ดวงใจภวินท์ - บทที่ 408 อย่าหาเรื่องญาธิดา
บทที่ 408 อย่าหาเรื่องญาธิดา
แค่ประโยคเดียว ราวกับสายฟ้าฟาด จนระเบิดข้างหูญาธิดาทันที
ภวินท์พูดออกมาเช่นนี้ หรือว่ากำลังสารภาพรักกับเธออยู่เหรอ?
หัวใจพลันเกิดความรู้สึกเกิดความสงสัยและตื่นตระหนก เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และยื่นมือออกมาผลักภวินท์ทันควัน “อย่าล้อเล่นเลย มันไม่สนุกสักนิด!”
ร่างกายของชายหนุ่มราวกับกำแพง ที่ขวางอยู่ด้านหน้าของเธอ ผลักยังไงก็ไม่มีท่าทีขยับเขยื้อน ญาธิดาตกใจ จู่ๆ กำปั้นก็ลื่นไถลลง จนสัมผัสกับตำแหน่งใต้เข็มขัดของเขา
วินาทีนั้น อากัปกิริยาเธอชะงักทันที ร่างกายแน่นิ่งคล้ายว่าเป็นฟอสซิลไปแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอเหลือบมองบริเวณนั้นที่นูนออกมาของภวินท์ หน้าถอดสีจนถอยกรูดไปทางด้านหลังและหดตัวด้วยอาการตกใจ แต่ด้านหลังของเธอเป็นประตู และไม่มีทางหนีทีไล่อีกแล้ว
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางแหงนหน้าเหลือบมองภวินท์ พร้อมทั้งรีบพูดอธิบายทันควัน “ฉัน…ไม่ได้ตั้งใจ…”
เมื่อครู่เธอรีบร้อนเกินเหตุไปหน่อย เลยสัมผัสบริเวณพิเศษของเขาอย่างไม่ทันระวัง ใครเล่าจะรู้ว่าเขากลับมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับ!
ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ภวินท์ก็เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเองดี เขาย่นคิ้ว กองเพลิงภายในร่างกายของเขาจุดประกายลุกโชนชัชวาล เขาย่นคิ้วหากันไว้แน่น จู่ๆ ก็ยื่นมือออกมา เพื่อคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ พร้อมทั้งพูดเสียงต่ำ “ไม่ได้ตั้งใจเหรอ? ผมว่าคุณเหมือนตั้งใจนะ”
“เปล่านะ!” พอญาธิดาได้ยิน หน้าแดงระเรื่อทันที พร้อมทั้งพูดตะกุกตะกัก “ฉันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับคุณ!”
ภวินท์พึมพำในลำคอ พร้อมทั้งมองเห็นสาวน้อยพยายามเก็บงำอาการตื่นตระหนกอยู่ในก้นแววตา เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย จู่ๆ ก็ดึงเธอมาทางด้านใน
ญาธิดาตกใจทันที แต่ยังไม่ได้แสดงอากัปกิริยาตอบโต้กลับ ร่างกายถูกดึงเข้ามา เธอตื่นตระหนกตกใจ จู่ๆ ก็รับรู้อะไรบางอย่างได้ จึงใช้เรี่ยวแรงในการดึงมือของตนเองให้หลุดออกจากฝ่ามือของชายหนุ่ม
เธอถอยหลังไปสองก้าวติดๆ และเหลือบมองภวินท์ด้วยความตื่นตระหนก พลางเอามือกอดอกไว้ และพูดอย่างระแวดระวัง “ภวินท์คุณคงไม่คิดเรื่องบัดสีกับฉันอยู่ใช่มั้ย?”
พอภวินท์ได้ยิน ก็หัวเราะเบาๆ ไม่ได้แบ่งรับหรือแบ่งสู้แต่อย่างใด ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือว่าอย่างไรกันแน่ เขาชูมือขึ้นมาผ่อนปมเนกไทของตนเอง เพื่อคลายออก ราวกับวินาทีต่อมาจะดึงเนกไทออก และเริ่มถอดเสื้อผ้า…
ญาธิดาตกใจหนักกว่าเดิม ระบบประสาทตึงเครียดหนักขึ้น “ภวินท์ คุณอย่าทำอะไรผลีผลามนะ ไม่งั้นฉันจะแหกปากเรียกคนมา!”
พอภวินท์ได้ยินดังนั้น แววตาก็ฉายรอยยิ้มออก เขาเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย พร้อมทั้งกระซิบพูด “มาขู่ผมถึงในห้อง คุณคิดว่ามันมีประโยชน์มั้ยล่ะ?”
