั่งเด็ดขาดให้กับพนักงานที่ตามมาทางด้านข้าง “ช่วยปลอบใจแขกเหรื่อทุกท่าน เรื่องทางนี้ผมจัดการเอง”
“ครับ”
บริกรทั้งสองคนรีบพยักหน้าทันควัน และเริ่มแสดงเจตจำนงให้แขกเหรื่อต่างแยกย้ายกันไป
ผู้หญิงทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้างเริ่มขี้ขลาดเล็กน้อย พร้อมทั้งส่งสายตาให้กัน ตอนเตรียมจะเดินหนีนั้น จู่ๆ ภวินท์ก็เอ่ยขึ้นมา “พวกคุณสองคน อยู่ก่อน”
น้ำเสียงของชายหนุ่มราวกับเกล็ดน้ำแข็งตกผลึก เย็นเฉียบจนไม่สามารถจะเย็นได้อีกแล้ว
หญิงสองคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนทันที และเริ่มแสดงอาการตื่นตระหนก
ภวินท์กวาดตามองพวกเธอ พร้อมทั้งเบนสายตามา และหลุบตามองญาธิดา ดวงตาดำขลับดำดิ่ง ลึกล้ำอย่างไร้จุดหมาย
เขาตะลึงทันที จู่ๆ ก็ถอดสูทตัวนอกที่อยู่บนตัวออกไป พลางโยนให้ทันที เพื่อคลุมร่างกายของญาธิดาเอาไว้
ญาธิดาย่นคิ้ว ตอนแรกก็อยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อมองดูโดยรอบ ก็ไม่เห็นว่ามีสิ่งใดที่สามารถปกปิดร่างกายได้ ทำได้เพียงเอาเสื้อสูทตัวนั้นใส่ทับเอาไว้
ซึ่งไม่คาดคิดเลยว่า เสื้อผ้าขนาดใหญ่โตของชายหนุ่ม เมื่อใส่อยู่บนตัวเธอแล้ว จะสามารถยาวมาถึงตำแหน่งต้นขาของเธออย่างพอดี จนสามารถปกปิดได้อย่างมิดชิดมาก