ชายหนุ่มมีหลักการพอจึงไร้ความหวาดกลัวแต่อย่างใด พลางใช้ดวงตาดำขลับคู่นั้นจับจ้องมองเธอ ราวกับต้องการจะมองความนึกคิดที่อยู่ในใจของเธอให้ทะลุปรุโปร่ง
โดยไม่รอให้เธอเอ่ยปาก เขาก็ก้าวฝีเท้าเดินมาพุ่งเข้าหา และพูดกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “อยู่ที่นี่ ถ้าผมเกิดอยากทำอะไรกับคุณจริงๆ เกรงว่าคงไม่มีใครรู้หรอกครับ”
คำพูดประโยคที่เพิ่งพูดออกมาจากปาก จนทำให้ญาธิดาตกใจจนพูดไม่ออก ตอนที่เธอไม่รู้สึกว่าควรจะพูดอะไรออกไป จู่ๆ นอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ถัดมา ก็เป็นเสียงออดอ้อนดังขึ้น “พี่วินคะ อยู่ข้างในหรือเปล่าคะ?”
เป็นเสียงของนิวรา!
ญาธิดาเป็นคนเฉลียวฉลาดหลักแหลมคนหนึ่ง พลันแสดงความดีใจ พร้อมทั้งตั้งสติได้อย่างท่วงที
เธอรีบหันมองภวินท์ที่อยู่ทางด้านข้างทันควัน โดยที่มีความมั่นใจในดวงตาเพิ่มมากขึ้น “นิวรามา”
นัยน์ตาภวินท์หม่นหมองลง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น พร้อมทั้งเหลือบมองญาธิดาอย่างลึกซึ้ง หลังจากนั้นพริบตาเดียว ริมฝีปากบางก็เผยอเล็กน้อย “บัญชีในครั้งนี้เอาไว้ครั้งหน้าผมค่อยทบต้นทบดอกก็แล้วกัน”
เขาพูด พร้อมทั้งหันหลัง และเดินไปถึงประตู พร้อมทั้งเปิดประตูทันที
นิวรายิ้มหน้าบาน จังหวะที่เตรียมจะพูดอะไรบางอย่างนั้น ก็เห็นญาธิดาอยู่ด้านหลังของเขา สีหน้าหม่นหมองลงในบัดดล
“พี่วิน เธอ….”
โดยที่ไม่รอให้ภวินท์ตอบคำถาม ญาธิดากวาดตามองภวินท์ด้วยแววตาเย็นชา พร้อมทั้งพูดเสียงแข็ง “คุณภวินท์ เรื่องค่าเสื้อผ้าฉันจะให้คนโอนเงินให้คุณ ขอตัวก่อน”
พูดจบ เธอก็ก้าวฝีเท้าเดินออกไป โดยที่ไม่ชายตามองนิวราสักนิด
นิวราหันศีรษะไปมอง ก็มองเห็นแผ่นหลังของหญิงสาวเดินไปอย่างรวดเร็ว โกรธจนกัดฟันแน่น แต่ตอนที่หันหน้ากลับมานั้น เมื่อเธอมองภวินท์อีกครั้ง ดวงตาก็แดงก่ำ แสดงความน้อยเนื้อต่ำใจ น่าเวทนาเหลือทน “พี่วิน ทำไมพี่กับเธอ….”
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น พลันใช้สายตากวาดตามองเธอ และหันหลังกลับทันที พร้อมทั้งพูดด้วยความโกรธเคืองออกมา “เข้ามา”
นิวราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเดินตามเข้าไปด้านใน น้ำตาก็หยดแหมะลงมาเป็นสาย ตามประสาสาวงาม
ภวินท์เฉยเมยใส่ และนั่งลงบนโซฟาทันที พร้อมทั้งชะเง้อมองด้วยสายตาเย็นเฉียบ “ผู้หญิงสองคนนั่นคุณเป็นคนส่งไปแกล้งเธอใช่มั้ย?”
นิวราที่กำลังโกรธจัด พอมองเห็นภวินท์ไร้คำอธิบายใดๆ น้ำเสียงสูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ผู้หญิงอะไร? แกล้งใคร?”
สีหน้าภวินท์มืดหม่นลง ร่างกายเริ่มแผ่รัศมีความเยือกเย็นออกมา เขายื่นมือออกมาสไลด์โทรศัพท์ จากนั้นก็กดเปิดคลิปวิดีโอ และโยนลงบนโต๊ะทันที
ซึ่งคลิปที่กำลังเปิดอยู่ในโทรศัพท์นั้น เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดขณะที่ผู้หญิงสองคนนั้นกำลังช่วยกันรังแกญาธิดาอยู่ตรงประตูห้องน้ำ
สีหน้านิวราซีดเผือดทันที เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันควัน พร้อมทั้งดูซ้ำอีกรอบ จนสีหน้าย่ำแย่หนักกว่าเก่า
“ฉัน…ฉันเปล่านะ! ฉันไม่ได้ให้พวกเธอไปรังแกญาธิดาเลย!”
นิวราเบิกตาโต พร้อมทั้งใช้ใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์มองภวินท์
ภวินท์ส่งเสียงพึมพำในลำคอ ดวงตาดำขลับที่หม่นหมองจนไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ทำให้คนมองไม่ออก เขาค่อยๆ เอนหลังพิงเบาะโซฟา ภายในน้ำเสียงมีความรู้สึกหมดความอดทน “พวกเขาพูดว่าเป็นเพื่อนสนิทกับคุณ คุณว่า ปกติแล้วพวกเธอก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันแต่ดันมาหาเรื่องญาธิดาก็เพราะว่าใครล่ะ?”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป นิวราถึงกลับเป็นใบ้จนหมดคำพูดทันที
เธอเคยพูดสาดเสียเทเสียญาธิดาให้กับกลุ่มเพื่อนของเธอจริงๆ บางครั้งก็พลั้งปากจนพูดจาไม่น่าฟังด้วยความรู้สึกโกรธด้วยความร้อนใจ หรือว่านี่เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเธอทึกทักจนกล้าไปหาเรื่องญาธิดาถึงที่?
นิวรากำหมัดแน่น พร้อมทั้งแอบสบถด่าอยู่ในใจ : อีโง่!
จะตีสุนัขก็ต้องดูหน้าเจ้าของแหกตาดูบ้าง ในงานสถานการณ์เช่นนี้ พวกเธออยู่ในฐานะเพื่อนของเธอ การที่ตั้งใจทำให้ญาธิดาเกิดความลำบากใจ นั่นก็ไม่เท่ากับเอาโยนถังอุจจาระใส่หัวเธออย่างตรงๆ หรอกเหรอ?
ตอนที่เธอกำลังโมโหจนพูดไม่ออกนั้น จู่ๆ ชายหนุ่มที่นั่งสงบเสงี่ยมหนักแน่นราวกับภูเขาอยู่ทางนั้นก็แหงนหน้าขึ้น สายตาเย็นเฉียบ “นิว ทั้งๆ ที่คุณรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของคุณย่า ถ้าทะเลาะกันจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต คุณคิดบ้างไหมว่าควรจะจัดการกับเหตุการณ์นี้ยังไง?”
หัวใจนิวราบีบรัดแน่น ความดื้อรั้นทุกอย่างอยู่ในในใจพลันมลายหายไปทันที “ฉัน…พี่วินคะ ขอโทษ…”
คำขอโทษที่เพิ่งจะกลั่นกรองออกมาเมื่อครู่ยังไม่ได้พูดออกมาเลย จู่ๆ ภวินท์ก็ยกมือขึ้น เพื่อห้ามคำพูดของเธอเอาไว้ พลันหันมองไปทางด้านข้าง พร้อมทั้งพูดเสียงเย็นเฉียบ “เรื่องนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ถือว่าปล่อยผ่านไป”
เขาชะงักเล็กน้อย พร้อมทั้งใช้แววตาจับจ้องมองเธอตรงๆ “แต่คุณจำเอาไว้นะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่าไปหาเรื่องญาธิดาอีก”
คำพูดประโยคเดียว ราวกับมีค้อนหนัก พุ่งเข้ากระแทกหัวใจของนิวราเต็มแรง วินาทีนั้น ความอัปยศอดสู น้อยเนื้อต่ำใจ ความอิจฉาโกรธเกลียดทั้งหมดทั้งมวลมันพลุ่งพล่านขึ้นมา เธอกัดฟันเอาไว้ และเก็บงำความรู้สึกทั้งหมดไว้ในใจ และพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่แสดงมันออกมา
การที่ถูกสามีของตนเองมาตักเตือนว่าไม่ให้ไปยุ่งกับศัตรูหัวใจของตัวเอง ความรู้สึกเจ็บใจเช่นนี้มีแค่เธอนี่แหละที่สามารถเข้าใจได้
สุดท้ายแล้ว เธอก็ฝืนคลี่ยิ้มออกมา พลางเหลือบมองภวินท์และพูดขึ้นมา “อืม ฉันรู้แล้วค่ะ พี่วิน”
เมื่อภวินท์ได้ยินดังนั้น จึงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมทั้งลุกขึ้นยืน และมองมาทางเธอ สีหน้ายังคงไร้ความหวั่นไหวใดๆ “ไปกันเถอะ คุณย่าน่าจะรอพวกเราอยู่”
นิวราพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมทั้งแสร้งทำหน้าตาเชื่อฟัง เพื่อเดินออกไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเป็นเคียงคู่กับภวินท์ต่อ
เวลานี้ ถึงแม้ว่าเธอใกล้จะระเบิดอารมณ์ความโกรธเคืองอยู่รอมร่อ แต่ก็ไม่มีวันแสดงออกมาอย่างแน่นอน!
เธอเดินออกมาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ตอนที่ภวินท์โดนคนล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อชนแก้วนั้น เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเดินไปยังมุมห้องเพื่อกดโทรศัพท์ออก พร้อมทั้งออกคำสั่งด้วยความโกรธแค้น “ไปเอาตัวขนมกับแป้งมาไว้ที่บ้านพัก!”
ผู้หญิงสองคนนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ได้ช่วยเหลือ แถมยังทำให้เธอต้องมาแบกรับความผิดเอาไว้ ความโกรธแค้นเรื่องนี้เธอจะกลืนลงคอได้ยังไง!